ทำความรู้จักกับ Suzuki XL7 รถยนต์อเนกประสงค์ ขนาด 7 ที่นั่งจากซูซูกิ เปิดประวัติให้ได้ทราบกันว่ามีที่มาจากไหน เปิดตัวในโลกครั้งแรกเมื่อไหร่ และเข้าไทยได้อย่างไร
Suzuki XL7 รถยนต์อเนกประสงค์ SUV ขนาดกลาง มีพื้นฐานมาจาก Suzuki Ertiga แต่ทำเป็นเวอร์ชันยกสูง และได้รับการปรับปรุงข้อเสียต่าง ๆ ทำให้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในแถบอาเซียน ไม่ว่าจะเป็นประเทศไทย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ไปจนถึงอินเดีย ซึ่งชื่อของ Suzuki XL7 รุ่นปัจจุบันนั้น เป็นการเอาชื่อ Suzuki Grand Vitara XL7 รุ่นใหญ่กว่ามาใช้ เพื่อบ่งบอกความเป็นรถ SUV 7 ที่นั่ง โดยคำว่า XL7 ย่อมาจาก "Xtra Large 7 seater" ที่แปลว่า “ขนาดใหญ่พิเศษ 7 ที่นั่ง” นั่นเอง
ทว่า Suzuki XL7 รุ่นปัจจุบัน และ Grand Vitara XL7 ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด เพียงนำคำว่า XL7 ที่หายไปอย่างยาวนานกว่า 10 ปี กลับมาใช้อีกครั้งเพื่อทำการตลาดในอาเซียนเท่านั้น แต่หากถามว่า XL7 นั้นมีที่มาอย่างไร คงต้องย้อนอดีตกันสักหน่อย
ย้อนกลับไปในช่วงปี ค.ศ. 1980 - 1990 เมื่อรถยนต์อเนกประสงค์ได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในปี ค.ศ. 1988 Suzuki ได้ผลิตและเปิดตัวรถยนต์ SUV ขนาดเล็ก ทรงกล่อง 3 ประตู ก่อนจะเริ่มส่งออกจำหน่ายทั่วโลกภายใต้ชื่อ Suzuki VITARA และทำรายได้ถล่มทลาย จนได้ออกรุ่น 5 ประตู ตามมาในเดือนกันยายน ปี 1990 ในญี่ปุ่นคือ Suzuki Escudo NOMADE และส่งขายทั่วโลกในชื่อ Suzuki Vitara 5 Door
ต่อมา ในปี 1997 Suzuki ได้เผยโฉม Escudo Generation 2 ที่เปลี่ยนแปลงจาก Escudo และส่ง Escudo รุ่นที่ 2 ออกนอกตลาดญี่ปุ่น โดยทำตลาดคู่กับรุ่นแรก และได้รับความนิยมจากลูกค้านอกตลาดญี่ปุ่นอีกเช่นเคย ไม่ว่าจะเป็นอเมริกาเหนือ ยุโรป และโอเชียเนีย
เมื่อกระแสความนิยมของรถอเนกประสงค์ SUV พุ่งสูงขึ้นอย่างฉุดไม่อยู่ Suzuki จึงนำ Escudo หรือ Grand Vitara รุ่นที่ 2 ตัวถัง 5 ประตู มาเพิ่มความยาว โดยใส่เบาะแถว 3 เข้าไป และเปิดตัวในฐานะรถยนต์ต้นแบบ ด้วยชื่อ Suzuki XL6 Concept
เวลาผ่านไปนานพอสมควร XL6 ถูกเปิดตัวในฐานะรถยนต์ต้นแบบ ชื่อ Suzuki ESCUDO XL เมื่อปี 2000 ในงาน Tokyo Motor Show 2000 มาในดีไซน์หรูหรา ตกแต่งภายในด้วยโทนสีขาว-ดำ มีความยาว 4,575 มิลลิเมตร กว้าง 1,780 มิลลิเมตร สูง 1,740 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อยาว 2,800 มิลลิเมตร ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร
