ฝากถึงเหล่าบรรดาเพื่อนๆ ที่สงสัยว่า “ทำไมฉันถึงสอบใบขับขี่ครั้งแรกไม่ผ่านกันนะ ?” วันนี้เดี๊ยนมีคำตอบและวิธีดีๆ ที่สามารถทำให้เพื่อนๆ สอบใบขับขี่ผ่านกันได้อย่างง่ายๆ เลยค่ะ เพียงแค่อาศัยถึงความตั้งใจและความมานะเท่านั้น แล้วเพื่อนๆ จะรู้เลยว่า แค่ครั้งแรก...เราก็สอบผ่านได้ !!
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ชาว chobrod การสอบใบขับขี่นั้นคนมักจะลุ้นและแน่นกันทุกช่วง ไม่ว่าจะเป็นช่วงหน้าเทศกาลก็ดีหรือช่วงธรรมดาก็ดี ยังไงก็ตามคนที่ตามมาสอบใบขับขี่ก็ยังเยอะอยู่ดีค่ะ .. วันนี้เดี๊ยนจึงงัดคำถามคาใจเพื่อนๆ หลายคนที่ว่า “เอ๊ะ ... ทำไมฉันถึงสอบใบขับขี่ไม่ผ่านในครั้งแรกกันนะ ?” หรือในบางเคส “ฉันก็ทำถูกหมดทุกขั้นตอนนี่ ทำไมถึงไม่ผ่านในครั้งแรกเลยล่ะ ?” คำถามเหล่านี้จะกระจ่างแจ้งไปเพราะว่าเดี๊ยนได้เตรียมคำตอบและวิธีดีๆ ในการสอบใบขับขี่มาฝากเพื่อนๆ กันแล้วค่ะ ขอแค่เพียงว่า เพื่อนๆ อย่าเพิ่งท้อกันก่อนะคะ ฝึกฝนและมีมานะกันหน่อยรับรองวิธีนี้รอบเดียวผ่านจ้า
มีหลายสาเหตุที่ทำให้เราสอบใบขับขี่ไม่ผ่านอาจจะเป็นเพราะเราขับเกินเลยเกณฑ์
หรืออะไรก็ตามแต่ วันนี้เรามีวิธีดีๆ มาฝากค่ะ
ต้องบอกก่อนเลยว่า คนส่วนใหญ่นั้นอาจจะสอบตกข้อปฎิบัติมากกว่าข้อเขียน เพราะว่าข้อเขียนนั้นเป็นกฎธรรมดาที่พวกเราๆ รู้กันอยู่แล้วว่าจะต้องพบเจอกับสัญลักษณ์เหล่านี้ นอกจากนี้ยังเป็นสิ่งที่เมื่อพวกเราได้รู้จักความหมายของมันในช่วงอบรมก่อนสอบใบขับขี่จริงกันด้วยค่ะ สาเหตุที่คนส่วนมากจะสอบไม่ผ่านกันนั้นก็อาจจะมาจากการสอบปฏิบัติ เพราะอะไรน่ะเหรอ ? เพราะว่าบางคนก็จอดเลยจุดตามที่เขากำหนด เข้าซองแล้วรถไม่ได้ระดับบ้างล่ะ หรือจอดเทียบแล้วเกยบ้างล่ะ ดังนั้นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เราสอบไม่ผ่าน บางครั้งเราคิดว่า ท่าในการขับของเรานั้นถูกต้องแล้วแต่ความจริงมันอาจจะไม่ถูกและทำให้ขับออกมามันเกิดจุดที่เขากำหนดมาให้ซะอย่างนั้น เอาเป็นว่าเรามาดูวิธีที่ช่วยทำให้เพื่อนๆ ที่กำลังสอบใบขับขี่ในครั้งแรกกันดีกว่าค่ะ ว่าทำอย่างไรบ้างถึงจะสอบผ่านได้แม้ในครั้งแรก
