มาดูกันว่าค่ากำหนดความเร็วสูงสุดเเละค่าปรับระหว่างประเทศไทยเเละญี่ปุ่นเเตกต่างกันอย่างไร

ประสบการณ์ใช้รถ | 3 พ.ค 2561
แชร์ 4

ถ้าคนผู้ชมของเราเคยมีโอกาสไปเที่ยวที่ต่างประเทศเเล้วอาจะจะประทับใจกับการจราจรมากใช่ไหมคะ วันนี้ Chobrod ขอพาคุณผู้ชมมามาดูกันว่าค่ากำหนดความเร็วสูงสุดเเละค่าปรับระหว่างประเทศไทยเเละญี่ปุ่น เเตกต่างกันอย่างไรนะคะ

ก่อนอื่นเราจะไปดูค่ากำหนดความเร็วสูงสุดเเละค่าปรับของประเทศของดอกไม้ซากุระญี่ปุ่นดังต่อไปนี้ในประเทศญี่ปุ่นโดยปกติ‌จะ‌ขับรถ‌ทางด้านซ้าย‌ของ‌ถนนต้อง‌ปฏิบัติตามป้ายจราจรทุกป้ายที่จำกัดความเร็วความเร็ว‌ที่‌จำกัด‌ตาม‌กฎหมาย‌คือ 60กิโลเมตร‌ต่อ‌ชั่วโมง‌บน‌ถนน‌ทั่วไป‌และ 100 กิโลเมตร‌ต่อ‌ชั่วโมง‌บน‌ทางด่วนอัตราโทษขับรถเร็วเกินกำหนด:อัตราโทษปรับขึ้นอยู่กับความเร็วที่เกินจากกฎหมายกำหนด หากขับเร็วเกิน 10 - 15 กม./ชม. มีโทษปรับ 9,000 เยน (2,604 บาท) หากขับเร็วเกินกว่า 30 กม./ชม.ขึ้นไป มีโทษปรับ 60,000 เยน (17,370 บาท) 
วันนี้ Chobrod ขอเอาความรู้เกี่ยวกับการจราจนที่ประเทศญี่ปุ่นมาฝากทุกท่านเผื่อโอกาสเราจะไปเที่ยวที่นี่ก็จะไม่เเปลกใจกับการจราจรต่อไปนี้
ในประเทศญี่ปุ่น พวงมาลัย‌จะ‌อยู่‌ด้านขวา ขอให้ปฏิบัติตามกฎหมายจราจรและขับรถอย่างปลอดภัยทุกคน‌บน‌รถ‌ต้อง‌คาด‌เข็มขัดนิรภัยคุณจะ‌ถูก‌ลงโทษ‌ตามกฎหมาย‌หาก‌ไม่‌คาด‌เข็มขัดนิรภัย 

  ​พวงมาลัย‌จะ‌อยู่‌ด้านขวา        
พวงมาลัย‌จะ‌อยู่‌ด้านขวา

เด็กอายุต่ำกว่าหกขวบต้องนั่งเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็ก

เด็กอายุต่ำกว่าหกขวบต้องนั่งเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็ก

สำหรับเรื่องสัญญาณไฟจราจรไฟแดงหมายความว่า“หยุด”เสมอหากสัญญาณไฟจราจรที่หันเข้าหาคุณเป็นสีแดงให้หยุดและรอจนกว่า‌สัญญาณไฟ‌จะ‌เปลี่ยน‌เป็น‌สีเขียวเเละไปตามลูกศรสีเขียวหากสัญญาณไฟจราจรที่หันเข้าหาคุณเป็นสีแดงให้หยุดและรอจนกว่า‌สัญญาณไฟ‌จะ‌เปลี่ยน‌เป็น‌สีเขียวแต่หาก‌มี‌ลูกศร‌สีเขียวคุณสามารถเลี้ยวไปเฉพาะในทิศทางที่ลูกศรระบุได้ 

  สัญญาณไฟจราจร 

 สัญญาณไฟจราจร

ไม่อนุญาตให้เลี้ยวเมื่อมีสัญญาณไฟแดงรถยนต์ทุกคันต้องหยุดเมื่อสัญญาณไฟจราจรข้างหน้าเป็นสีแดงและไม่อนุญาตให้ไปจนกว่าสัญญาณไฟจะเปลี่ยน‌เป็น‌สีเขียว ซึ่งรวมถึงรถที่จะตรงไปและรถที่จะเลี้ยวซ้าย                                                      

