เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) เปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% 2 รุ่นใหม่ บนตระกูล EQE-Class กับ Mercedes EQE 350 4MATIC SUV AMG Dynamic ราคา 5,650,000 บาท และ Mercedes-AMG EQE 53 4MATIC+ ราคา 5,950,000 บาท
วันที่ 26 กันยายน 2566 เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) เปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ลงตลาด 2 รุ่น EQE 350 4MATIC SUV AMG Dynamic และ Mercedes-AMG EQE 53 4MATIC+ ภายในงาน “Ambition for the Future” เมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้เผยแนวคิดของโมเดลธุรกิจใหม่ที่มีชื่อว่า “Retail of the Future” โดยเตรียมปรับใช้ในช่วงต้นปี 2024
อ่านเพิ่มเติม - Mercedes Benz GLC 2023 เจเนอเรชั่นใหม่ ประเดิมขุมพลังปลั๊กอิน 350e 4MATIC AMG Dynamic ราคา 4.18 ล้านบาท
มีสีตัวถังให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่
EQE 350 4MATIC SUV AMG Dynamic เป็นรถเอสยูวีพลังงานไฟฟ้า 100% ที่มาพร้อมระบบการขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ All-Wheel Drive ทำให้รถยนต์คันนี้เหมาะกับการขับขี่ทั้งในรูปแบบ On Road และ Off Road โดยผสานขุมพลังไฟฟ้า 100%
มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ Permanently Excited Synchronous Motors (PSM) มอบกำลังแรงม้ารวมสูงสุด 292 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุด 765 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพียง 6.6 วินาที
แบตเตอรี่แรงดันสูงแบบลิเธียมไอออน (Li-Ion) ความจุ 89 kWh ช่วยให้สามารถขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าได้ไกลกว่า 558 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP รองรับการชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบกระแสตรง (DC Charge) สูงสุด 170 kWh ใช้เวลาชาร์จจาก 10 – 80% เพียง 31 นาที ส่วนการชาร์จแบบกระแสสลับ (AC Charge) รองรับสูงสุด 11 kWh ใช้เวลาชาร์จจาก 0 – 100% ในระยะเวลา 9 ชั่วโมง 30 นาที
ภายนอกตกแต่งด้วยชุดแต่ง AMG Exterior Package ดีไซน์กระจังหน้าแบบ Mercedes-Benz pattern มอบความปลอดภัยและทัศนวิสัยขั้นสูงสุดให้แก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้วยไฟหน้า DIGITAL LIGHT ที่ให้ความละเอียดสูงถึง 1.3 ล้านพิกเซลต่อ 1 โคมหลอด แบบ HD system พร้อมเทคโนโลยี ULTRA RANGE Highbeam ส่องสว่างได้ไกลถึง 650 เมตร และสามารถปรับการส่องสว่างระหว่างขับขี่บนท้องถนนได้อย่างต่อเนื่องตามสภาพการจราจรและสภาพอากาศ
ด้านหลังดีไซน์ไฟท้าย 3D helix design แบบคาดยาวตลอดช่วงท้ายรถ ติดตั้งล้ออัลลอยด์แบบ AMG Multi-spoke ขนาด 21 นิ้ว ผสานการทำงานด้วยระบบกันสะเทือนแบบถุงลม (AIRMATIC) ช่วยยกระดับการขับขี่ให้เป็นไปอย่างนุ่มนวลและน่าประทับใจไปอีกขั้น นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งระบบกุญแจแบบ KEYLESS-GO พร้อมมือจับประตูแบบไร้รอยต่อ (Seamless door handles)
ห้องโดยสารตกแต่งแบบ AMG Line Interior ติดตั้งพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบสปอร์ต หุ้มด้วยหนัง Nappa เบาะคู่หน้า Sport seats ปรับระดับด้วยไฟฟ้าและเสริมด้วยฟังก์ชันหน่วยความจำแบบ memory seat โดดเด่นด้วยหน้าจอแสดงผลบริเวณแผงคอนโซลกลาง MBUX Hyperscreen ขนาด 56 นิ้ว ที่ออกแบบตามแนวคิด Zero Layer Concept โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ประกอบไปด้วย หน้าจอ OLED ตรงกลางขนาด 17.7 นิ้ว ฝั่งซ้าย 12.3 นิ้วสำหรับ ผู้โดยสารตอนหน้าหน้าจอ LED แสดงผลการขับขี่ขนาด 12.3 นิ้ว สำหรับผู้ขับขี่ พร้อมจอแสดงผลแบบ Head-up Display
สามารถควบคุมระบบการขับขี่ด้วยการสัมผัสบริเวณจอกลางผ่านฟังก์ชั่น DYNAMIC SELECTED ปรับโหมดการขับขี่ได้ทั้งแบบ ECO, COMFORT, SPORT, INDIVIDUAL และโหมด OFFROAD ซึ่งเป็นโหมดสำหรับการขับขี่ในรูปแบบ Off-Road โดยเฉพาะ ในห้องโดยสารติดตั้งหลังคาพาโนรามิคซันรูฟ เปิด – ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า (Panoramic sliding sunroof) ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ THERMOTRONIC 4 โซน ระบบฟอกอากาศแบบ ENERGIZING AIR CONTROL Plus และระบบตรวจวัดระดับฝุ่นละออง PM 2.5