สิ่งแรกที่ทุกคนจะต้องรู้ก่อนเลยก็คือว่า การสอบนั้นจะมีสอบด้วยกัน 2 วันด้วยกันค่ะ ซึ่งวันแรกจะเป็นการสอบข้อเขียน ต่อมาจะเป็นการสอบปฏิบัติ ส่วนใครที่สอบผ่านตั้งแต่ข้อเขียน ในวันต่อไปก็เข้ามาสอบข้อปฏิบัติกันได้เลยค่ะ ส่วนใครที่สอบปฏิบัติไม่ผ่าน แต่สอบอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ผ่าน ก็สามารถมาติดต่อขอสอบใหม่ได้ในเวลาไม่เกิน 3 วันทำการและอย่าลืมเอกสาระสำคัญที่เราต้องเตรียมให้พร้อมในวันสอบด้วยนะคะ ซึ่งเอกสารเหล่านั้นได้แก่ บัตรประชาชนตัวจริง สำเนาบัตรชาชน 1 ฉบับที่ต้องมีลายเซ็นรับรองสำเนาถูกต้องไว้แล้วพร้อมทั้งระบุเบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้ไว้ด้วย และใบรับรองแพทย์ที่อายุไม่เกิน 1 เดือนค่ะ
การสอบใบขับขี่ในช่วงทฤษฎีหรือข้อเขียน
ดูเพิ่มเติม
>> ทำความรู้จักกับใบขับขี่ประเภท 2 คืออะไร มาดูกัน!
>> คุณสมบัติและบุคคลต้องห้าม ! ที่ไม่สามารถสอบใบอนุญาตขับขี่ได้
การอบรมนี้จะอบรมเพื่อนำไปสอบในข้อเขียนขั้นต่อ แต่ถ้าหากคนใดมีเอกสารการอบรมไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สามารถยื่นหลักฐานการอบรมจากสถาบันสอนขับรถได้ที่เลยค่ะ โดยการอบรมฟังคำบรรยายนั้นก็จะมีทั้งหมด 2 รอบด้วยกันได้แก่ ช่วงเวลา 9.00 – 12.00 น. และ 13.00 – 15.00 น ซึ่งรอบแรกนั้นจะบรรยายถึงกฎหมายจราจรต่างๆ ส่วนช่วงบ่ายจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับเครื่องหมายสัญลักษณ์ต่างๆ ค่ะ ใครที่กลัวว่าข้อเขียนไม่ผ่าน ก็สามารถอ่านหนังสือเกี่ยวกับกฎจราจรได้เลยนะคะ ไม่ยากเลยค่ะเพื่อนๆ
เมื่อเราฟังคำบรรยายต่างๆแล้ว ต่อมาเราก็จะเริ่มสอบกันค่ะ โดยการสอบนั้นเราจะสอบโดยคอมพิวเตอร์นั่นเอง ซึ่งแบบทดสอบออนไลน์ทั่วไปแล้วจะใช้เวลา 1 ชั่วโมงด้วยกัน แต่ความสามารถของแต่ละคนนั้นก็ไม่เหมือนกันค่ะ บางคนสอบเสร็จภายในสิบนาที สิบห้านาที ก็มีค่ะ ซึ่งต้องขอนับถือเลยว่าเก่งมากๆ โดยคะแนนเต็มนั้นอยู่ที่ 50 คะแนนด้วยกันค่ะ ดังนั้นเราจะต้องได้คะแนนในข้อนี้อยู่ที่ 45 คะแนนด้วยกันถึงจะผ่านด่านทฤษฎีข้อเขียนไปได้ แต่จากที่เดี๊ยนรู้มานั้นการสอบขั้นตอนนี้ไม่ยากเลยค่ะ เพียงแค่จำให้แม่น อันไหนเป็นอันไหน กฎไหนเป็นอย่างไรเท่านี้ก็ได้แล้วค่ะ อีกอย่างหนึ่งคือข้อสอบแบบปรนัยเราสามารถเลือกตอบได้เลย ง่ายๆ ค่ะไม่ยาก
