ฟอร์ดประกาศการลงทุนมูลค่า 28,000 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ตั้งแต่เริ่มดำเนินธุรกิจในไทยกว่า 25 ปี เกรดโรงงาน ผลิต Ford Ranger 2022 และ Ford Everest 2022 เจเนอเรชันใหม่ เพื่อจำหน่ายในประเทศ และส่งออกไปยังตลาดสำคัญทั่วโลก
โรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอร์ริ่ง (เอฟทีเอ็ม)
ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี ปฏิวัติอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยอีกครั้ง ด้วยการเดินหน้ายกระดับกระบวนการผลิตในประเทศไทย ลงทุนเพิ่มถึง 900 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 28,000 ล้านบาท เป็นการลงทุนในประเทศไทยครั้งใหญ่ที่สุดของฟอร์ด เพื่อผลิต Ford Ranger 2022 และ Ford Everest 2022 เจเนอเรชั่นใหม่ ขับเคลื่อนกลยุทธ์ Ford+ (ฟอร์ด พลัส) เพื่อสร้างการเติบโตและเพิ่มคุณค่าของบริษัท
อ่านเพิ่มเติม - Ford Ranger 2022 เจเนอเรชั่นใหม่ เกียร์ใหม่ เครื่อง V6 ขับ 4 ฟูลไทม์ จอใหญ่เบิ้ม 12 นิ้ว
การลงทุนเพิ่มครั้งนี้ ทำให้ฟอร์ดเป็นหนึ่งในบริษัทยานยนต์ผู้ลงทุนรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของไทย ด้วยมูลค่าการลงทุนสะสมรวมกว่า 3,400 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 1 แสนล้านบาท ตลอดระยะเวลา 25 ปีของการดำเนินธุรกิจ การยกระดับกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยจะส่งเสริมบทบาทของประเทศไทย ในฐานะศูนย์กลางการผลิตสำคัญระดับโลกของฟอร์ด ทั้งที่โรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอร์ริ่ง (เอฟทีเอ็ม) ซึ่งฟอร์ดเป็นเจ้าของ และโรงงานร่วมทุน ออโต้อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย (เอเอที)
การลงทุนครั้งนี้ คือพันธสัญญาของฟอร์ดในการส่งมอบรถยนต์คุณภาพชั้นนำระดับโลกสู่ผู้บริโภคทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก ควบคู่กับการขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย การเพิ่มกะการทำงานที่โรงงานเอฟทีเอ็ม ส่งเสริมให้มีการจ้างงานเพิ่มเติม 1,250 ตำแหน่ง ทำให้ฟอร์ดมีจำนวนพนักงานในประเทศไทยรวมกว่า 9,000 คน
ในเงินลงทุนจำนวนนี้ได้สนับสนุนพันธมิตร-ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย ด้วยเงินลงทุนกว่า 400 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 13,000 ล้านบาท เพื่อผลิตและยกระดับคุณภาพชิ้นส่วนด้วยแม่พิมพ์และอุปกรณ์การผลิตมาตรฐาน ก่อให้เกิดการจ้างงานของพันธมิตรทางธุรกิจอีก 250 ตำแหน่ง
การลงทุนครั้งนี้ส่งผลให้โรงงานฟอร์ดในประเทศไทยมีประสิทธิภาพการผลิตเทียบเท่าโรงงานระดับแถวหน้าของโลก เพิ่มความยืดหยุ่นในการผลิตรถได้หลากหลายรูปแบบในสายการผลิตเดียว และยกระดับระบบและขั้นตอนการควบคุมคุณภาพให้ดียิ่งขึ้น โดยการนำเทคโนโลยีการผลิตอันล้ำสมัยมาใช้ พร้อมเสริมองค์ความรู้ให้แก่แรงงานไทย ทั้งนี้พนักงานฟอร์ดและผู้ผลิตชิ้นส่วนยังได้รับการอบรมถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ
ฟอร์ดยังได้เพิ่มหุ่นยนต์อุตสาหกรรมจำนวน 356 ตัว ที่โรงงานเอเอที และเอฟทีเอ็ม จะนำมาใช้ในส่วนงานประกอบตัวถังและงานพ่นสี ทำให้ฟอร์ดมีจำนวนเครื่องจักรในส่วนงานประกอบตัวถังที่โรงงานเอฟทีเอ็มและเอเอที เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 34 เป็นร้อยละ 80 และร้อยละ 69 ตามลำดับ