ระบบแผนที่นำทางแบบ Hard-disc navigation ด้วยแผนที่แบบ 3 มิติ ระบบสแกนลายนิ้วมือและ Face ID ยืนยันผู้ใช้งาน และอุปกรณ์สื่อสารด้วยสัญญาณ LTE สำหรับบริการ Mercedes me connect ผสานการทำงานกับระบบมัลติมีเดียแบบ MBUX มอบความรื่นรมย์ด้วยระบบความบันเทิงภายในรถด้วย Active Ambient Lighting กว่า 64 เฉดสี ที่จะช่วยสร้างบรรยากาศที่หลากหลายให้กับห้องโดยสาร ระบบเสียงรอบทิศทางแบบ Burmester 3D surround sound system ทรงพลังด้วยลำโพงคุณภาพสูง 15 ตัว รอบห้องโดยสารที่มีกำลังขับขนาด 710 วัตต์ และเทคโนโลยี Dolby Atmos
สำหรับเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยของ EQE 350 4MATIC SUV AMG Dynamic มีการติดตั้งระบบความปลอดภัยที่ครบครันตามมาตรฐานของเมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมด้วยระบบความปลอดภัยแบบ Active Safety อาทิ ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST) ระบบรักษารถให้อยู่ในช่องทางจราจร (Active Lane Keeping Assist) ระบบช่วยเบรกแบบแอ็คทีฟ (Active Brake Assist) ระบบช่วยจำกัดความเร็วแบบแอ็คทีฟ (Speed Limit Assist) ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติในกรณีฉุกเฉิน (Active Emergency Stop Assist) ในกรณีที่คนขับไม่มีการตอบสนองต่อการขับขี่เป็นเวลานาน และการติดตั้งกล้องรอบคันแบบ 360° (Parking Package with 360 camera) ที่ให้การแสดงผลแบบ Transparent bonnet ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถมองเห็นภาพจริงในจุดอับสายตาบริเวณหน้ารถและใต้ท้องรถขณะขับขี่ด้วยโหมด OFFROAD
โดยมีสีตัวถังให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่
Mercedes-AMG EQE 53 4MATIC+ คือรถยนต์ไฟฟ้า 100% สมรรถนะสูงจากตระกูล AMG รุ่นแรกที่ทำการตลาดในประเทศไทย โดยพัฒนาต่อยอดมาจาก EQE
ซึ่งความพิเศษของรถยนต์คันนี้คือ การใช้เทคโนโลยีแบตเตอรี่ขั้นสูงรุ่นใหม่ล่าสุดแบบ Ultra-lightweight high-performance battery ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นโดย Mercedes-AMG ที่เมืองอัฟฟาวเตอร์บาก (Affalterbach) ประเทศเยอรมนี และนำมาพัฒนาร่วมกับเทคโนโลยีมอเตอร์ไฟฟ้าจากรถยนต์ที่ใช้ในการแข่งขัน FORMULA 1 ของทีม Mercedes-AMG Petronas F1
Mercedes-AMG EQE 53 4MATIC+ มาพร้อมขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ Permanently Excited Synchronous Motors (PSM) ให้กำลังสูงสุด 625 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 950 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลาเพียง 3.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 220 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ขับเคลื่อนด้วยระบบขับเคลื่อนแบบ AMG Performance 4MATIC+ แบบ all-wheel drive และปรับการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ชุดหลังเพียงอย่างเดียว หากอยากขับแบบ Drift
แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Li-Ion) ที่มีความจุ 90.6 kWh ให้แรงดันไฟสูงสุด 328 โวลต์ มีระยะทางขับขี่สูงสุด 526 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP รองรับการชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบกระแสตรง (DC Charge) สูงสุด 170 kWh ใช้เวลาชาร์จจาก 0 – 80% เพียง 32 นาที ส่วนการชาร์จแบบกระแสสลับ (AC Charge) ผ่าน On-board Charger รองรับสูงสุด 22 kWh ใช้เวลาชาร์จจาก 0 – 100% ในระยะเวลา 4 ชั่วโมง 45 นาที
ระบบเบรกแบบสมรรถนะสูงอย่าง AMG high-performance brake system ตกแต่งคาลิเปอร์เบรกด้วยสีแดง คาลิเปอร์แบบ 6-piston และจานเบรกขนาด 415 x 33 มิลลิเมตร ส่วนด้านหลังเป็นแบบ single-piston และจานเบรกขนาด 378 x 22 มิลลิเมตร
