โตโยต้าแถลงยอดขายรถยนต์ปี 2566 จบที่ 265,949 คัน หรือลดลง 8% พร้อมตั้งเป้าหมายปี 2567 ประมาณการ 277,000 คัน

ตลาดรถยนต์ในประเทศ | 5 ก.พ 2567
แชร์ 0

ยอดขายรถยนต์โตโยต้าปี 2566 อยู่ที่ 265,949 คัน ลดลง 8% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา มีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 หรือเท่ากับ 34.3% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่ส่วนแบ่งทางการตลาดรถยนต์นั่งของโตโยต้ามีการเติบโตสูงขึ้นจากปีที่แล้ว

ยอดขายรถยนต์โตโยต้า ในกลุ่มรถอีโคคาร์ที่ยังคงสามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 ด้วยยอดขายของ Toyota Yaris ATIV และ Toyota Yaris Cross ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี นอกจากนี้ การดำเนินกิจกรรมทางการตลาดในรูปแบบต่าง ๆ ตลอดจนการมีผลิตภัณฑ์ยานยนต์ที่หลากหลายของโตโยต้า

นอกเหนือจากรถยนต์ภายใต้แบรนด์โตโยต้า ในปี 2566 แบรนด์เลกซัส ประเทศไทย ประสบความสำเร็จ มียอดขายสูงสุด อยู่ที่ 1,012 คัน นับเป็นครั้งแรกที่ เลกซัส ประเทศไทย สามารถสร้างยอดขายได้สูงสุดถึงระดับกว่า 1,000 คัน แสดงถึงความไว้วางใจ และความมั่นใจของลูกค้าชาวไทยที่มีต่อแบรนด์เลกซัส

โตโยต้าแถลงยอดขายรถยนต์ปี 2566

สถิติการขายรถยนต์ของโตโยต้าในปี 2566

ยอดขายปี 2566

การเปลี่ยนแปลงเทียบกับปี 2565

ส่วนแบ่งตลาด

• ปริมาณการขายโตโยต้า

265,949 คัน

-8%

34.3%

• รถยนต์นั่ง

99,292 คัน

+20%

33.9%

• รถเพื่อการพาณิชย์

166,657 คัน

-19%

34.5%

• รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง)

128,689 คัน

-27%

39.6%

• รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง)

106,601 คัน

-28%

40.3%

โตโยต้า ตั้งเป้ายอดขาย 2567 อยู่ที่ 277,000 คัน

สำหรับโตโยต้า ตั้งเป้ายอดขายอยู่ที่ 277,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 4% โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 34.6%

ประมาณการยอดขายรถยนต์โตโยต้าในปี 2567

ยอดขายประมาณการปี 2567

เปลี่ยนแปลงเทียบกับปี 2566

ส่วนแบ่งตลาด

• ปริมาณการขายโตโยต้า

277,000 คัน

+4%

34.6%

• รถยนต์นั่ง

81,700 คัน

-18%

27.6%

• รถเพื่อการพาณิชย์

195,300 คัน

+17%

38.8%

• รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง)

133,264 คัน

+4%

41.2%

• รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง)

114,500 คัน

+7%

42.1%

ปริมาณการส่งออกรถยนต์และการผลิตของโตโยต้าในปี 2566

ในปี 2566 โตโยต้าได้ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปไปจำนวน 379,044 คัน เพิ่มขึ้น 0.2% จากปี 2565 โดยยอดรวมการผลิตรถยนต์สำหรับการขายภายในประเทศและการส่งออกในปี 2566 มีจำนวนทั้งสิ้น 621,156 คัน หรือลดลง 5.8% จากปี 2565

ปริมาณการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปและการผลิตของโตโยต้าในปี 2566

ปริมาณในปี 2566

เปลี่ยนแปลงเทียบกับปี 2565

• ปริมาณการส่งออก

379,044 คัน

+0.2%

• ยอดผลิตรวมทั้งส่งออกและการขายในประเทศ

621,156 คัน

-5.8%

เป้าหมายการส่งออกรถยนต์และการผลิตของโตโยต้าในปี 2567

คาดการณ์ว่ายังต้องเผชิญกับผลกระทบจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังคงมีแนวโน้มเติบโตต่ำ ตลอดจนภาวะฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและกำลังซื้อของประเทศคู่ค้าที่ยังคงชะลอตัว

ส่งผลให้โตโยต้าตั้งเป้าปริมาณการส่งออกรถยนต์อยู่ที่ 358,800 คัน หรือลดลง 5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และได้ตั้งเป้าการผลิตรถยนต์ทั้งหมดของปี 2567 อยู่ที่ราว 615,700 คัน หรือลดลง 0.9% จากปีที่ผ่านมา

เป้าหมายการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปและการผลิตของโตโยต้าปี 2567

