จำกัดจำนวนขายทั้งหมด 37 คัน ใช้พื้นฐานจาก Mini Cooper S มาพร้อมเกียร์ MT พิเศษสำหรับในงาน Motor Show 2021 โดยจำหน่าย MINI Paddy Hopkirk Edition ในราคา 2,555,000 บาท
เมื่อปี 1964 MINI Cooper S รุ่นคลาสสิกสามารถคว้าแชมป์รายการมอนติคาร์โล แรลลี่ มาครองได้เป็นครั้งแรก ก่อนก้าวสู่สถานะแชมป์สามสมัยในเวลาต่อมา โดยมีนักขับแรลลี่ชาวไอร์แลนด์เหนือวัย 30 ปี “แพดดี้” แพทริค ฮ็อปเคิร์ก อยู่หลังพวงมาลัย
เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์ของวงการมอเตอร์สปอร์ต มินิ จึงภูมิใจเสนอรถยนต์รุ่นพิเศษที่มาพร้อมรูปลักษณ์และอุปกรณ์แบบเฉพาะตัว โดยเริ่มจากเลข 37 หมายเลขประจำรถของฮ็อปเคิร์กซึ่งประทับอยู่บนประตูทั้งสองฝั่ง
ฮ็อปเคิร์กและเพื่อนร่วมทีมชาวอังกฤษ เฮนรี ลิดดอน ได้ขับ MINI Cooper S รุ่นคลาสสิก คว้าชัยเหนือคู่แข่งที่มีกำลังเครื่องยนต์สูงกว่ามาก แต่ด้วยทักษะการขับขี่ของฮ็อปเคิร์ก ประกอบกับความคล่องตัวและแม่นยำของตัวรถ ทำให้ทั้งสองฟันฝ่าทุกอุปสรรค ทั้งถนนในชนบท เส้นทางบนภูเขา หรือแม้แต่โค้งและทางลาดชันที่สุดท้าทาย สามารถคว้าชัยชนะที่ทำให้แพดดี้ ฮ็อปเคิร์ก กลายเป็นนักแข่งรถแรลลี่ที่โด่งดังที่สุดในชั่วข้ามคืน
มินิเองก็ก้าวจากความเป็นม้านอกสายตาที่แฟน ๆ ต่างเอาใจช่วย กลายเป็นตำนานของวงการมอเตอร์สปอร์ตด้วยถ้วยแชมป์มอนติคาร์โลอีกสองสมัยในปี 1965 และ 1967 จากฝีมือของสองนักขับชาวฟินแลนด์ ติโม มาคิเนน และ เราโน อาลโตเนน ชัยชนะในฐานะเจ้าสนามที่มอนติคาร์โลนี้ ยังคงจุดประกายและสร้างแรงบันดาลใจให้กับแฟน ๆ มินิทั่วโลกมาจนถึงปัจจุบัน และรถยนต์รุ่นพิเศษอย่าง มินิ Paddy Hopkirk Edition ก็เปิดโอกาสให้นักขับชาวไทยได้สัมผัสกับจิตวิญญาณแห่งมอเตอร์สปอร์ตของมินิอย่างแท้จริง
อ่านเพิ่มเติม
- GWM ประกาศเปิดศูนย์แบบใหม่ 17 แห่งทั่วประเทศ ในรูปแบบ Partner Store
- Maserati MC20 ราคาเริ่ม 21.5 ล้านบาท แค่สิว ๆ ไม่ระคายเศรษฐีไทยแม้แต่น้อย
ใช้พื้นฐานจาก MINI Cooper S ปี 2021 รุ่น 3 ประตู เสริมลุคให้โฉบเฉี่ยวสไตล์เดียวกับรถคันเดิมของฮ็อปเคิร์ก ล้ออัลลอยน้ำหนักเบาขนาด 17 นิ้วในลาย Cosmos Spoke สีดำที่โดดเด่นด้วยการเล่นสีดำวาวที่ล้อ พร้อมยาง runflat
