Porsche 911 GTS T-Hybrid และ 911 Carrera ใหม่ ขุมพลังไฮบริดน้ำหนักเบา ล้ำหน้าด้วยเทคโนโลยี

1 ก.ค 2568
แชร์ 0

ปอร์เช่ 911 GTS T-Hybrid และ 911 Carrera ใหม่ สัมผัสสมรรถนะเร้าใจทุกโค้ง บนเส้นทางสุดท้าทายกลางธรรมชาติที่เชียงใหม่

ปอร์เช่ 911 GTS T-Hybrid และ 911 Carrera ใหม่
ปอร์เช่ 911 GTS T-Hybrid และ 911 Carrera ใหม่

ปอร์เช่ (Porsche) พลิกโฉมรถสปอร์ตระดับตำนาน 911 ครั้งใหญ่ ด้วยขุมพลังไฮบริดสมรรถนะสูง น้ำหนักเบาเป็นพิเศษ โดยระบบขับเคลื่อนใหม่ล่าสุดผสานเทอร์โบไฟฟ้าเข้ากับเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 6 สูบนอนรุ่นใหม่ มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจและทรงพลังยิ่งขึ้น

ปอร์เช่ เอเชีย แปซิฟิก (Porsche Asia Pacific) จัดกิจกรรมทดสอบสมรรถนะ 911 GTS T-Hybrid และ 911 Carrera ใหม่ เชิญสื่อมวลชนและ KOL จากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ร่วมสัมผัสประสบการณ์ขับขี่บนเส้นทางภูเขาสุดท้าทายในจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อถ่ายทอดความโดดเด่นของขุมพลังและการควบคุมที่เหนือชั้น

นายไมเคิล เวตเตอร์ (Michael Vetter) กรรมการผู้จัดการ ปอร์เช่ ประเทศไทย กล่าวว่า 

“เส้นทางบนภูเขาในจังหวัดเชียงใหม่ถือเป็นสถานที่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับการทดสอบสมรรถนะของ 911 GTS T-Hybrid และ 911 Carrera โดยเราพัฒนาระบบไฮบริดที่เหมาะสมอย่างแท้จริงกับ 911 พร้อมนำเสนอแนวคิดการขับขี่ที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งช่วยยกระดับสมรรถนะโดยรวมได้อย่างชัดเจน และในฐานะก้าวสำคัญของวิวัฒนาการ 911 รุ่นใหม่นี้ยังคงมอบทั้งสมรรถนะที่เหนือกว่า ประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น และถ่ายทอดจิตวิญญาณความเร้าใจในแบบฉบับปอร์เช่ไว้อย่างครบถ้วน สำหรับลูกค้าในประเทศไทยที่ให้ความสำคัญกับนวัตกรรม ความยั่งยืน และความพิเศษ 911 GTS T-Hybrid คือคำตอบที่ลงตัว”

แรงบันดาลใจจากสนามแข่ง ปอร์เช่เผยโฉมระบบไฮบริดสมรรถนะสูงสุดล้ำ

สำหรับ 911 Carrera GTS รุ่นใหม่ วิศวกรของปอร์เช่ได้นำองค์ความรู้จากสนามแข่งมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาระบบ T-Hybrid รุ่นล่าสุด ซึ่งโดดเด่นด้วยน้ำหนักเบาและสมรรถนะอันทรงพลัง โดยติดตั้งเทอร์โบชาร์จไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ผสานมอเตอร์ไฟฟ้าไว้ระหว่างใบพัดอัดอากาศ (compressor) และกังหันไอเสีย (turbine wheel) ช่วยเร่งการทำงานของเทอร์โบทันทีและสร้างแรงดันอากาศ (boost pressure) ได้แบบฉับไว นอกจากนี้ มอเตอร์ไฟฟ้าในเทอร์โบชาร์จยังทำหน้าที่เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้า สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้สูงสุดถึง 11 กิโลวัตต์ (15 แรงม้า) จากพลังงานความร้อนของไอเสีย ระบบเทอร์โบชาร์จแบบไฟฟ้าที่ไม่ต้องใช้เวสต์เกต (wastegate-free) นี้ ยังช่วยให้สามารถใช้เทอร์โบเพียงตัวเดียว แทนที่การใช้สองตัวในรุ่นก่อนหน้า ส่งผลให้การตอบสนองของเครื่องยนต์รวดเร็วและเร้าใจยิ่งขึ้น 

ระบบขับเคลื่อนยังประกอบด้วยมอเตอร์ซิงโครนัสแบบแม่เหล็กถาวร ซึ่งติดตั้งรวมไว้ภายในเกียร์คลัตช์คู่ 8 จังหวะ (PDK) รุ่นใหม่ที่ทรงพลังยิ่งขึ้น มอเตอร์ไฟฟ้านี้สามารถให้แรงบิดเสริมสูงสุดถึง 150 นิวตันเมตร แม้ในขณะรอบเดินเบา และเพิ่มกำลังได้สูงสุดถึง 40 กิโลวัตต์ ปอร์เช่ (Porsche) เชื่อมต่อมอเตอร์ไฟฟ้าทั้งสองตัวเข้ากับแบตเตอรี่แรงดันสูงที่มีน้ำหนักเบาและขนาดกะทัดรัด โดยแบตเตอรี่นี้มีขนาดและน้ำหนักใกล้เคียงกับแบตเตอรี่สตาร์ท 12 โวลต์แบบทั่วไป แต่สามารถกักเก็บพลังงานได้สูงสุดถึง 1.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง (ค่ารวม) และทำงานที่แรงดันไฟฟ้า 400 โวลต์ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพน้ำหนักโดยรวมที่ดีที่สุด ปอร์เช่ (Porsche) จึงเลือกใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนน้ำหนักเบาสำหรับระบบไฟฟ้า 12 โวลต์ภายในรถอีกด้วย