ปริมาณในปี 2567

เปลี่ยนแปลงเทียบกับปี 2566

• ปริมาณการส่งออก

358,800 คัน

-5.0%

• ยอดผลิตรวมทั้งส่งออกและการขายในประเทศ

615,700 คัน

-0.9%

การดำเนินงานในด้านอื่น ๆ ของโตโยต้าในประเทศไทย ในปี 2566

ในปีที่ผ่านมา นอกเหนือจากการดำเนินธุรกิจยานยนต์แล้ว โตโยต้ายังได้มีในการดำเนินงานในด้านต่าง ๆ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการสร้าง “ความเป็นกลางทางคาร์บอน” (Carbon Neutrality) โดยได้มีการเตรียมความพร้อมในหลากหลายแนวทาง หรือ “Multiple Pathway”  เพื่อทุกความเป็นไปได้ที่จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากการเดินทางของผู้คน โดยมีการร่วมมือกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่สำคัญ อาทิ

เครื่องผลิตไฮโดรเจน

1. การลงนามความร่วมมือระหว่าง บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น / เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ CP / บริษัท ทรู ลีสซิ่ง / บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย หรือ SCG, และ Commercial Japan Partnership Technologies Corporation หรือ CJPT เพื่อเร่งความร่วมมือในการมุ่งสู่การบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนในประเทศไทย โดยได้เริ่มต้นดำเนินการทดลองใน 3 ด้าน ได้แก่ ด้านข้อมูล ด้านการเดินทาง และด้านพลังงาน

อ่านเพิ่มเติม - โตโยต้า สร้างเครื่องผลิตไฮโดรเจนจากก๊าซชีวมวลประสบผลสำเร็จ เป็นเครื่องแรกของไทย พร้อมดำเนินการแล้ววันนี้

ซึ่งในปีที่ผ่านมา ผลการดำเนินความร่วมมือที่เห็นเด่นชัดคือ การเปิดตัวเครื่องผลิตไฮโดรเจนจากก๊าซชีวภาพที่ได้มาจากมูลสัตว์ในฟาร์มสัตว์ปีกและเศษอาหารของซีพี และอาหารเหลือทิ้งจากโรงอาหารของโตโยต้า โดยนำพลังงานนั้นมาใช้กับรถพลังงานไฮโดรเจน 

ทั้งนี้ ความท้าทายต่อไป คือการเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงาน และการลดต้นทุนในกระบวนการทั้งหมดของขั้นตอน “การผลิต” “การขนส่ง” และ “การใช้” พลังงานโดยการใช้พลังงานทดแทนที่เหมาะสมกับสภาพ และการใช้งานในประเทศไทย นอกจากนี้ เพื่อปรับปรุงให้การขนส่งมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยการใช้ข้อมูลจะมีการนำข้อมูลด้านค้าปลีก และขนส่งจาก ซีพีและเอสซีจี รวมถึงการนำเทคโนโลยี “Digital Twin” (การสร้างโมเดลเสมือนจริงจากพื้นที่จริง) ของโตโยต้า มาเพิ่มประสิทธิภาพของ "การเดินทาง การขนส่ง และพลังงาน" โดยร่วมมือกับระบบทางสังคม เช่น การจัดการพลังงานและการควบคุมการจราจร เป็นต้น

Hilux REVO BEV 2023

2. การต่อยอดโครงการพัฒนาเมืองต้นแบบที่ยั่งยืนปราศจากมลภาวะ ที่โตโยต้าร่วมมือกับเมืองพัทยาในการจัดสร้างระบบนิเวศเพื่อรองรับการใช้งานยานยนต์พลังงานทางเลือกที่จัดเตรียมไว้ให้ผู้คนในเมืองพัทยาได้ทดลองใช้งานในการเดินทางรูปแบบต่าง ๆ ได้มีการต่อยอดไปสู่การเตรียมความพร้อมในการนำรถกระบะต้นแบบพลังงานไฟฟ้า 100% อย่าง Hilux REVO BEV มาให้บริการในรูปแบบรถโดยสารประจำทางสาธารณะแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวในเมืองพัทยา โดยพร้อมที่จะเริ่มทดลองให้บริการได้ภายในช่วงครึ่งแรกของปีนี้เป็นต้นไป ซึ่งจะทำให้ภาพรวมของรถในโครงการทั้งหมดมีส่วนช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 4,000 ตัน ต่อปี

นอกจากนี้ ในด้านกิจกรรมสังคมอื่น ๆ โตโยต้าก็ยังมุ่งเน้นการขับเคลื่อนสังคมไทย สู่ “ยุคแห่งการพัฒนาอย่างยั่งยืน” เพื่อพัฒนาความเป็นอยู่และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย พร้อมทั้งเสริมสร้างสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคมที่ดี ผ่านการดำเนินกิจกรรมและขยายผลการดำเนินงานในโครงการต่างๆอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนแสวงหาแนวทางการประสานความร่วมมือกับองค์กรพันธมิตรในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่มีเป้าหมายเดียวกัน เพื่อมีส่วนช่วยผลักดันในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของเศรษฐกิจและสังคมไทยต่อไป

ตลาดรถมือสอง มีรถมากมายให้เลือกในราคาที่ถูกใจ