เวลาเราจะขับรถยนต์สักคัน สิ่งที่สำคัญอย่างที่สุดที่เราต้องมีติดตัวไว้ และขาดไม่ได้เลยนั่นก็คือ “ใบขับขี่” แต่เพื่อนๆ รู้ไหมค่ะว่า ใบขับขี่ในปัจจุบันนี้ มีใบขับขี่ประเภท 2 ด้วย ซึ่งบางท่านอาจไม่เคยคุ้นหู หรือรู้จักประเภทนี้มาก่อน วันนี้เวปไซต์ Chobrod.com จึงมีความรู้ที่น่าสนใจเกี่ยวกับใบขับขี่ประเภทที่ 2 มาฝากกัน โดยจะมีลักษณะ และคืออะไรนั้น เดี๋ยวเรามาดูกันเลยค่ะ
มาดูกันสิว่า... ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 กับ ประกันภัยรถยนต์ 2+ แตกต่างกันอย่างไร ?
ว่าด้วยเรื่องศาสตร์ตัวเลข ... เลือกป้ายทะเบียนรถยนต์อย่างไรให้เป็นมงคลแก่ตนเอง
ใบขับขี่ หรือ ใบอนุญาตขับขี่ คือ ใบอนุญาตเพื่อยืนยันว่า บุคคลเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถในการขับขี่ และได้รับอนุญาตให้สามารถขับขี่รถตามกฎหมายประเภทต่างๆ อาทิ ใบอนุญาตขับขี่ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถรับจ้าง เป็นต้น ตามลักษณะของการใช้งาน ใบขับขี่ได้ถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ
1) ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถประเภทส่วนบุคคล : การอนุญาตให้สามารถขับขี่เพื่อขนส่งส่วนบุคคล หรือใช้สำหรับโดยสารส่วนตัว โดยสามารถขับขี่ขนส่งเพื่อการค้าหรือธุรกิจส่วนตัวได้ แต่ต้องจำกัดน้ำหนักในการขนส่งอยู่ที่ 1,600 กิโลกรัม และ ต้องใช้สำหรับการขนส่งที่ไม่ใช่การรับจ้าง
2) ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถประเภททุกประเภท: ใบอนุญาตประเภทให้สามารถขับขี่เพื่อขนส่งได้ทุกประเภท ทั้งใช้สำหรับการขับขี่ขนส่งเพื่อการค้า หรือ ธุรกิจส่วนตัว และใช้ขนส่งเพื่อรับจ้าง หรือประกอบธุรกิจการขนส่งได้ เช่น การขนส่งคน การขนส่งสิ่งของ เป็นต้น
มีหลายคนน่าจะสงสัยว่า เลขที่ใบขับขี่ดูตรงไหน หรือ เลขใบขับขี่สาธารณะดูตรงไหน คำตอบรายละเอียดจะมีดังนี้
ส่วนประกอบของใบอนุญาตขับขี่ รถยนต์ที่ควรรู้
A : เลขที่ใบขับขี่
B : ชนิดของใบอนุญาตขับขี่ เช่น รถยนต์ส่วนบุคคล รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล
C : วันที่ออกใบอนุญาตขับขี่ และวันหมดอายุของใบอนุญาตขับขี่
D : ข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นภาษาไทย ซึ่งประกอบไปด้วย ชื่อ-นามสกุล วันเดือนปีเกิด เลขบัตรประจำตัวประประชน
E : ข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นภาษาอังกฤษ
F : จังหวัดที่ทำการออกใบอนุญาต
G : ภาพสะท้อนแสง สำหรับป้องกันการปลอมแปลง
H : ภาพถ่ายของผู้ได้รับใบอนุญาต ซึ่งถ่าย ณ วันที่ทำใบอนุญาตโดยเจ้าหน้าที่
ใบขับขี่ประเภท 2 คืออะไร มาดูกัน!
