อุบัติเหตุจากการไม่เปิดไฟเลี้ยว หรือใช้ไฟเลี้ยวผิดวิธีเกิดขึ้นได้บ่อยครั้ง ผู้ขับขี่จึงควรรู้วิธีใช้งานไฟเลี้ยวที่ถูกต้อง เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ
ไฟเลี้ยว ทำหน้าที่ให้สัญญาณเตือนให้ผู้ขับขี่รถยนต์หรือผู้ใช้ถนนคนอื่นทราบว่ารถของคุณกำลังจะไปทางไหน หากต้องการจะเลี้ยวขวา ให้เปิดไฟเลี้ยวด้านขวา แต่ถ้าต้องการจะเลี้ยวซ้าย ให้เปิดไฟเลี้ยวด้านซ้าย หรือหากต้องการจะแซง หรือเปลี่ยนเลนส์ก็สามารถเปิดไฟเลี้ยวกะพริบให้สัญญาณได้เช่นกัน
ทว่า อุบัติเหตุบนท้องถนนที่เกิดจากการไม่เปิดไฟเลี้ยวเกิดขึ้นให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง เฉลี่ยวันละ 2 คน หรือ 700 คนต่อปีเลยทีเดียว นอกจากนี้ ผู้ใช้รถบางคนยังมักใช้ไฟเลี้ยวผิดวิธี อาทิ ไม่เปิดไฟเลี้ยวก่อนถึงทางเลี้ยว เปิดไฟแล้วเลี้ยวทันที หรือเลี้ยวก่อนแล้วค่อยเปิดไฟเลี้ยว เป็นต้น ซึ่งวิธีใช้งานไฟเลี้ยวที่ถูกต้องนั้นสามารถทำได้ ดังนี้
การเปิดไฟเลี้ยวซ้าย-ขวา
ก่อนถึงทางเลี้ยว ให้เปิดไฟเลี้ยวในระยะที่ตรงกับความเร็วรถ เช่น หากใช้ความเร็ว 30 กม./ชั่วโมง ให้เปิดไฟเลี้ยวล่วงหน้า 30 เมตร หรือหากใช้ความเร็ว 60 กม./ชั่วโมง ให้เปิดไฟเลี้ยว 60 เมตร สำหรับรถจักรยานยนต์ ให้เปิดไฟเลี้ยวล่วงหน้า ประมาณ 10 -15 เมตร ก่อนถึงทางเลี้ยว เพื่อให้รถที่ขับตามมาได้ชะลอรถ หรือเปลี่ยนช่องทางเดินรถ
การเปลี่ยนช่องทางเดินรถ
ก่อนเปลี่ยนเลนส์ หรือช่องทางเดินรถ หรือต้องการแซงรถคันหน้า ให้เปิดไฟเลี้ยวกะพริบ 2-3 ครั้งเป็นจังหวะ เพื่อส่งสัญญาณให้รถคันอื่นทราบ ว่าต้องการเปลี่ยนช่องทางเดินรถ หรือแซงรถคันหน้า
การขับรถออกจากวงเวียน
หากต้องการขับรถออกจากวงเวียน เพื่อเลี้ยวเข้าทางหลัก ต้องเปิดไฟเลี้ยวทุกครั้ง เพื่อให้รถคันอื่นได้รับทราบว่าคุณจะไปทางไหน
เมื่อเจออุบัติเหตุ
กรณีเกิดอุบัติเหตุด้านหน้า ต้องเปิดไฟฉุกเฉิน หรือเปิดไฟเลี้ยวซ้าย-ขวาสลับกันถี่ ๆ เพื่อเตือนรถคันที่ตามมาให้ระมัดระวังในการขับขี่มากขึ้น
พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 กำหนดไว้ว่า ไฟเลี้ยวด้านหน้าจะต้องใช้แสงสีเหลือง ติดที่ด้านหน้าจำนวน 2 ดวง ส่วนไฟเลี้ยวด้านหลังจะต้องใช้แสงเหลืองหรือแดง ติดที่ด้านท้ายจำนวน 2 ดวง หรือ 4 ดวง หากมีการติดตั้งไฟเลี้ยวสีอื่นนอกเหนือไปจากนี้ จะต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท
ไฟเลี้ยวใช้ถูกวิธี จะทำให้เกิดความปลอดภัยในการขับขี่มากยิ่งขึ้น ทั้งกับตัวผู้ขับขี่เองรวมถึงผู้ใช้ถนนคนอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน ซึ่งการรู้เทคนิคใช้ไฟเลี้ยวที่ถูกต้อง จะช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนนที่อาจสร้างความเสียหายให้ชีวิตและทรัพย์สินได้
อ่านเพิ่มเติม >>