คนท้องขับรถได้ไหม? ต้องระวังอย่างไรบ้างให้ขับขี่ปลอดภัย

ผู้หญิงเมื่อตั้งครรภ์ รูปแบบการใช้ชีวิตหลาย ๆ อย่างก็มีการเปลี่ยนไป ต้องมีการระมัดระวังในการใช้ชีวิตที่มากขึ้น ดูแลตัวเองให้ดีกว่าเดิม เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวเองและถนอมให้ลูกน้อยแข็งแรงปลอดภัย ซึ่งการดูแลตัวเองของคุณแม่นั้น ก็มีทั้งเรื่องของสุขภาพ อาหารการกิน การพักผ่อน และรวมถึงการเดินทางด้วย สำหรับการเดินทางนั้น อาจจะคุณแม่หลายคนอาจจะมีคำถามว่าถ้าต้องขับรถจะสามารถทำได้ไหม และต้องทำอย่างไร

คนท้องควรขับรถหรือเปล่า?

อันที่จริงแล้วสำหรับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ไม่ควรขับรถ เพราะการขับรถทำให้เกิดความเครียดที่จะมีผลต่อลูกในท้อง อีกทั้งงานวิจัยของสหรัฐระบุไว้ว่า การขับขี่ของหญิงตั้งครรภ์มีความเสี่ยงต่อการแท้งมากขึ้น ทางที่ดีที่สุดคือให้คุณพ่อช่วยรับส่ง หรือโดยสารรถขนส่งสาธารณะ

หากไม่จำเป็น หญิงตั้งครรภ์ควรเลี่ยงการขับรถด้วยตัวเอง

แต่ถ้าเกิดความจำเป็นที่จะต้องขับรถขึ้นมา อาจจะด้วยความสะดวกส่วนตัวหรือเหตุผลใด ๆ ก็ตาม ถ้าจะต้องขับรถด้วยตัวเองแล้ว Chobrod ก็มีเรื่องที่ต้องรู้เอาไว้ เพื่อความปลอดภัยในการใช้รถดังนี้

ระยะการขับรถของคุณแม่ตั้งครรภ์

ถึงจะมีความจำเป็นที่จะต้องขับรถ แต่ใช่ว่าจะขับได้ตลอดเวลาตั้งแต่ช่วงตั้งครรภ์จนถึงจวนใกล้คลอด ยังคงมีระยะที่ต้องระวังอีกด้วย

• ช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ คุณแม่ยังสามารถขับรถได้ เพราะหน้าท้องไม่ได้มีผลต่อการขับรถ แต่คุณแม่ที่มีอาการแพ้ท้อง เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อ่อนเพลีย อาการเหล่านี้จะมีผลต่อความสามารถในการขับขี่ ควรเลี่ยงการขับขี่และให้คนอื่นขับแทนจะดีที่สุดเพื่อความปลอดภัย
• ช่วงไตรมาสที่ 2 อายุครรภ์ประมาณ 4-6 เดือน เป็นช่วงที่ท้องจะขยายใหญ่มากขึ้น ควรงดการขับรถ แต่หากยังจะต้องขับรถ ควรปรึกษาแพทย์จะดีกว่า เพราะมีบางคนเกิดกรณีแท้งคุกคามจากการเคลื่อนไหวร่างกายด้วย
• ช่วงไตรมาสสุดท้ายก่อนใกล้คลอด เดือนที่ 7-9 ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางไกล แต่ถ้ายังต้องเดินทาง แนะนำให้เป็นการเดินทางระยะใกล้ ไม่ควรขับเกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ดูเพิ่มเติม
>> วิธีจอดรถบนทางลาดชันเพื่อถนอม ‘เกียร์ออโต้’ ของรถคุณ
>> ผู้เช่าซื้อรถยนต์เสียชีวิต เท่ากับหมดภาระหนี้หรือเปล่า?

