สัญลักษณ์ เกียร์ออโต้ มีอะไรบ้างที่ต้องรู้

ประสบการณ์ใช้รถ | 21 ธ.ค 2565
แชร์ 55

ความหมายเกียร์ออโต้ สัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่คนขับรถจำเป็นต้องรู้ หรือมือใหม่ที่หัดขับรถเกียร์ออโต้ แล้วยังจำตำแหน่งหรือไม่เข้าใจความหมาย มาลองทำความเข้าใจไปพร้อมกัน

หลายคนที่ขับรถเกียร์ออโต้มานาน คงจะมีความรู้ ความเข้าใจกันแล้ว ว่าสัญลักษณ์รถเกียร์ออโต้ ที่เป็นตัวอักษร เป็นตัวแรกต่าง ๆ นั้น มีความหมายอย่างไร แต่สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งหัดขับรถ หรือคนขับรถเป็นอยู่แล้วแต่เพิ่งหักมาใช้รถเกียร์อัตโนมัติ อาจจะยังสับสนและจดจำชุดตัวอักษรเหล่านี้ไม่ได้

เกียร์ออโต้ มือใหม่หัดขับควรรู้

เกียร์ออโต้มีอะไรบ้าง รถยนต์อัตโนมัติกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่าให้ประสบการณ์การขับขี่ที่นุ่มนวลและสะดวกสบายยิ่งขึ้น คุณสมบัติหลักอย่างหนึ่งของรถอัตโนมัติคือเกียร์อัตโนมัติ ซึ่งให้คุณเลือกตำแหน่งเกียร์ได้สี่ตำแหน่ง: P (จอด), R (ถอยหลัง), N (เกียร์ว่าง) และ D (ขับ) ตำแหน่งเกียร์แต่ละตำแหน่งมีฟังก์ชันเฉพาะของตัวเอง ช่วยให้คุณปรับประสบการณ์การขับขี่ของคุณให้เหมาะสมตามสภาพถนนในปัจจุบัน จากมุมมองด้านความปลอดภัย รถยนต์เกียร์อัตโนมัติยังช่วยให้ควบคุมรถของคุณได้ดีขึ้นและช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุได้

ตำแหน่ง สัญลักษณ์เกียร์ออโต้ ที่ควรรู้
ตำแหน่ง สัญลักษณ์เกียร์รถออโต้ มีอะไรบ้าง

วันนี้ Chobrod มาสรุปให้เข้าใจแบบง่าย ๆ อีกครั้ง มาดูกันว่า ความหมายเกียร์รถออโต้ในตัวเลขต่าง ๆ เหล่านี้ คืออะไรบ้าง

P คือรถต้องนิ่งก่อนจอด

P ย่อมาจาก Parking ไว้ใช้เมื่อจอดรถในที่จอดรถ ในที่กำหนดให้จอด หรือไว้เวลาจอดในบริเวณที่ลาดชัน โดยต้องการให้ล้อรถถูกล็อก ไม่ให้เคลื่อนที่ หรือถูกเข็นได้ โดยเมื่อไหร่ที่เราใช้เกียร์ P นั้น ต้องมั่นใจว่ารถจอดนิ่งสนิทแล้วและไม่ขวางทางรถคันอื่น หากจอดในทางลาดชัน ให้ดึงเบรกมือเสริมไว้ด้วย

R จำไว้ตลอดใช้ถอยหลัง

R ย่อมาจาก Reverse เป็นเกียร์ถอยหลัง เมื่อเกียร์อยู่ในตำแหน่งนี้แล้ว รถจะถอยหลังได้เองอย่างช้า ๆ โดยที่ไม่ต้องเหยียบคันเร่ง และไม่แนะนำให้เหยียบเวลาถอยหลัง จะทำให้รถถอยอย่างเร็ว เสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ จึงควรใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมากเมื่อใช้งาน และควรดูให้แน่ใจว่าบริเวณรอบ ๆ รถ ทั้งข้างรถและด้านหลังไม่มีสิ่งกีดขวางใด ควรวางเท้าไว้ที่แป้นเบรกตลอดเวล เพื่อให้เหยียบเบรกรถได้ทันทีเมื่อต้องการหยุดรถ

