ECU หลายคนคงคุ้นเคยกับตัวย่อนี้มาแล้ว รถยนต์ที่เราใช้ๆกันในทุกวันนี้ก็มี ECU อยู่หลายตัว แต่การใช้ ECU ก็นับเป็นต้นทุนของรถยนต์มันจำเป็นต้องเอามาใช้จริงไหม มีปัจจัยอะไรที่ผู้ผลิตรถยนต์ตัดสินใจใช้ ECU มากขึ้นๆจนถึงปัจจุบัน
ถ้ามองว่ามันคือกีฬาชกมวย มุมแดงคือวิศวกรรมเครื่องกลที่ไม่ว่าใครต่อใครบนโลกใบนี้เห็นรถยนต์ก็ต้องคิดไว้ก่อนว่ามันมีหลักการทำงานในทางเครื่องยนต์กลไกเป็นหลักแน่ๆ ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องจริงหลายส่วนของรถยนต์ตั้งแต่เครื่องยนต์ พวงมาลัย เบรก ฯลฯ ล้วนทำงานบนพื้นฐานของศาสตร์แห่งวิศวกรรมเครื่องกล จนกระทั่งมุมน้ำเงินที่เป็นผู้ท้าชิงมีการก้าวย่างเข้าสู่เวทีโดยนำศาสตร์ทางด้านอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ นับตั้งแต่นั้นมาวงการรถยนต์ก็ไม่ได้เป็นเรื่องของเครื่องยนต์กลไกลเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป
ด้วยเหตุที่ว่าเพียงแค่ความรู้ทางด้านวิศวกรรมเครื่องกลนั้นไม่เพียงพอที่จะสร้างรถยนต์ให้ดีอย่างที่เป็นในปัจจุบันได้ ด้วยข้อจำกัดบางอย่างด้านความแม่นยำ ซึ่งความแม่นยำมากๆที่จำเป็นต่อการสร้างรถยนต์และการทำงานของรถยนต์นี้หากไม่ทำให้เที่ยงตรงแล้ว เมื่อเกิดการผิดพลาดก็ยากที่จะตรวจสอบได้และนั่นอาจจะส่งผลต่อชีวิตของผู้ขับขี่อีกด้วย นี่เองเป็นที่มาของแนวคิดที่นำเอาความรู้และศาสตร์ทางด้านอิเล็กทรอนิกเข้ามาสู่วงการรถยนต์และก็ใช้กันอย่างแพร่หลายตราบเช่นปัจจุบัน
ตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า ECU มีมากมายในรถยนต์เพื่อควบคุมฟังก์ชั่นต่างๆ
ในปี 1950 ECU หรือ Electronics Control Units ถูกนำมาใช้งานในอุสาหกรรมรถยนต์เป็นครั้งแรกและก็ตั้งแต่นั้นยังใช้กันมาโดยตลอด (ก็มันดีนี่) จนกลายเป็นชิ้นส่วนพื้นฐานของรถยนต์ในปัจจุบันไปแล้วและก็ยังเป็นพระเอกของการวิวัฒนาการด้านรถยนต์อีกด้วย เพราะถ้าไม่เอา ECU มาใช้ในวันนั้นเทคโนโลยีต่างๆในรถยนต์ที่่เราเห็นในวันนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น หลายๆท่านอาจจะไม่เคยเอะใจจากวันนั้นถึงวันนี้ รถยนต์หรูๆในปัจจุบันมีการใช้ ECU ต่างๆในการควบคุมฟังก์ชั่นมากถึง 100 ตัว ยกตัวอย่างเช่น BMW Series 7 มีการใช้ ECU ต่างๆมากมายถึง 150 ตัวในการควบคุมฟังก์ชั่นต่างๆของรถยนต์
ในวงการรถยนต์เราสามารถแบ่งหน้าที่ของ ECU ออกเป็นกลุ่มใหญ่ๆได้ 3 กลุ่ม
1. Power train Control Module: ECU ที่เกี่ยวของกับระบบส่งกำลัง
2. Body Control Unit: ECU ที่เกี่ยวของกับตัวรถยนต์
3. Chassis System: ECU ที่เกี่ยวของกับระบบช่วงล่าง
ตัวอย่างเช่น รถยนต์ในปัจจุบันนี้มีการทำงานของเครื่องยนต์โดยส่วนใหญ่ขึ้นตรงกับการเผาไหม้ แตกต่างจากเมื่อสมัยโบราณคือใช้ ECU ในการควบคุม เราเรียกมันว่า Engine ECU มันจะควบคุมการปิดเปิดของวาล์ว การพ่นละอองน้ำมันและการจุดระเบิดโดยมีคำสั่งมาจากคันเร่งของรถยนต์เป็นหลัก ทำให้เราได้กำลังของเครื่องยนต์ไปตามการบังคับของเท้าผู้ขับ