ต้องรู้ท่านั่งที่ถูกต้อง

การนั่งขับรถขณะตั้งครรภ์ ต้องมีพื้นที่เอาไว้เผื่อในกรณีที่เบรกกะทันหัน ป้องกันไม่ให้กระแทกกับพวงมาลัย และแอร์แบ็กไม่กระแทกเข้ากับท้อง หรือหาเบาะนุ่ม ๆ มาวางคาดไว้กับท้อง เพื่อป้องกันสายเข็มขัดรัดแน่นไป แต่หากไม่สะดวกก็ไม่ต้องวางก็ได้

ปรับท่านั่งที่คุณแม่สะดวก

จากนั้นให้ปรับที่นั่งให้สบาย ไม่ใกล้ไม่ไกลจากพวงมาลัยจนเกินไป ควรปรับให้เบาะถอยห่างจากพวงมาลัยประมาณ 10 เซนติเมตร และปรับเบาะเอนกว่าเดิมเล็กน้อย พร้อมกับปรับพวงมาลัยให้สูงขึ้น โดยคุณแม่ต้องมั่นใจว่านั่งสบาย สามารถควบคุมคันเร่งและเบรกได้ถนัด

เข็มขัดนิรภัยนั้นสำคัญ

เข็มขัดนิรภัยนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมาก นอกจากจะช่วยลดความรุนแรงเมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้ว ยังช่วยลดและป้องกันอันตรายต่อลูกในครรภ์ อย่าคิดว่าการคาดเข็มขัดจะทำให้คุณแม่รู้สึกอึดอัด ทำให้ไม่อยากจะคาด เพราะมีวิธีการคาดเข็มขัดที่ถูกต้องสำหรับผู้หญิงตั้งครรภ์ นั่นคือให้พาดเฉียงอย่าให้โดนท้อง สายตรงอีกเส้นให้รัดไว้ตรงช่วงขา เพื่อลดความอึดอัดจากการคาดเข็มขัดนิรภัย

คนท้องขับรถ ให้คาดเข็มนิรภัยแบบไม่โดนท้อง

รายงานการศึกษาหนึ่งในสหรัฐอเมริกาพบว่าคุณแม่ท้องที่ไม่ได้คาดเข็มขัดในการขับขี่ หากเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ มีความเสี่ยงที่จะคลอดทารกได้อย่างปลอดภัยน้อยมากเป็น 1.3 เท่า ของคุณแม่ที่ไม่ได้เกิดอุบัติเหตุขณะตั้งครรภ์  มีโอกาสเลือดออกมากขณะคลอด 2.1 เท่า และทารกเสียชีวิตมากเป็น 2.8 เท่า

ยังมีอีกงานวิจัยที่ระบุไว้ว่า คุณแม่มีโอกาสแท้งลูก 3 เท่า และเกิดอาการเลือดตกในถึง 2 เท่าเมื่อเกิดอุบัติเหตุ แม้จะไม่รุนแรงก็ตามก็ยังมีโอกาสแท้งลูก 5% ซึ่งในจำนวนดังกล่าวนี้ มีมากกว่า 68% ที่เกิดขึ้นจากคนที่ไม่ยอมคาดเข็มขัดในขณะขับขี่ และปรับท่านั่งไม่ถูกต้อง

คุณแม่ควรมีมือถือเอาไว้กับตัว แต่ไม่ควรใช้ขณะขับรถ

นอกจากการปรับท่านั่งและการคาดเข็มขัดจะสำคัญแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ควรปฏิบัติคือการแสดงให้คนอื่นรู้ว่าเรากำลังตั้งครรภ์ เช่นการติดสติกเกอร์บอกเอาไว้เพื่อให้รถคันที่ตามมาได้ระวังในการขับขี่ด้วย รวมไปถึงคุณแม่เองควรเก็บโทรศัพท์เอาไว้ในที่ที่เอื้อมถึงง่าย เผื่อกรณีฉุกเฉินจะได้สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้สะดวก

ดูเพิ่มเติม
>> ขึ้นทางด่วนฟรี วันจักรี เทศกาลสงกรานต์ 6 และ 13-15 เม.ย. 64
>> Scooter ไฟฟ้า ผิดกฎหมายหรือเปล่า? วิ่งบนถนนหลวงได้ไหม?

เข้าดู ราคารถยนต์มือสอง ได้ที่นี่