หัวใจของระบบขับเคลื่อน T-Hybrid คือเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 6 สูบ ขนาด 3.6 ลิตร ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ ระบบไฟฟ้าแรงสูงช่วยให้คอมเพรสเซอร์แอร์สามารถขับเคลื่อนได้ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าโดยไม่ต้องใช้สายพาน ส่งผลให้มีพื้นที่ในห้องเครื่องยนต์เพิ่มขึ้นจากชุดสายพานที่หายไป ทำให้เครื่องยนต์มีขนาดกะทัดรัดมากยิ่งขึ้น ซึ่งช่วยเพิ่มพื้นที่เหนือเครื่องยนต์สำหรับติดตั้งตัวแปลงกระแส (pulse inverter) และตัวแปลงไฟฟ้ากระแสตรง (DC-DC converter)

แม้ไม่ใช้พลังงานไฟฟ้า เครื่องยนต์นี้ก็ให้กำลังสูงถึง 357 กิโลวัตต์ (485 แรงม้า) และแรงบิด 570 นิวตันเมตร เมื่อรวมกับระบบไฮบริด กำลังรวมของระบบจะเพิ่มเป็น 398 กิโลวัตต์ (541 แรงม้า) และแรงบิด 610 นิวตันเมตร ซึ่งมากกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 45 กิโลวัตต์ (61 แรงม้า)

ระบบไฮบริดสมรรถนะสูงนี้ให้การขับขี่ที่เร้าใจและคล่องตัว พร้อมช่วยลดการปล่อย CO2 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับรถปลั๊กอินไฮบริดทั่วไป น้ำหนักเพิ่มจากรุ่นก่อนหน้าเพียง 50 กิโลกรัมเท่านั้น

911 Carrera ยังคงใช้เครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 6 สูบ ขนาด 3.0 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบคู่ โดยเครื่องยนต์นี้ได้รับการปรับปรุงใหม่อย่างครอบคลุม หนึ่งในจุดเด่นคือการนำอินเตอร์คูลเลอร์จากรุ่น Turbo มาใช้ ซึ่งติดตั้งอยู่ใต้ช่องระบายอากาศที่ฝากระโปรงท้ายเหนือเครื่องยนต์ ขณะที่เทอร์โบชาร์จใน 911 Carrera รุ่นใหม่นี้ เคยเป็นอุปกรณ์เฉพาะในรุ่น GTS ของเจเนอเรชันก่อนหน้า

การปรับเปลี่ยนเหล่านี้ช่วยให้ปอร์เช่ (Porsche) สามารถลดการปล่อยไอเสียลงพร้อมเพิ่มสมรรถนะ โดยให้กำลังสูงสุด 290 กิโลวัตต์ (394 แรงม้า) และแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร 911 Carrera Coupé ใหม่สามารถเร่งจาก 0–100 กม./ชม. ได้ในเวลา 4.1 วินาที (3.9 วินาทีเมื่อมาพร้อมชุด Sport Chrono) และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 294 กม./ชม. ซึ่งเร็วกว่าเดิม 0.1 วินาที และเพิ่มความเร็วสูงสุดอีก 1 กม./ชม. เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า

ช่วงล่างและแอโรไดนามิกส์แบบแอคทีฟที่ได้รับการปรับแต่ง

ระบบช่วงล่างของ 911 Carrera GTS ได้รับการปรับปรุงใหม่อย่างครอบคลุม โดยในรุ่นนี้เป็นครั้งแรกที่มีการติดตั้งระบบเลี้ยวล้อหลัง (rear-axle steering) มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งช่วยเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่ที่ความเร็วสูง และลดรัศมีวงเลี้ยวให้แคบลง ปอร์เช่ (Porsche) ยังได้รวมระบบควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง Porsche Dynamic Chassis Control (PDCC) เข้ากับระบบไฟฟ้าแรงสูงของระบบไฮบริดสมรรถนะสูง ทำให้สามารถใช้ระบบควบคุมแบบอิเล็กโทร-ไฮดรอลิก ซึ่งช่วยให้การตอบสนองมีความยืดหยุ่นและแม่นยำยิ่งขึ้น ช่วงล่างแบบสปอร์ตที่มาพร้อมระบบควบคุมโช้คอัพแบบปรับระดับได้ (PASM) และความสูงจากพื้นลดลง 10 มิลลิเมตร ช่วยมอบฟีลลิ่งการขับขี่อันเป็นเอกลักษณ์ของรุ่น GTS อย่างแท้จริง

สำหรับ 911 รุ่นใหม่ มีดีไซน์ล้อให้เลือกทั้งหมด 7 แบบ โดยมีขนาดให้เลือกเป็นแบบ 19/20 นิ้ว หรือ 20/21 นิ้ว ในรุ่น 911 Carrera GTS จะมาพร้อมล้อหลังขนาด 21 นิ้ว ความกว้าง 11.5 นิ้ว สวมยางขนาด 315/30 ZR 21 เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ส่วนล้อหน้าใช้ขนาด 20 นิ้ว ความกว้าง 8.5 นิ้ว พร้อมยางขนาด 245/35 ZR 20 ร่องยางด้านหลังที่กว้างขึ้นนี้ช่วยเสริมประสิทธิภาพด้านไดนามิกการขับขี่และการยึดเกาะถนนของ 911 Carrera GTS ใหม่ ได้อย่างยอดเยี่ยม

ดีไซน์ภายนอกสปอร์ตและโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น