การวางจำหน่ายจริงครั้งแรกของ Escudo XL เกิดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น ในปี 2000 โดยถูกเปิดตัวในชื่อ Suzuki GRAND ESCUDO ซึ่งตัวรถมีความยาวเพิ่มจาก Escudo / Grand Vitara รุ่นที่ 2 ขนาด 5 ประตู ถึง 485 มิลลิเมตร เป็น 4,575 มิลลิเมตร กว้าง 1,780 มิลลิเมตร สูง 1,740 มิลลิเมตร โดยมีระยะฐานล้อเพิ่มขึ้นอีก 320 มิลลิเมตร เป็น 2,800 มิลลิเมตร เพื่อรองรับที่นั่งแถวสาม
ในระหว่างการทำตลาดที่ประเทศญี่ปุ่น Suzuki ESCUDO XL ได้ออกรุ่นใหม่ ๆ มากระตุ้นยอดขายอยู่เรื่อย ๆ เช่น รุ่นพิเศษ Suzuki Grand Escudo HELLY HANSEN Limited, รุ่นพิเศษ Suzuki Grand Escudo KANSAI เป็นต้น โดยเมื่อปี 2002 ได้มีการปรับอุปกรณ์และออกแบบออปชันบางส่วนใหม่ให้กับ Grand Escudo / Grand Vitara XL-7 ให้ดูพรีเมียมมากขึ้นทั้งภายนอกและภายใน และยังเพิ่มรุ่นย่อยพิเศษ Suzuki Grand Escudo FIS Free style World cup Limited ในฐานะผู้สนับสนุน การแข่งขันสกี “FIS Freestyle World Cup 2002/2003” อีกด้วย
ซึ่งในปี 2003 นั้น ได้มีการออกรุ่น Minorchange มาสู่ตลาด นั่นก็คือ Suzuki Grand Escudo โดยเปลี่ยนออปชันบางจุดให้ดูแตกต่างจาก Escudo / Grand Vitara รุ่นช่วงสั้น และในปี 2004 ได้ปรับปรุงครั้งสุดท้ายสำหรับตลาดญี่ปุ่น ด้วยการปรับวัสดุภายในบางอย่างให้ดูพรีเมียมขึ้น และเปิดตัวด้วยชื่อ Suzuki Grand Escudo L Edition จนกระทั่งปี 2005 Grand Escudo ก็ได้ปรับปรุงครั้งสุดท้ายสำหรับตลาดในญี่ปุ่น ด้วยการเปิดตัว Escudo รุ่นที่ 3 ที่จะถูกส่งขายสู่ตลาดโลกในชื่อ Vitara เหมือนรุ่นที่ 1 (ปี 1988)
Suzuki เปิดตัว Suzuki GRAND VITARA XL-7 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ในงาน Los Angeles Auto Show ที่ California เมื่อปี 2001 ซึ่งเวอร์ชันนี้จะมีขนาดตัวถังเท่ากับ Grand Escudo ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเบนซิน V6 ขนาด 3.6 ลิตร 3,564 ซีซี. ด้วยราคา 19,799 – 24,999 เหรียญสหรัฐฯ ซึ่งนับว่ามีราคาถูกที่สุดในตลาดรถยนต์ SUV 7 ที่นั่ง โดยทำยอดขายไปได้ในตลาดอเมริกาเหนือ รวม 119,840 คัน ตลอดระยะเวลาที่เปิดตัวจนถึงปี 2006
นอกจากการทำตลาดในญี่ปุ่นและอเมริกาเหนือแล้ว Grand Escudo ยังถูกส่งออกไปจำหน่ายตามประเทศต่าง ๆ ในชื่อ Suzuki Grand Vitara XL-7 ที่ใช้เหมือนกันทั่วโลก สำหรับประเทศไทย ได้นำเข้ามาจำหน่ายผ่านบริษัท สยามอินเตอร์เนชันแนล คอร์ปอเรชั่น จำกัด โดยมีรูปแบบเดียวกับที่วางขายในตลาดโลก แต่ถูกลดแรงม้าและมีออปชันน้อยมาก ซึ่ง Grand Vitara XL7 มีการนำเข้ามาวางจำหน่ายในไทยในระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น ซึ่งเมื่อจำหน่ายหมดในปี 2005 ก็ไม่มีการนำเข้ามาเพิ่มเติมแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ยอดขายของ Grand Vitara XL-7 ไม่ได้หวือหวาแต่อย่างใด แต่ในตลาดอเมริกาเหนือ ยังมีความสนใจรถยนต์ SUV ขนาดใหญ่อยู่ Suzuki จึงร่วมมือกับพันธมิตร อย่าง General Motors หรือ GM ที่ร่วมงานกันมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1981
