สรุปผล J.D. Power 2025 โตโยต้าคว้าคุณภาพรถใหม่สูงสุด 3 รางวัล ตามด้วยมิตซูบิชิและฮอนด้า เผยผู้ใช้งานพบปัญหาระบบ ADAS และเสียงรบกวนเพิ่มขึ้น เช็กอันดับรถยนต์ที่ดีที่สุดทุกประเภทได้ที่นี่


เจ.ดี.พาวเวอร์ (J.D. Power) ได้เปิดเผยผลการศึกษาคุณภาพรถยนต์ใหม่ในประเทศไทย ประจำปี 2568 หรือ J.D. Power 2025 Thailand Initial Quality StudySM (IQS) ซึ่งถือเป็นดัชนีชี้วัดมาตรฐานยานยนต์ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยในปีนี้ผลปรากฏว่าค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่อย่างโตโยต้าสามารถสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการคว้ารางวัลอันดับหนึ่งไปครองมาถึง 3 รุ่น ในขณะที่มิตซูบิชิและฮอนด้าต่างก็ทำผลงานได้ดีไม่แพ้กันโดยคว้าไปแบรนด์ละ 2 รางวัล นอกจากนี้แบรนด์รถยนต์อื่นๆ อย่างอีซูซุ เอ็มจี และบีวายดี ก็มีรายชื่อติดโผรถยนต์คุณภาพยอดเยี่ยมในปีนี้ด้วยเช่นกัน
จากการสำรวจกลุ่มผู้ใช้งานรถใหม่จำนวน 4,832 ราย ที่ทำการซื้อรถในช่วงเดือนมกราคมถึงกันยายน 2568 ครอบคลุมรถยนต์ 57 รุ่นจาก 15 แบรนด์ พบว่าภาพรวมระดับคุณภาพรถยนต์ใหม่ยังคงทรงตัว โดยมีคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 177 ปัญหาต่อรถยนต์ 100 คัน (177 PP100) ซึ่งเกณฑ์คะแนนที่ต่ำกว่าจะสะท้อนถึงคุณภาพที่ดีกว่า อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่น่าจับตามองในปีนี้คือผู้ใช้งานรายงานปัญหาเกี่ยวกับ "เสียงรบกวน" เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะเสียงจากพื้นถนน เสียงลมที่เล็ดลอดเข้าห้องโดยสาร เสียงจากช่วงล่าง และเสียงการทำงานของระบบกระจกไฟฟ้า ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่รบกวนสุนทรียภาพในการขับขี่
นอกจากปัญหาด้านเสียงแล้ว เทคโนโลยีที่ทันสมัยอย่างระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง หรือ ADAS ก็เริ่มกลายเป็นประเด็นที่ผู้ใช้งานพูดถึงมากขึ้นในรถยนต์ทุกประเภท ทั้งรถยนต์สันดาปภายในและรถยนต์พลังงานทางเลือก โดยปัญหาที่พบมักเกิดจากการแจ้งเตือนที่บ่อยเกินความจำเป็น การแจ้งเตือนผิดจังหวะ หรือลักษณะการเตือนที่สร้างความรำคาญให้กับผู้ขับขี่ อีกทั้งประเด็นเรื่องพอร์ตชาร์จไฟภายในรถที่ไม่เพียงพอและความเร็วในการชาร์จอุปกรณ์พกพาที่ล่าช้าก็ยังคงเป็นข้อกังวลใจของผู้ใช้งาน ในขณะที่กลุ่มผู้ใช้งานรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) นั้น ปัญหาหลักที่ยังคงเด่นชัดที่สุดคือความเร็วในการชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ที่ยังไม่สอดคล้องกับความคาดหวังในการใช้งานจริง
นายไชยวัฒน์ เกษาพร ผู้จัดการโครงการอาวุโสและหัวหน้านักวิเคราะห์จาก ดิฟเฟอเรนเชียล ประเทศไทย ได้ให้ข้อมูลเชิงลึกที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเปรียบเทียบช่วงเวลาในการสำรวจ โดยระบุว่าสภาพอากาศและฤดูกาลมีผลต่อปัญหาที่ผู้ใช้งานพบเจอ กล่าวคือในช่วงฤดูการท่องเที่ยวปลายปีที่มีอากาศแห้งและมีผู้โดยสารเดินทางร่วมกันหลายคน ปัญหาที่พบมักจะเป็นการแย่งกันใช้ช่องชาร์จไฟภายในรถ แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูฝน ปัญหาจะเปลี่ยนไปเป็นเรื่องของระบบปัดน้ำฝนและระบบไฟส่องสว่างที่มีแนวโน้มได้รับเรื่องร้องเรียนสูงขึ้น ซึ่งข้อมูลเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าผู้ผลิตจำเป็นต้องติดตามความคิดเห็นของผู้ใช้งานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เห็นภาพรวมที่ครบถ้วน
สำหรับผลการจัดอันดับรถยนต์รุ่นที่ได้คะแนนคุณภาพสูงสุดในปี 2568 จำแนกตามเซกเมนต์ต่างๆ เริ่มต้นจากกลุ่มรถยนต์ขนาดเล็กที่แชมป์ตกเป็นของ โตโยต้า ยาริส เอทีฟ ตามมาด้วยกลุ่มรถยนต์ขนาดกลางระดับต้นที่ ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี แฮทช์แบ็ก คว้าอันดับหนึ่งไปครอง ทางด้านรถยนต์อเนกประสงค์หรือ SUV นั้น ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี เข้าวินในกลุ่มขนาดเล็ก ในขณะที่ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ครองแชมป์ในกลุ่มขนาดใหญ่ และ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี ได้รับรางวัลในกลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์ MPV
ในส่วนของตลาดรถกระบะที่ขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือด อีซูซุ ดีแมคซ์ สปาร์ค ได้รับการจัดอันดับสูงสุดในกลุ่มกระบะตอนเดียว ส่วนกลุ่มกระบะตอนขยายหรือแค็บเปิดได้นั้น โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ สมาร์ทแค็บ และรุ่นพรีรันเนอร์ ทำคะแนนเท่ากันจึงครองรางวัลร่วมกัน และสำหรับกระบะสี่ประตู มิตซูบิชิ ไทรทัน พลัส ดี-แค็บ เป็นผู้คว้าชัยชนะไป ปิดท้ายด้วยกลุ่มรถยนต์พลังงานใหม่หรือรถไฟฟ้าที่กำลังมาแรง เอ็มจี 4 อิเล็กทริก ได้รับคะแนนสูงสุดในกลุ่มรถยนต์นั่ง และ บีวายดี แอตโต้ 3 ครองแชมป์ในกลุ่ม SUV พลังงานใหม่ ซึ่งทางผู้บริหารของเจ.ดี. พาวเวอร์ ได้เน้นย้ำทิ้งท้ายว่าในยุคที่อุตสาหกรรมยานยนต์เปลี่ยนแปลงเร็ว การนำข้อมูลความคาดหวังของผู้ใช้งานไปพัฒนาผลิตภัณฑ์จะเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จของแบรนด์
ตลาดรถมือสอง มีรถมากมายให้เลือกในราคาที่ถูกใจ