นอกจากนี้ โรงงานเอฟทีเอ็มและเอเอที ยังมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นการใช้พลังงานทดแทน ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ รวมไปถึงการยกเลิกการกำจัดขยะด้วยวิธีฝังกลบ
การส่งออกรถยนต์นับเป็นส่วนสำคัญของธุรกิจการผลิตของฟอร์ด ประเทศไทย โดยฟอร์ด เรนเจอร์ เป็นรถที่ส่งออกเพื่อจำหน่ายในกว่า 180 ประเทศทั่วโลก และยังครองตำแหน่งสุดยอดรถขายดีในอีกหลายประเทศทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
Ford Ranger 2022
โรงงานเอฟทีเอ็ม สามารถครอบคลุมการผลิตรถรุ่นย่อยต่าง ๆ ตัวถังรถกระบะได้หลากหลายรูปแบบ เช่น แบบตอนเดียว ตอนครึ่ง และแบบ 4 ประตู ได้ในสายการผลิตเดียว เพิ่มความคล่องตัวในการวางแผนและจัดสรรตารางการผลิต และลดระยะเวลาในการส่งมอบรถ
โรงงานเอเอที ยังจะเป็นศูนย์กลางการผลิตฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่
การลงทุนในเทคโนโลยีการผลิตอันล้ำสมัย ทำให้ฟอร์ดก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่นำเทคโนโลยีตรวจสอบพื้นผิวหรือสแกนบ็อกซ์ มาใช้ตรวจสอบรถทั้งคันในระหว่างขั้นตอนการประกอบรถได้อย่างละเอียดถี่ถ้วน และรวดเร็วกว่าเดิมถึง 5 เท่า เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์ของฟอร์ดให้ดียิ่งขึ้น
นางสาวยุคนธร วิเศษโกสิน ประธาน ฟอร์ด อาเซียน และตลาดเกิดใหม่ ประจำภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี กล่าว
“การลงทุนครั้งนี้นับว่าเป็นก้าวสำคัญในการต่อยอดความมุ่งมั่นของฟอร์ดตลอดระยะเวลา 25 ปีในการผลิตรถยนต์คุณภาพในประเทศไทย ซึ่งจะทำให้เรายกระดับการดำเนินงานในไทยให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้น พร้อมรองรับการผลิตฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชัน ใหม่ ซึ่งเป็นหนึ่งในรถฟอร์ดที่มียอดการผลิตสูงสุด และมียอดขายสูงสุดทั่วโลก รวมถึงฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ ด้วย”
“เราภูมิใจในความเป็นมาของเราตลอดระยะเวลา 25 ปี ในประเทศไทย และพร้อมที่จะเดินหน้าสู่อนาคตในอีก 25 ปีข้างหน้า ด้วยความมุ่งมั่นที่จะตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าด้วยผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีเยี่ยม การประกาศการเพิ่มการลงทุนในวันนี้ถือเป็นส่วนสำคัญของการเดินทางของฟอร์ดในประเทศไทย เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เริ่มผลิตฟอร์ด เรนเจอร์ และฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ ควบคู่กับการสร้างมาตรฐานใหม่ๆ ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยและในทุกครั้งที่เรานำเสนอผลิตภัณฑ์ และบริการใหม่ๆ ต่อไป”
มร. อังเดร คาวาลาโร ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ กลุ่มตลาดนานาชาติ และทวีปอเมริกาใต้ ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี กล่าว
“การลงทุนครั้งนี้มีส่วนสำคัญในการช่วยให้เราขับเคลื่อนกลยุทธ์ Ford+ เพื่อส่งมอบรถยนต์คุณภาพระดับโลก ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริง”
“ฟอร์ดให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เรามุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของการสร้างความยั่งยืนในระยะยาว รวมถึงมีการส่วนร่วมในกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะส่งผลดีต่อผู้คน ต่อโลกใบนี้ และต่อฟอร์ดเอง”
ตลาดรถมือสอง มีรถมากมายให้เลือกในราคาที่ถูกใจ