จากนั้น Suzuki ได้พัฒนาและออกแบบรถยนต์รุ่นใหม่ โดยสร้างรถยนต์ต้นแบบที่ชื่อ Suzuki Concept X ออกจัดแสดงในงาน NAIAS (North America International Auto Show) หรือ Detroit Auto Show เมื่อปี 2005 มากับเครื่องยนต์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เป็นเครื่องยนต์เบนซิน V6 ขนาด 3.6 ลิตร พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ 4GO ซึ่งรถยนต์รุ่นใหม่นี้จะพร้อมทำตลาดในปี 2006
XL7 รุ่นที่ 2 ถูกพัฒนาขึ้นจากพื้นตัวถังของ GM โดยมอบหน้าที่ให้กับโรงงาน CAMI Automotive Inc. อันเป็นฐานการที่เกิดจากความร่วมมือของ Suzuki และ GM ซึ่งเป็นฐานการฐานผลิตเพียงแห่งเดียวของ XL7 รุ่นที่ 2 ตลอดอายุตลาด
การเปิดตัวสู่สายตาชาวโลกครั้งแรกของ ซูซูกิ xl7 รุ่นที่ 2 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2006 ภายในงาน New York Auto Show รอบสื่อมวลชน ก่อนจะวางจำหน่ายจริงในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2006 โดยวางจำหน่ายเฉพาะในสหรัฐอเมริกา และประเทศแคนาดาเท่านั้น
ซูซูกิ เอ๊กซ์แอล 7 ที่เปิดตัวในขณะนั้น มีความยาวถึง 5,009 มิลลิเมตร กว้าง 1,834 มิลลิเมตร สูง 1,750 มิลลิเมตร และมีระยะฐานล้อยาวถึง 2,855 มิลลิเมตร นับว่าตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการรถยนต์ที่มีพื้นที่กว้างขวาง สะดวกต่อการใช้งานในแบบของครอบครัว โดยรถยนต์รุ่นนี้ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน V6 สูบ DOHC 24 วาล์ว ขนาด 3.6 ลิตร 3,564 ซีซี. ส่งกำลังสูงสุด 252 แรงม้า (BHP) ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 243 ฟุต-ปอนด์ (33.53 กก.-ม.) ที่ 2,300 - 6,700 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า
อย่างไรก็ตาม ยอดขายของ Suzuki XL7 กลับไม่เป็นไปอย่างที่คิด เพราะในปี 2009 ตัวเลขยอดขายทรุดฮวบลงไปที่ 4,357 คันเท่านั้น เมื่อประสบปัญหาเช่นนี้ ในวันที่ 10 พฤษภาคม ปี 2009 Suzuki จึงตัดสินใจยุติการผลิต XL7 ที่โรงงาน CAMI Automotive Inc. และ XL7 ก็ได้กลายเป็นรถยนต์รุ่นสุดท้ายที่ถูกผลิตและพัฒนาจากความร่วมมือของ Suzuki และ CAMI