เลือกโหมดการขับขี่ AMG DYNAMIC SELECT ได้ทั้งหมด 5 รูปแบบตามความเหมาะสม โดยที่มีการส่งกำลังในระดับที่ต่างกัน เริ่มตั้งแต่โหมด Slippery (50% Output) Comfort (80% Output) Sport (90% Output) Sport+ (100% Output) และ RACE START (100% Output) โดยกำลังสูงสุดของรถ (460 kW / 625 hp) จะสามารถใช้ได้ภายใต้โหมดการขับขี่ Sport+ หรือการออกตัวด้วย RACE START เท่านั้น
ดีไซน์ภายนอกชุดแต่ง AMG Exterior Package เน้นตกแต่งอย่างหรูหราด้วยวัสดุสีดำ High-gloss มาพร้อมกับกระจังหน้าสีดำรูปแบบเฉพาะของ AMG และกันชนแบบสปอร์ต ติดตั้งไฟหน้า DIGITAL LIGHT แบบ ULTRA RANGE Highbeam ที่ส่องสว่างไกลกว่า 600 เมตร ด้านบนเป็นหลังคาพาโนรามิคซันรูฟ เปิด – ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า (Panoramic sliding sunroof) ล้ออัลลอยด์ขนาด 21 นิ้ว แบบ AMG Y-Spoke wheel ทำงานผสานกับระบบกันสะเทือนและช่วงล่างแบบ AMG RIDE CONTROL+ ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดย Mercedes-AMG รองรับการขับขี่ด้วยความเร็วสูงด้วยระบบบังคับเลี้ยวที่สามารถทำมุมเลี้ยวได้สูงสุดถึง 3.6 องศา สำหรับลดวงเลี้ยวให้แคบลง เพื่อความปลอดภัยขั้นสูงในการขับขี่
มีระบบถ่ายทอดเสียงเครื่องยนต์อย่าง AMG SOUND EXPERIENCE ให้ผู้ขับขี่สามารถสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ด้วยไฟฟ้าอันทรงพลัง ทั้งใน RACE START และระหว่าง Dynamic Curve Sections โดยการผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างลำโพงรูปแบบพิเศษ เครื่องสั่น และเครื่องกำเนิดเสียง ที่จะช่วยให้ถ่ายทอดพลังเสียงออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
โดยผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดและปรับระดับความดังให้เข้ากับสถานการณ์การขับขี่ได้ และสามารถควบคุมเสียงของเครื่องยนต์ได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Balanced, Sport และ Powerful ทำให้การขับขี่เป็นไปอย่างเร้าใจตามแบบฉบับของ AMG
ห้องโดยสารจะพบกับเบาะนั่งแบบ AMG Sport Seats มีลวดลายเฉพาะรุ่น AMG พร้อมพวงมาลัยแบบ AMG Performance steering wheel หุ้มหนัง Nappa
หน้าจอแสดงผลบริเวณแผงคอนโซลกลาง MBUX Hyperscreen ขนาด 56 นิ้ว แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ประกอบไปด้วย หน้าจอ OLED ตรงกลางขนาด 17.7 นิ้ว ฝั่งซ้าย 12.3 นิ้วสำหรับผู้โดยสารตอนหน้า และหน้าจอ LED แสดงผลการขับขี่ขนาด 12.3 นิ้ว สำหรับผู้ขับขี่ โดยสามารถแสดงผลในโหมด AMG ได้โดยเฉพาะ พร้อมจอแสดงผลแบบ Head-up Display
ยังมี AMG Track Pace ให้ผู้ขับขี่สามารถวัดสมรรถนะความเร็วของรถยนต์ พร้อมวิเคราะห์การขับขี่จากการประเมินส่วนบุคคลได้ อีกทั้งยังติดตั้งเทคโนโลยีต่าง ๆ มากมาย อาทิ ระบบนำทาง MBUX augmented reality ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ THERMOTRONIC 4 โซน ระบบฟอกอากาศแบบ ENERGIZING AIR CONTROL และระบบชาร์จไร้สายสำหรับที่นั่งด้านหน้า ปิดท้ายด้วยระบบเครื่องเสียงรอบทิศทาง Burmester 3D surround sound system และเทคโนโลยี Dolby Atmos ที่พร้อมมอบความบันเทิงสูงสุดตลอดการขับขี่
สำหรับเทคโนโลยีและระบบความปลอด กล้องมองรอบคันแบบ 360 องศา ระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบ Driving assistance package ที่รวบรวมระบบความปลอดภัยต่าง ๆ ไว้อย่างครบครัน ทั้งระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติในกรณีฉุกเฉิน (Active Emergency Stop Assist) ระบบรักษาระยะห่างจากรถด้านหน้าและควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Active Distance Assist DISTRONIC) ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทางจราจร (Active Lane Keeping Assist) ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ (Active Brake Assist) ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Active Blind Spot Assist) และระบบช่วยการทรงตัวและดึงรถกลับเข้าช่องจราจร (Evasive Steering Assist) ฯลฯ
ตลาดรถมือสอง มีรถมากมายให้เลือกในราคาที่ถูกใจ