ไม่อนุญาตให้เลี้ยวเมื่อมีสัญญาณไฟแดง

ไม่อนุญาตให้เลี้ยวเมื่อมีสัญญาณไฟแดง

ส่วนสำหรับรถที่จะเลี้ยวขวาต้องให้ทางในประเทศญี่ปุ่นรถเลี้ยวซ้าย‌มี‌สิทธิ‌ผ่านทางก่อนหาก‌คุณ‌จะเลี้ยวขวารถ‌ที่‌วิ่ง‌มา‌มี‌สิทธิ‌ผ่านทางก่อนดังนั้น‌ต้อง‌รอ‌จนกว่า‌รถ‌ที่วิ่งมา‌ขับผ่าน‌ตรงไป‌หรือ‌เลี้ยวซ้าย‌ก่อน‌ที่คุณจะ‌เลี้ยวขวาคนเดินเท้า‌มี‌สิทธิ‌ผ่านทาง‌เสมอไม่‌ว่า‌คุณ‌จะ‌เลี้ยว‌ซ้าย‌หรือ‌ขวาโปรด‌ระวังคนเดินเท้าขณะเลี้ยวระวังเขตห้ามแซงห้ามแซง‌ใน‌เขต‌ที่‌มี‌เส้นกลาง‌ถนนเป็น‌สีเหลืองรอ‌จนกว่า‌คุณจะ‌ผ่าน‌เขตห้ามแซง‌แล้วจึงสามารถ‌แซง‌ได้‌อย่างปลอดภัย                                                              

รถที่จะเลี้ยวขวาต้องให้ทาง

รถที่จะเลี้ยวขวาต้องให้ทาง

ต่อไปคือเราจะไปทำความเข้าใจกันเรื่องค่ากำหนดความเร็วสูงสุดเเละค่าปรับของประเทศไทย ดังต่อไปนี้
ที่ประทเศไทยสำหรับในเขตเทศบาล: 80 กม./ชม เเละถ้านอกเขตเทศบาล: 90 กม./ชม ส่วนทางด่วนในเมือง: 80 กม./ชม. เเละทางด่วนนอกเมือง: 110 กม./ชม. เเละมอเตอร์เวย์: 120 กม./ชม.อัตราโทษขับรถเร็วเกินกำหนด: อัตราโทษปรับ 200-500 บาท อัตรากำหนด 400 บาท และอาจเพิ่มเป็น 1,000 บาท ในบางพื้นที่ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่สรุปว่าความเร็วสูงสุดที่กฎหมายกำหนดในประเทศไทยยังถือว่าสูงกว่าประเทศที่พัฒนาอย่างญี่ปุ่นโดยซ้ำเเละยังมีอัตราโทษที่สูงมาก จนทำให้คนไม่กล้าที่จะฝ่าฝืนกฎหมายเเละประเทศไทยก็มีกฏการจราจร 10 ข้อเบื้องต้นที่คนขับรถยนต์ทุกคนควรทราบเพื่อลดความเสี่ยงเเละอันตรายเมื่อเราขับรถนั้นเอง                                      