ใน 10 กว่าปีให้หลัง ชื่อของ XL7 ก็ถูกนำกลับมาใช้อีกครั้งจากการทำตลาดในอาเซียน แต่อย่างที่ได้กล่าวไปในตอนต้นว่า Suzuki XL7 รุ่นปัจจุบัน ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับ XL7 ทั้ง 2 Generation แต่อย่างใด เพียงนำชื่อ XL7 มาใช้ให้เข้ากับตัวรถที่มีขนาด 7 ที่นั่งเท่านั้น
ซูซูกิ xl7 เวอร์ชันนี้ เปิดตัวครั้งแรกที่ประเทศอินเดีย เมื่อปี 2019 ในชื่อว่า Maruti Suzuki XL6 เนื่องจากเบาะนั่งของรถรุ่นนี้ มีแค่ 6 ที่นั่งเท่านั้น โดยฐานการผลิตของ XL6 นั้นอยู่ที่โรงงานในเมือง Gurgaon ประเทศอินเดีย
ต่อมา เมื่อปี 2020 ก็ได้นำไปเปิดตัวที่ประเทศอินโดนีเซีย และประเทศฟิลิปปินส์ ตามลำดับ และเปลี่ยนชื่อเป็น ซูซูกิ เอ๊กซ์แอล 7 เพื่อให้สอดคล้องกับเบาะนั่งที่เพิ่มมาเป็น 7 ที่นั่ง โดยมีโรงงานการผลิตที่ Suzuki Indomobil Motor (SIM) ในประเทศอินโดนีเซีย
ส่วนในประเทศไทย ได้มีการเปิดตัว Suzuki XL7 ครั้งแรกเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคมปี 2020 โดยทำการไลฟ์ผ่าน Facebook และ Youtube ที่ชื่อว่า Suzuki Motor Thailand นำเสนอรถยนต์โดยสาร 3 แถว 7 ที่นั่ง ที่ต่อยอดมาจาก Suzuki Ertiga รุ่นที่ 2 โดยพัฒนาขึ้นบนพื้นฐาน HEARTECT platform และออกแบบให้มีความทันสมัยน่าใช้มากยิ่งขึ้น โดยมีความยาว 4,450 มม. กว้าง 1,775 มม. สูง 1,710 มม. ระยะฐานล้อ 2,740 มม.
ทั้งยังครบครันด้วยออปชันต่าง ๆ มากมาย อาทิ จอแสดงผลระบบอินโฟฯ แบบทัชสกรีนขนาด 10 นิ้ว รองรับ Android Auto หรือ Apple CarPlay, Bluetooth, USB, HDMI, Keyless Push Start และ Keyless Entry พร้อมกุญแจนิรภัย Immobilizer, ถุงลมนิรภัย SRS คู่หน้า, ระบบเบรค ABS, ระบบกระจายแรงเบรค EBD, ระบบ ESP ช่วยควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว เป็นต้น
ด้านสมรรถนะ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ เบนซินรหัส K15B แบบ 4 สูบ ความจุกระบอกสูบ 1.5 ลิตร ส่งกำลังไปหมุนล้อคู่หน้าด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ กำลังสูงสุดผลิตได้ 105 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 138 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหน้า ซึ่ง Suzuki XL7 ราคาจะอยู่ที่ 779,000 บาท
หากสนใจ Suzuki XL7 2020, Suzuki XL7 2021 และ Suzuki XL7 2022 สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ Chobrod.com แหล่งซื้อ-ขายรถยนต์มือสองที่มี Suzuki XL7 มือสอง ให้เลือกหลากหลายคัน หรือหากสนใจ Suzuki XL7 2023 รุ่นใหม่ล่าสุด สามารถติดต่อสอบถามได้ที่โชว์รูม Suzuki ทุกสาขาทั่วประเทศ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก headlightmag, motortrivia
อ่านเพิ่มเติม >>