N เกียร์ว่างไว้จอดชั่วคราว

เกียร์ N เหมาะกับการจอดเวลาจอดติดไฟแดง
เกียร์ N เหมาะกับการจอดเวลาจอดติดไฟแดง

N ย่อมาจาก Neutral เป็นเกียร์ว่าง ไว้ใช้จอดชั่วคราว เช่น จอดติดไฟแดง หรือจอดชะลอกรณีมีการจราจรติดขัด มีรถคันหน้าขวางทางอยู่ นอกจากนี้ยังสามารถใช้จอดไว้ในที่จอดรถตามห้าง หรือสถานที่ให้จอดในกรณีที่จอดรถเต็มได้ โดยล้อของรถจะไม่ถูกล็อก สามารถเข็นได้ แต่ระวังอย่างลืมปลดเบรกมือ หากต้องจอดรถซ้อนกับรถคันอื่น

D ขับยาว ๆ ไว้วิ่งทางราบ

D ย่อมาจาก Drive แปลตรงตัวว่าการขับขี่ เป็นเกียร์สำหรับการขับขี่ปกติ ใช้สำหรับเดินหน้ารถ เมื่อเกียร์อยู่ตำแหน่ง D รถจะเริ่มออกตัวแล่นไปเองช้า ๆ เมื่อเหยียบคันเร่ง เกียร์จะเปลี่ยนให้เองอัตโนมัติ เริ่มตั้งแต่เกียร์ 1 ไปถึงเกียร์สูงสุด เช่น หากเป็นรถ 4 จังหวะ ก็จะวิ่งไปถึง 4 หรือหากเป็น 6 จังหวะ ก็จะวิ่งไปถึง 8 จังหวะ โดยจะขึ้นอยู่กับความเร็วของรถด้วย เป็นเกียร์ที่ใช้บ่อยที่สุด เน้นวิ่งทางราบเป็นหลัก

D3 ขับเนิบนาบ ขึ้นสะพาน

ยังอยู่กันต่อกับเกียร์เดินหน้า สำหรับ D3 เป็นเกียร์ที่เราจะใช้เมื่อต้องการเร่งเครื่องแซง โดยเมื่อตำแหน่งเกียร์อยู่ที่ D3 เครื่องยนต์ของรถจะมีกำลังแรงขึ้นมากพอที่จะขับแซงคันหน้าไปได้ หรืออาจใช้เมื่อขับขึ้นทางชันเล็กน้อย เช่น ขับขึ้นสะพาน โดยจะจำกัดรอบวิ่งให้อยู่แค่เกียร์ 1-3 อัตโนมัติ เพื่อป้องกันไม่ให้เกียร์เปลี่ยนกลับไปกลับมาระหว่างเกียร์ 3 และเกียร์ 4 รอบวิ่งจะต่ำลงแต่แรงม้าเท่าเดิม

D2 ต้องเชี่ยวชาญ เมื่อขึ้นเขา

เลือกใช้เกียร์ให้เหมาะสม และทำความเร็วให้ถูกต้อง
เลือกใช้เกียร์ให้เหมาะสม และทำความเร็วให้ถูกต้อง

ตำแหน่งของเกียร์ D2 โดยมากแล้ว จะใช้เมื่อขับรถขึ้น-ลงเนินที่ค่อนข้างชัน เช่น ภูเขา หรือทางคดเคี้ยว หรือขับรถขึ้นลงในที่จอดตามห้างหรืออาคารสูง ๆ โดยรถจะเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติที่เกียร์ 1-2 เพื่อปรับให้เหมาะกับการขับขี่ขึ้นทางลาดชันที่ไม่สูงมากและใช้ความเร็วได้พอสมควร

L  ขับเบา ๆ รอบต่ำ ความชันสูงมาก

L ย่อมาจาก Low หรือเกียร์ 1 ที่จะใช้ในการขับขี่ขึ้นลงเนินที่สูงชันมาก ๆ และต้องใช้ความเร็วต่ำมาก โดยเฉพาะในตอนลงเขา เกียร์ L จะเป็นการใช้เครื่องยนต์ช่วยเบรก เพื่อลดการเหยียบเบรกของเรา ช่วยยืดอายุผ้าเบรกให้ยาวนานขึ้น ซึ่งตำแหน่งเกียร์ที่ L จะไม่มีการปรับอัตราทดให้เกียร์ให้ เหมาะกับการขับช้า ๆ และไม่แนะนำให้เปลี่ยนเกียร์ L กะทันหันทันทีที่รถขับมาเร็ว ๆ