การจราจรที่ประเทศไทย
 

การจราจรที่ประเทศไทย
 

การจราจรที่ประเทศไทย
 

การจราจรที่ประเทศไทย

การจราจรที่ประเทศไทย

กฏข้อที่ 1 คือ บอนุญาตขับรถและเอกสารสำเนาภาพถ่ายใบคู่มือจดทะเบียนรถ
ขณะขับรถผู้ขับขี่ต้องมีเอกสารสำเนาภาพถ่ายใบคู่มือจดทะเบียนรถใช้คู่กับใบอนุญาตขับรถหากใบอนุญาตขับรถสูญหายหรือชำรุดต้องยื่นขอรับใบแทนต่อนายทะเบียนภายใน15วันผู้ขับรถไม่มีใบอนุญาตขับรถ มีความผิดจำคุกไม่เกิน1เดือนหรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
กฏข้อที่ 2 คือ เปิดไฟเลี้ยว
ผู้ขับขี่ที่ต้องการเลี้ยวรถต้องชะลอรถและเปิดไฟเลี้ยวก่อนถึงทางเลี้ยวไม่น้อยกว่า30เมตร เพื่อให้ผู้ที่ขับตามหลังมาทราบจอดไม่ห่างจากขอบทางไม่เกิน25เซนติเมตร
กฏข้ที่ 3 คือ การจอดรถ
ต้องจอดให้ห่างจากขอบทางไม่เกิน 25เซนติเมตร การจอดรถห้ามจอดริมฟุตบาทที่มีแถบสีขาวแดงโดยเด็ดขาด และการหยุดรถบริเวณทางแยกผู้ขับขี่ต้องหยุดหลังเส้นแนวหยุด
กฏข้อที่ 4 คือ ดื่มแล้วขับเท่ากับฆาตกร
ผู้ขับรถที่ดื่มสุรา เมื่อวัดระดับแอลกอฮอล์ในลมหายใจจะต้องไม่เกิน50มิลลิกรัมเปอร์เซ็น ส่วนผู้ขับรถยนต์สาธารณะ ผู้ขับรถโดยสารสาธารณะและรถบรรทุกขณะขับรถต้องมีระดับแอลกอฮอล์ในลมหายใจเท่ากับศูนย์เท่านั้น
กฏข้อที่ 5 คือ ไม่ขับเร็วเกินกฏหมายกำหนด
ในเขตกรุงเทพ เขตเมืองพัทยา หรือเขตเทศบาล ผู้ขับรถตามกฎหมายรถยนต์ต้องขับรถด้วยความเร็วไม่เกิน80กิโลเมตรต่อชั่วโมง นอกเขตกรุงเทพ เขตเมืองพัทยา หรือเขตเทศบาลผู้ขับรถตามกฎหมายรถยนต์ต้องขับรถด้วยความเร็วไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
กฏข้อที่ 6 คือ เสียงเครื่องยนต์ดังไม่เกิน 80 เดซิเบล
รถที่สามารถนำมาใช้ในทางเดินรถได้ต้องเป็นรถที่มีเสียงเครื่องยนต์ดังในระดับ80เดซิเบล ห้ามนำรถที่มีเสียงดังกว่าเกณฑ์ที่ทางราชการกำหนด รถที่มีสิ่งลากถูไปบนทางเดินรถ หรือนำรถที่มีล้อไม่ใช่ยางมาใช้
กฏข้อที่ 7 คือ เปิดไฟขณะขับรถในตอนกลางคืน
ในยามวิกาลผู้ขับขี่ต้องเปิดไฟหน้าหรือไฟท้ายรถ ให้รถคันอื่นเห็นได้ในระยะไม่น้อยกว่า150เมตร ห้ามมิให้ผู้ขับขี่รถแซงเพื่อขึ้นหน้ารถคันอื่นขณะที่มีหมอก ฝุ่น ฝน หรือควัน จะไม่อาจเห็นทางข้างหน้าได้ในระยะ60เมตร
กฏข้อที่ 8 คือ ระยะห่างที่ปลอดภัย
ขณะขับขี่รถต้องเว้นระยะห่างรถคันหน้าในระยะที่ปลอดภัย และในการขับรถสวนทางกัน ผู้ขับขี่ต้องให้ขับรถชิดด้านซ้าย
กฏข้อที่ 9 คือ เสียภาษีประจำปี
รถที่ไม่เสียภาษีประจำปีภายในกำหนด จะต้องเสียเงินเพิ่มร้อยละ1ต่อเดือน รถยนต์ที่มีอายุครบ7ปีต้องนำไปตรวจสภาพรถก่อนเสียภาษีประจำปี ส่วนรถจักรยานยนต์ที่มีอายุครบ5ปีต้องนำไปตรวจสภาพรถก่อนเสียภาษีประจำปี รถที่ค้างชำระภาษีประจำปีติดต่อกันครบสามปี จะมีผลตามกฎหมาย คือ ทะเบียนระงับ
กฏข้อที่ 10 คือ การซื้อขายโอนรถ
การโอนรถต้องแจ้งต่อนายทะเบียนภายใน15วันการเปลี่ยนสีรถต้องแจ้งต่อนายทะเบียนภายใน7วันและการย้ายรถต้องแจ้งต่อนายทะเบียนภายใน15วัน

ด้วยความปรารถนาดีจาก Chobrod ขอให้ทุกคนมีความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องจราจรให้ได้ชัดเจนเเละอย่าลืมแชร์ความรู้ของคุณของคุณให้เราด้วยโดยการให้ Comment ด้านล่างนี้ได้เลย