ECU ที่ประกอบด้วยแผ่นบอร์ดอิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์เล็กๆต่างๆมากมายแบบนี้ที่อยู่ในรถยนต์
ดูเพิ่มเติม
>> รถยนต์คันแรกของโลกหน้าตาเป็นอย่างไร
>> อยู่ด้วยกันยาวๆ! กับ 10 เคล็ดลับรักษาสภาพเครื่องยนต์รถคุณให้สมบูรณ์
เทคโนโลยีป้องกันการชนที่ต้องตรวจสอบสิ่งที่อยู่ข้างหน้าจำเป็นต้องใช้ ECU เข้ามาช่วยเหลือ
แทบจะไม่ใช่เรื่องแปลกแล้วที่จะเชื่อมต่อรถยนต์กับสมาร์ทโฟนเข้าด้วยกัน
การนำ ECU มาใช้ในรถยนต์ทำให้ต้นทุนของรถยนต์เพิ่มขึ้นยิ่งมี ECU มากต้นทุนก็ยิ่งมากตามไปด้วยแต่ก็คุ้มค่าถ้ารถยนต์สามารถขายได้ นับตั้งแต่ช่วงปี 1950 ถึงประมาณการณ์ในปี 2030 อัตราการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการใช้ ECU นั้นเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
กราฟที่แสดงว่า ECU กลายเป็นต้นทุนที่มากขึ้นของรถยนต์และถูกนำมาใช้รถยนต์มากขึ้นตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
ในช่วงปี 1970 ที่เริ่มมีการนำถุงลมนิรภัยมาเป็นอุปกรณ์ในรถยนต์ทำให้ต้องใช้ Airbags Control Unitด้วย ประกอบกับการตระหนักถึงความสำคัญของอัตรการประหยัดน้ำมัน (ช่วงนั้นมีวิกฤตน้ำมันโลกพอดี) นั่นก็ทำให้ ECU ถูกนำมาใช้เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากเข้าสู่เลขสองหลักที่ 10%
ช่วงปี 1990-2010 เป็นช่วงที่การเติบโตของการใช้ ECU มีมากที่สุด เพราะค่ายรถยนต์ดังๆอย่าง Toyota, Honda, Ford ฯลฯ เริ่มนำระบบนำทาง ระบบมิลติมีเดีย และระบบช่วยเหลือการขับขี่ต่างๆเช่นระบบหยุดรถอัตโนมัติก่อนการชน มาใช้ในรถยนต์หลายรุ่นมากขึ้น
ส่วนปี 2030 มีการคาดการณ์ว่า ECU จะกลายเป็นต้นทุนถึงครึ่งหนึ่งของรถยนต์ทั้งคันเนื่องจากการเข้ามาของเซนเซอร์ต่างๆที่เป็นส่วนหนึ่งของระบบรถยนต์ไร้คนขับ
เพื่อนๆชาว Chobrod คงพอจะเห็นที่มาที่ไปของการเข้ามามีบทบาทของ ECU ตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงปัจจุบันและก็น่าจะมีต่อไปแน่ๆในอนาคตกันแล้วนะครับ นอกจากจะทำให้รถยนต์มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนแล้วECUยังจะกลายเป็นต้นทุนสำคัญของผู้ผลิตรถยนต์อีกด้วย แต่คิดๆแล้วก็เป็นสิ่งที่ดีเพราะนอกจากจะทำให้ได้ประสบการณ์การขับขี่ใหม่จากฟังก์ชั่นใหม่ๆแล้วยังทำให้เราได้รถยนต์ที่มีความปลอดภัยมากขึ้นด้วย เรียกได้ว่าจากนี้ไปไม่มีมุมแดงหรือมุมน้ำเงินอีกแล้ว แต่เป็นการร่วมมือกันของ2สาขาวิศวกรรมคือ วิศวกรรมเครื่องกลและวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่จะร่วมมือสร้างสรรค์สิ่งดีๆให้วงการรถยนต์ต่อไป
ดูเพิ่มเติม
>> กล่องพ่วง ECU สายซิ่ง.. จอมโมดิฟาย ต้องรู้จัก!?
>> รู้จักลักษณะเบื้องต้นของ Inline Engine