เพิ่มเติม เกียร์ S หรือ B

ในรถรุ่นใหม่ ๆ ในปัจจุบัน มีเกียร์ S ที่มาเพิ่มเติม โดยเกียร์ S ย่อมาจาก Sport ที่จะช่วยให้เปลี่ยนอัตราทดเกียร์ช้าลง เครื่องยนต์ลากรอบมากกว่าปกติ รถจะมีกำลังมากขึ้นในยามจำเป็น ไว้ใช้สำหรับเร่งแซง ส่วน B ย่อมาจาก Break ใช้ขับรถขึ้นลงทางลาดชัน ทำงานเหมือนกับเกียร์ L

อาจจะดูเหมือนมีส่วนที่ต้องให้จำเยอะแยะไปหมด แต่ถ้าหากเข้าใจความหมายของตัวอักษรเหล่านี้ ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำความเข้าใจเลย เพียงแค่เวลาเลือกใช้เกียร์ก็ต้องทำให้ถูกโอกาสเท่านั้น เพียงแค่นี้ เรื่องการขับรถเกียร์ออโต้ ก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับมือใหม่อีกต่อไปแล้ว

ดูเพิ่มเติม
>> ทำไมไทย ขับรถเลนซ้าย เผยที่มาของการจราจรซ้ายมือและขวามือ
>> รู้เอาไว้ ขับรถ ปลอดภัยในหน้าฝน

 เข้าดู รถยนต์มือสองราคาถูก ได้ที่นี่

Knong NTP
Avatar

Knong NTP

บรรณาธิการ
ในตอนเด็ก ที่บ้านของผมเป็นอู่ซ่อมรถ ผมมักจะได้ไปเรียนรู้เรื่องเครื่องยนต์รถและงานเทคนิคช่างต่าง ๆ กับพ่อ และสนใจเรื่องแต่งรถกระบะจากน้า จากนั้นก็ซึมซับมาเรื่อย ๆ จากความชอบก็เป็นความรัก ความผูกพัน เริ่มสะสมนิตยสาร มอเตอร์แทร็ก,...

FAQS

ความหมายของเกียร์ออโต้ ใช้ทำอะไร?

ระบบเกียร์อัตโนมัติ (เกียร์ออโต้) ทำออกมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ขับขี่เพียงแค่เหยียบคันเร่งก็สามารถนำรถเคลื่อนที่ไปด้านหน้าได้โดยที่ไม่ต้องมีการปรับระดับเกียร์เหมือนดังเช่นในระบบเกียร์แบบธรรมดานั่นเอง อีกทั้งยังตอบโจทย์ผู้ขับขี่ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญการใช้งานรถที่ติดตั้งระบบเกียร์ธรรมดาก็สามารถที่จะเปลี่ยนมาใช้งานรถที่ติดตั้งระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติซึ่งใช้งานง่าย

เกียร์ออโต้มีอะไรบ้าง?

ระบบเกียร์อัตโนมัติมีอยู่ด้วยกัน 4 รูปแบบ คือ
1.ระบบเกียร์ออโต้แบบ AMT
2.ระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT
3.ระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ Torque Converter
4.ระบบเกียร์อัตโนมัติแบบคลัทช์คู่ DCT

สัญลักษณ์ เกียร์ออโต้ มีอะไรบ้าง?

รู้หรือไม่ระบบเกียร์ออโต้ประกอบไปด้วยสัญลักษณ์ P รถหยุดนิ่ง , สัญลักษณ์ D รถกำลังขับเคลื่อน , สัญลักษณ์ D2 ขับขึ้นเนิน หรือ พื้นที่มีความลาดชัน , สัญลักษณ์ D3 ขับขึ้นเนินอย่างเนิบนาบ , สัญลักษณ์ L เครื่องยนต์เดินรอบต่ำสำหรับขับขึ้นพื้นที่สูงชัน , สัญลักษณ์ R รถถอยหลัง , สัญลักษณ์ N เกียร์ว่าง