AVATR 11 ปี 2025 เปิดตัวรุ่นพิเศษ Royal Edition เตรียมแจ้งราคาพร้อมจำหน่ายใน Motor Expo 2025

ตลาดรถยนต์ในประเทศ | 22 ต.ค 2568
แชร์ 0

AVATR 11 (อวตาร 11) รุ่นปี 2025 ประกาศเปิดตัวรุ่นพิเศษ Royal Edition อย่างเป็นทางการครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดราคาและรับจองอย่างเป็นทางการภายในงาน Motor Expo 2025 ชูจุดเด่นด้วยการตกแต่งภายในห้องโดยสารที่หรูหรา และออปชั่นอำนวยความสะดวกระดับ First-class ที่จัดเต็มกว่ารุ่นปกติ

AVATR 11 Royal Edition มอบนิยามใหม่ของความหรูหราระดับแนวหน้าด้วยปรัชญาการออกแบบที่เหนือกว่าและสมรรถนะล้ำสมัย โดดเด่นด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบมอเตอร์คู่ ช่วงล่างใช้เทคโนโลยี Magnetorheological Dampers แบบเดียวกับซูเปอร์คาร์ ช่วยปรับการหน่วงในเสี้ยววินาทีเพื่อการควบคุมที่แม่นยำและความสบายสูงสุด ตัวถังสองโทนสีเทาและดำตกแต่งด้วย เส้นขอบสีเงินสตาร์ไลน์สุดหรู เสริมด้วยล้อแม็กที่หล่อเป็นรูปดาว 7 แฉกขนาด 22 นิ้วช่วยเพิ่มพลวัตเสมือนงานประติมากรรม

ภายในห้องโดยสารที่ออกแบบมาสำหรับผู้บริหารระดับสูงห้อมล้อมด้วยหนังแท้แบบกึ่งอนิลิน (Semi-aniline leather) สี Rose-White พร้อมที่นั่ง VIP 4 ที่นั่ง รวมถึงพื้นที่พักผ่อนด้านหลังซึ่งมาพร้อมที่วางแขนแบบลอยตัว ฟังก์ชันนวด 8 จุด และระบบชาร์จไร้สาย 50 วัตต์ พร้อมการควบคุมด้วยระบบสัมผัส เรียกได้ว่ารังสรรค์ทุกรายละเอียดมาเพื่อยกระดับการเดินทางสู่ประสบการณ์ทรงพลังที่ทั้งปราณีตและสง่างาม เตรียมเปิดตัวภายในพฤศจิกายน 2568 นี้

AVATR 11 Royal Edition คือการต่อยอดความหรูหราที่พัฒนาเหนือระดับจาก AVATR 11 รุ่นเดิม แรงบันดาลใจจากความสง่างามโอ่อ่าของโรงละครโอเปร่า ถ่ายทอดปรัชญาการออกแบบเฉพาะของ AVATR ผ่านดีไซน์ที่ผสมผสานระหว่างความคลาสสิกและร่วมสมัย พร้อมวัสดุสุดหรู เพื่อสร้างบรรยากาศแห่งความหรูหราและสง่างามอย่างแท้จริงและแสดงสมรรถนะการขับขี่อันยอดเยี่ยม

AVATR 11 Royal Edition พร้อมดีไซน์ภายนอกแบบ ทูโทนเฉพาะรุ่น (Customized Bi-Color) ตกแต่งด้วยเส้นสายสีเงินสุดประณีต ภายในห้องโดยสารหรูหราด้วยหนัง Semi-Aniline Leather และเบาะหลังแบบ Executive Rear Seating Suite พร้อมระบบขับเคลื่อน Dual-Motor AWD ที่มอบการควบคุมที่มั่นใจและเหนือชั้นในทุกจังหวะการขับขี่