กรอบและซี่แนวนอนของกระจังหน้ามาในสีดำมันวาว เช่นเดียวกับซี่ตะแกรงของช่องดักอากาศด้านล่าง ช่องบริเวณกระโปรงหน้า ด้ามจับประตู ฝาถังน้ำมัน ด้ามจับประตูหลัง โลโก้มินิทั้งด้านหน้าและด้านหลัง และกรอบไฟหน้า-ไฟท้าย ขณะที่ตัวรถมาในสีแดง Chili Red ตัดกับหลังคาขาว แบบเดียวกับมินิรุ่นคลาสสิกของฮ็อปเคิร์ก
ไฟหน้าแบบ LED และไฟท้ายลายธงยูเนียน แจ็คในแบบฉบับของมินิแล้ว มินิ Paddy Hopkirk Edition ยังแตกต่างด้วยสติ๊กเกอร์ลายอักษร “Paddy Hopkirk Monte Carlo” และแถบสีขาวที่คาดอยู่บนกระโปรงหน้ารถฝั่งคนขับที่ประดับด้วยลายเซ็นของแพดดี้ ฮ็อปเคิร์ก พร้อมด้วยเลขทะเบียน “33EJB” ของมินิคันแชมป์ปี 1964 ที่ปรากฏอยู่ในแถบขาวด้วยลายกราฟฟิกแบบสามมิติ ขณะที่บริเวณประตูท้ายก็ตกแต่งด้วยลายเซ็นของนักขับชาวไอร์แลนด์เหนือด้วย
ภายในห้องโดยสารยังมีลายเซ็นฮ็อปเคิร์กประดับอยู่ที่แผงคอนโซลหน้ารถฝั่งผู้โดยสาร กลมกลืนเข้ากับวัสดุผิวหน้าแบบ Piano Black high gloss อย่างลงตัว ส่วนกาบบันไดที่พื้นห้องโดยสารทั้งสองข้าง ยังเตะตาด้วยป้าย LED ที่ระบุชื่อ “Paddy Hopkirk” เช่นกัน มินิ Paddy Hopkirk Edition
มาพร้อมกับชุดแต่ง MINI Excitement และ Comfort Access รวมถึงอุปกรณ์เสริมอย่างไฟหน้าสำรองในกรอบสีดำ Piano Black กุญแจรถที่ประทับด้วยหมายเลข 37 และแถบสีดำ Piano Black ที่ลากตัดระหว่างตัวถังรถกับกระจกหน้า ข้าง และหลังรอบด้าน
ขุมพลังแบบเดียวกับ MINI Cooper S ปี 2021 รุ่น 3 ประตู เบนซิน 4 สูบ 192 แรงม้า แรงบิดสูงสุดถึง 280 นิวตันเมตรที่ 1,350-4,600 รอบต่อนาที ทำงานประสานกับระบบเกียร์ Manual Transmission รถพุ่ง 0 ถึง 100 กม./ชม. ได้ใน 6.7 วินาที อุ่นใจในขณะขับขี่ด้วยเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยและสะดวกสบายแบบครบครัน สำหรับทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
จำนวนจำกัดเพียง 37 คัน สามารถสั่งจองมินิ Paddy Hopkirk Edition ในราคาพิเศษเฉพาะช่วงมอเตอร์โชว์และมีกำหนดรับมอบรถภายในวันที่ 30 เมษายน 2564 ในราคาเพียง 2,555,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรมบำรุงรักษา MSI Standard) และสำหรับลูกค้าที่ซื้อโปรแกรมบำรุงรักษา MSI Ultimate package ยังจะได้รับการยกระดับระยะการบำรุงรักษาเพิ่มขึ้นเป็นระยะเวลา 10 ปี / 100,000 กิโลเมตร และการรับประกัน 5 ปี / ไม่จำกัดระยะทาง
ตรวจเช็ก ราคารถยนต์มือสอง หาที่ถูกใจได้ง่าย มีให้เลือกเพียบ