หลักเกณฑ์การสอบใบขับขี่ช่วงปฏิบัติ
เมื่อเรารู้ว่าเรานั้นมีสิทธิ์ที่จะสอบช่วงของการปฏิบัติแล้วนั้น ให้เราไปสนามสอบตั้งแต่เช้าตรู่เลยค่ะ เพื่อรับบัตรคิวหรือถ้าหากใครไม่สะดวกไปล่ะก็สามารถสอบได้เลยภายใน 3 เดือน แต่ถ้าหากเราสอบไม่ผ่านอย่างใดอย่างหนึ่งก็สามารถจะยื่นเอกสารติดต่อขอสอบใหม่ได้ไม่เกิน 3 วันค่ะ หรืออาจจะแล้วแค่ผู้คุมสอบพิจารณาเอานะคะ
ท่าที่ 1 ถอยหลังเทียบจอด
1.ขั้นแรกเลยค่ะ ห้ามใช้ 7 เกียร์ ถ้าเรานับจากเกียร์แรก ตั้งแต่ตอนเดินหน้าขึ้นมาแล้วตั้งลำตรงนั้นเราก็จะเหลือเพียง 6 เกียร์เท่านั้นที่เอาไว้สำหรับเดินหน้าและถอยหลังให้อยู่ในกรอบแดง หมายความว่า เมื่อเราถอยไปแล้วไม่ตรงกรอบนั้น เรามีโอกาสที่จะแก้ตัวใหม่ในรอบหน้าถึง 2 ครั้งด้วยกันค่ะ
2.ถ้าหากว่าไม่แน่ใจให้เราเดินหน้าไปก่อนเลยค่ะ เพราะว่าคนส่วนมากนั้นจะถอยหลังชนหลักหรือเบียดเข้าข้างก่อนเกียร์ที่ 7 เพราะฉะนั้นถ้าหากว่าเราไม่มั่นใจ ให้เรากดเดินหน้าไปก่อนเลยค่ะ
3.เกียร์เดียวอาจจะถูกนับเป็น 2 เกียร์ได้ เพราะทางเจ้าหน้าที่อาจจะดูพลาด เช่นถอยหลังเสร็จแล้วหยุด จากนั้นถอยหลังต่อ ดังนั้นจึงเป็นสาเหตุที่ว่าถ้าเราจะหยุดก็สามารถหยุดได้แต่แค่ช่วงอึดใจนะคะ อย่านานเป็นอันขาดเพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าใจผิด
4.ขนาดกรอบสี่เหลี่ยมนั้นจะต้องจอดอยู่ในกรอบสีแดงเท่ากับ 2.5*5 เมตรด้วยกันค่ะ โดยมีกรอบสองชั้นคือ กรอบด้านนอกสีแดงสำหรับขนาดรถยนต์มาตรฐาน และกรอบสีเหลืองด้านในสำหรับรถยนต์ขนาดเล็กค่ะ อาทิเช่น Honda Jass, Mini couper, Mazda 2 (รถจิ๋ว), Mitsubishi 1200 cc เป็นต้น
5.บริเวณด้านหน้าเหนือกรอบสีแดงนี้ไกลออกไป 2.5 เมตร โดยมีกำแพงสีส้มกั้นไว ส่วนด้านหลังนั้นเลยกรอบสีแดงไปเพียงหนึ่งคืบเท่านั้น โดยเราจะต้องไม่เฉี่ยวชนใดๆ เลย และไม่ต้องไปกังวลกับกำแพงด้านนี้มากค่ะ เพราะหากว่าถ้าเราขับห่างไปมากมันจะชนกำแพงด้านหลังเอาได้
6.อย่าลืมสังเกตที่ไม้เสียงกำแพงด้านหลัง หากเป็นรถ 4 ประตูเราก็ควรจะห่างมันไว้ประมาณ 3 ฟุตค่ะ และต้องมั่นใจว่าไม่เกินขอบหน้าแน่นอนหากเราจอดทับเส้น
ท่าที่ 2 เลี้ยวซ้าย จอดชิดเทียบฟุตบาท ไม่เกิน 25 ซม.
