ทางเอกทางโท ต่างกันอย่างไร ?
แม้จะรู้กฎจราจร และสัญลักษณ์จราจรเบื้องต้นอยู่แล้ว แต่หลายคนอาจจะยังมีความสับสนว่า ทางเอกทางโท คืออะไร ต่างกันอย่างไร มีวิธีแยกยังไง และควรใช้แบบไหน ?
ผู้ขับขี่หลาย ๆ คน (โดยเฉพาะมือใหม่หัดขับ) แม้จะรู้กฎจราจร และสัญลักษณ์จราจรขั้นพื้นฐาน เช่น เส้นจราจร ป้ายจราจร หรือสัญญาณไฟอยู่แล้ว แต่ยังคงสับสนและไม่เข้าใจว่า ทาง เอก ทาง โท คืออะไร ? ซึ่งความไม่เข้าใจนี้อาจนำมาซึ่งอุบัติเหตุบนท้องถนน ผู้ใช้รถทุกคนจึงควรรู้ว่าทางโท-ทางเดินรถทางเอกเป็นอย่างไร จะได้สามารถใช้ทางดังกล่าวได้อย่างถูกต้อง ปลอดภัย ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ
ทางเอกทางโท คืออะไร ?
ทาง โท ทาง เอก เป็นคำที่ใช้เรียกแทน “เส้นทางหลัก” และ “เส้นทางรอง” ในทางร่วมแยก
ทางเอก คือ ถนนเส้นหลัก หรือเส้นทางหลัก เป็นถนนเส้นที่ใหญ่ที่สุด โดยจะมีสัญลักษณ์จราจรที่ระบุชัดเจนว่าทางนี้เป็นเส้นทางหลัก มีขนาดกว้างและมีจำนวนช่องเดินรถมากกว่าทางโท ไม่มีป้ายหรือเส้นให้หยุดตรงทางร่วม
ทางโท คือ ถนนเส้นรอง หรือเส้นทางรอง ที่ตัดแยกออกมาจากเส้นทางหลักอีกที มีขนาดเล็ก แคบ และจำนวนช่องเดินรถน้อยกว่าทางเอก เช่น ตรอก หรือซอยที่ตัดกับถนนหลัก โดยจะมีป้ายเตือนให้หยุดก่อนจะเข้าทางแยกที่ตัดกับถนนอีกเส้น
ใน พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 72 ระบุให้ ทางเอกทางโท มีลักษณะ ดังนี้
- ทางเดินรถที่ติดตั้งเครื่องหมายจราจร เป็นทางเดินรถทางเอก
- ส่วนทางเดินรถที่มีป้ายหยุด/ป้ายให้ทาง/มีอักษรแสดงคำว่าหยุด/เส้นหยุดบนผิวทาง ให้ทางเดินรถที่ขวางข้างหน้าเป็นทางเดินรถทางเอก
- หากไม่มีเครื่องหมายจราจร ไม่มีป้าย เส้น หรือข้อความบนผิวทาง ให้ทางเดินรถที่มีช่องเดินรถมากกว่าเป็นทางเดินรถทางเอก
- ถนนที่ตัด หรือบรรจบกับตรอก-ซอย ให้ทางเดินรถที่เป็นถนนเป็นทางเดินรถทางเอก ส่วนทางเดินรถอื่น ให้เป็นทางเดินรถทางโท
ทางเอกทางโท สังเกตดี ๆ ขับขี่ปลอดภัย
ทางเอก-ทางโทตัดกัน
กรณีที่ทางโทแยกทางเอกตัดกัน และไม่มีป้ายบอกว่าทางไหนเป็นทางเอก ให้สังเกตเส้นจราจรบนพื้นถนน หากมีเส้นสีขาว หรือเส้นประทึบตัดขวางอยู่บนถนนเส้นไหน แสดงว่าเส้นทางนั้นเป็นทางโท
ถนนไม่มีเส้นตัดขวาง
หากบนถนนไม่มีสีขาวหรือเส้นประทึบตัดขวาง ให้สังเกตขนาด หรือจำนวนของช่องเดินรถ หากถนนเส้นไหนมีขนาดกว้าง และมีช่องเดินรถมากกว่า แสดงว่าถนนเส้นนั้นคือทางเอก ส่วนทางโทจะมีช่องเดินรถน้อยกว่า และมีเส้นทางแคบกว่า
หากว่ากันตามกฎหมาย ทางเอกนั้นจะมีสิทธิ์มากกว่าทางโท ผู้ที่ต้องขับรถบนทางโท จะต้องชะลอหรือหยุด เพื่อให้รถที่อยู่บนเส้นทางเอกขับผ่านไปก่อน อย่างไรก็ตาม ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา ใช่ว่ารถที่อยู่ในทางโทจะเป็นฝ่ายผิดเสมอไป เพราะเจ้าหน้าที่จะมีพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ เช่น พฤติกรรมการขับขี่ ร่วมด้วย และตัดสินว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายถูกอีกที
อ่านเพิ่มเติม >>