รุ่น Royal Edition ต่อยอดปรัชญาการออกแบบของ AVATR ในแนวคิด “โดดเด่นเหนือระดับ, ไม่ใช่ผู้ตาม แต่เป็นผู้นำในเรื่องการออกแบบ” พร้อมกับตัวรถสีทูโทนเฉพาะรุ่น (Customized Bi-Color) เทา–ดำ พร้อมสีแพลทตินัมซิลเวอร์ที่มาแทนสีดำแบบมาตรฐาน เพิ่มเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้โดดเด่นเหนือใคร ตราสัญลักษณ์ Royal Edition สื่อถึงเอกลักษณ์ความพรีเมียมเฉพาะตัว ขณะที่ล้อฟอร์จขนาด 22 นิ้วแบบ Heptagram Starburst ช่วยเพิ่มความสปอร์ตและลดน้ำหนักเมื่อเทียบกับล้อทั่วไป ภายนอกยังโดดเด่นด้วย กระจังหน้าแบบ Disc-Wing, ไฟหน้า LED รูปตัว F, ประตูไฟฟ้าอัจฉริยะ, สปอยเลอร์หลังปรับระดับอัตโนมัติ พร้อมเพิ่มความสปอร์ตเร้าใจด้วยดีไซน์กันชนแบบ Sport Bumpering ที่ลงตัวทั้งความสง่างามและความแข็งแกร่ง

ห้องโดยสารของ AVATR 11 Royal Edition ถ่ายทอดความหรูหราระดับเฟิร์สคลาส ด้วยเพดานกำมะหยี่ Merlot Red Suede ตัดกับเบาะหนัง Rose White Semi-Aniline ที่ให้สัมผัสหรูหรากว่าหนัง Nappa แบบดั้งเดิม พื้นที่โดยสารด้านหลังถูกยกระดับเป็น Executive Seating Suite พร้อมเบาะ VIP 4 ที่นั่ง และที่วางแขนกลางแบบลอยตัว (Floating Armrest)

รองรับฟังก์ชันนวด 8 จุด ระบบชาร์จไร้สายกำลังสูง 50W พร้อมแผงควบคุมแบบสัมผัส Zero-Gravity Seats มาพร้อมระบบนวด อุ่น และระบายอากาศ มอบความสบายสูงสุดในทุกการเดินทางทั้งเบาะหน้าและหลังห้องโดยสารโอบล้อมผู้โดยสารด้วยเทคโนโลยีระดับพรีเมียม ไม่ว่าจะเป็นระบบเสียง Meridian 25 ลำโพง แบบ 7.1.4, ระบบไฟ Ambient Light 256 สีแบบ Dynamic, และระบบ VORTEX Sensory Ecosystem ที่ผสานแสง เสียง และกลิ่นเข้าด้วยกันอย่างลงตัว เสริมความสมบูรณ์แบบด้วยหลังคากระจกพาโนรามา กระจกมองหลังแบบดิจิทัล และระบบน้ำหอมในรถที่คัดสรรกลิ่นพิเศษถึง 3 แบบ สร้างบรรยากาศแห่งความหรูหราที่สัมผัสได้ทุกอณู

AVATR 11 Royal Edition มาพร้อมระบบขับเคลื่อน All-Wheel Drive (AWD ระบบควบคุมแรงบิดอัจฉริยะช่วยกระจายแรงขับแบบเรียลไทม์ พร้อมเบรกสมรรถนะสูง Brembo Red Calipers และแชสซีส์ระดับโลกที่ให้ทั้งเสถียรภาพและความนุ่มนวล ช่วงล่างใช้เทคโนโลยี Magnetorheological Dampers แบบเดียวกับที่ใช้ในซูเปอร์คาร์อย่าง Ferrari และ Lamborghini ช่วยปรับการหน่วงได้ภายในเสี้ยววินาที เพื่อการควบคุมที่แม่นยำและความสบายที่ไร้ที่ติ

ตลาดรถมือสอง มีรถมากมายให้เลือกในราคาที่ถูกใจ