1.ผู้ที่ขับนั้นจะต้องเลี้ยวซ้ายเทียบจอด โดยไม่ต้องกังวลนะคะเพราะว่าฟุตบาทจะเป็นหัวเลี้ยวแบบมนๆ ค่ะ ให้เราสังเหตุให้ดีก็พอ
2.ล้อจะต้องทับกับเส้นขาวด้านซ้ายมือเท่านั้น และต้องห่างจากฟุตบาทไม่เกิน 25 เซนติเมตรค่ะ
3.ด้านหน้ารถจะต้องอยู่ระหว่างเส้นสีขาวเท่านั้นและห้ามเบียดฟุตบาท
4.หากว่าเรากังวลกลัวเบียด เราสามารถตีวงกว้างได้เพื่อที่จะได้มีพื้นที่พอเพียงเพื่อขับเฉียงเข้าเทียบจอดได้อย่างถูกต้องจ้า
ท่าที่ 3 ถอยหลังตรง
1.อันดับแรกให้เดินหน้าตรง ถอยหลังตรง โดยการตีวงกว้างๆ เพื่อไม่ให้เบียดหลัก
2.ให้เราขับเข้าไปจนกว่าล้อหลังจะพ้นเส้นแล้วถอยหลังตรงค่ะ
3.ถอยล้อหน้าจนพ้นเส้น แล้วหักพวงมาลัยเลี้ยว
4.สำคัญที่สุดอย่าลืมเปิดไฟเลี้ยวด้วยค่ะ
‘ทำไมถึงสอบใบขับขี่ครั้งแรกไม่ผ่าน ?’ ปัญหาคาใจนักขับหลายคนที่อยากได้ใบขับขี่ มาดูกันซิว่ามีวิธีใดบ้างที่แก้ไขได้!
เมื่อเรานั้นผ่านการสอบทั้งสองขั้นตอนแล้ว ขั้นต่อมาก็ไม่มีอะไรแล้วค่ะนอกจากจะเสียธรรมเนียมในการทำใบอนุญาตและเสียค่าบริการทั้งสิ้น 205 บาท เป็นค่าธรรมเนียมขอบัตร 5 บาท และค่าใบอนุญาต 100 บาท ค่าถ่ายรูป 100 บาท เหมือนกับการเสียค่าทำบัตรประชาชนค่ะ ต่อจากนี้เวลาเราไปไหนก็อย่าลืมพกใบขับขี่ติดตัวไปด้วยและขับรถยนต์อย่างมีน้ำใจบนท้องถนน เพื่อให้ถนนเป็นสีขาวนะคะ เอาเป็นว่าวันนี้เดี๊ยนก็มาไขข้อสงสัยให้เพื่อนๆ กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ครั้งหน้าจะมีคอนเทนต์อะไรดีๆ มานำเสนออีก อย่าลืมติดตามกันนะคะ สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน พบกันใหม่คอนเทนต์หน้า สวัสดีจ้า
ดูเพิ่มเติม
>> การสอบใบขับขี่ของประเทศต่างๆในโลก
>> สอบใบขับขี่ “จองออนไลน์ง่ายนิดเดียว” แค่อ่านจบ ก็จองเป็นทันที
ติดตาม ราคารถมือสอง ด้ที่นี่
ติดตามเรื่อง รีวิวรถยนต์ใหม่ ได้ที่นี่
ติดตามเรื่อง ราคารถยนต์ใหม่ๆได้ที่นี่