สำหรับใบขับขี่ในประเทศไทยนั้นมีหลายประเภทด้วยกัน โดยประเภทที่จะพูดถึงนี้แตกต่างกับประเภททั่วไปอย่างสิ้นเชิง เพราะเป็นประเภทที่เหมาะผู้ที่ขับขี่รถสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ขับรถแท็กซี่ รถตู้ รถสามล้อ หรือรถจักนยานยนต์สาธารณะ จำเป็นอย่างมากที่จะต้องทำใบขับขี่ประเภท2 นี้ โดยการขอรับใบขับขี่รถสาธารณะจะต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
(1) ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 22 ปีบริบูรณ์ สำหรับผู้ขอรับใบขับขี่รถสาธารณะและใบขับขี่รถยนต์สามล้อสาธารณะ สำหรับผู้ขอรับใบขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์
(2) มีความรู้ความสามารถในการขับรถ
(3) มีความรู้ในข้อบังคับการเดินรถตามพระราชบัญญัติรถยนต์ และตามกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก
(4) ไม่เป็นผู้มีร่างกายพิการจนเป็นที่เห็นได้ว่าไม่สามารถขับรถได้
(5) ไม่มีโรคประจำตัวที่ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมเห็นว่าอาจเป็นอันตรายขณะขับรถ
(6) ไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือน
(7) ไม่มีใบขับขี่รถชนิดเดียวกันอยู่แล้ว
(8) ไม่เป็นผู้อยู่ระหว่างถูกยึดหรือเพิกถอนใบขับขี่
ใบขับขี่ในประเทศไทยมีหลายประเภท
เอกสารที่ต้องเตรียมเวลาไปสอบใบขับขี่
เมื่อตรวจสอบคุณสมบัติสำหรับทำใบขับขี่ประเภท 2 แล้วเรียบร้อย สิ่งที่เราต้องเตรียมตัวก่อนไปทำใบขับขี่คือเอกสาร โดยเอกสารที่เพื่อนๆ จะขาดไม่ได้เลย มีดังนี้
ในส่วนของระยะเวลาในการทำใบขับขี่ประเภท 2 นั้น จะใช้เวลาทั้งสิ้น รวม 90 วัน นับตั้งแต่วันที่ยื่นคำขอ ส่วนขั้นตอนในการทำนั้นจะมีการทดสอบสมรรถภาพ อบรม ทดสอบภาคทฤษฎี หรือทดสอบภาคปฏิบัติ ซึ่งผู้ที่ทำใบขับขี่จะต้องนำรถมาทดสอบด้วย ซึ่งจะมีทั้งหมด 3 ข้อหลัก คือ ท่าจอดเทียบฟุตบาท ท่าจอดและออกรถบนทางชัน ท่าเดินหน้า และถอยหลังตรง โดยความแตกต่างของการทำใบขับขี่แบบธรรมดาจะแตกต่างกับประเภทที่ 2 ตรงที่ แบบธรรมดาเมื่อถ่ายรูปเสร็จจะสามารถกลับบ้านได้เลย แต่ถ้าเป็นแบบประเภทที่ 2 เราจะต้องรอให้ทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอีกครั้ง ถึงจะเสร็จสิ้น
ภาพตัวอย่างใบขับขี่รถสาธารณะ
ผู้ขอ สอบใบขับขี่ประเภท 2 จะต้องขอดำเนินการทดสอบสมรรถภาพ อบรม ทดสอบภาคทฤษฎี หรือทดสอบภาคปฏิบัติให้เสร็จสิ้นภายในระยะเวลาที่กำหนด นั่นก็คือ 90 วันนับตั้งแต่วันที่ยื่นคำขอ โดยจะมีค่าธรรมเนียม 200 บาทครับ
ขับรถไม่มีใบขับขี่ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีที่ผู้ประกอบการยินยอมให้ผู้ไม่มีใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ โทษไม่มีใบขับขี่ประเภท 2 จะต้องปรับไม่เกิน 2,000 บาท
และนี่ก็เป็นความรู้เกี่ยวกับใบขับขี่ประเภทที่ 2 ที่นำมาฝากเพื่อนๆ กันในวันนี้นะคะ สำหรับใบขับขี่ ที่เราพูดถึงกันในวันนี้ ถือได้ว่าเป็นเอกสารหลักฐานที่มีประโยชน์ต่อผู้ขับขี่เป็นอย่างมาก ที่สำคัญทุกคนที่คิดจะขับรถจะต้องทำใบขับขี่ทุกคน ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะละเลยหรือไม่ให้ความสำคัญในการทำใบขับขี่ นอกจากนี้เมื่อทำใบขับขี่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อนๆ ควรพกพาใบขับขี่ไว้เสมอด้วยนะคะ
คราวหน้าทางตลาดรถ Chobrod.com จะมีเรื่องราวอะไรมาให้เพื่อนๆ ได้อัพเดทกันต่อ ฝากติดตามด้วยนะคะ