ยอดขายรถยนต์โตโยต้าปี 2566 อยู่ที่ 265,949 คัน ลดลง 8% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา มีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 หรือเท่ากับ 34.3% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่ส่วนแบ่งทางการตลาดรถยนต์นั่งของโตโยต้ามีการเติบโตสูงขึ้นจากปีที่แล้ว
ยอดขายรถยนต์โตโยต้า ในกลุ่มรถอีโคคาร์ที่ยังคงสามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 ด้วยยอดขายของ Toyota Yaris ATIV และ Toyota Yaris Cross ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี นอกจากนี้ การดำเนินกิจกรรมทางการตลาดในรูปแบบต่าง ๆ ตลอดจนการมีผลิตภัณฑ์ยานยนต์ที่หลากหลายของโตโยต้า
นอกเหนือจากรถยนต์ภายใต้แบรนด์โตโยต้า ในปี 2566 แบรนด์เลกซัส ประเทศไทย ประสบความสำเร็จ มียอดขายสูงสุด อยู่ที่ 1,012 คัน นับเป็นครั้งแรกที่ เลกซัส ประเทศไทย สามารถสร้างยอดขายได้สูงสุดถึงระดับกว่า 1,000 คัน แสดงถึงความไว้วางใจ และความมั่นใจของลูกค้าชาวไทยที่มีต่อแบรนด์เลกซัส
สถิติการขายรถยนต์ของโตโยต้าในปี 2566 |
ยอดขายปี 2566 |
การเปลี่ยนแปลงเทียบกับปี 2565 |
ส่วนแบ่งตลาด |
• ปริมาณการขายโตโยต้า |
265,949 คัน |
-8% |
34.3% |
• รถยนต์นั่ง |
99,292 คัน |
+20% |
33.9% |
• รถเพื่อการพาณิชย์ |
166,657 คัน |
-19% |
34.5% |
• รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) |
128,689 คัน |
-27% |
39.6% |
• รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) |
106,601 คัน |
-28% |
40.3% |
สำหรับโตโยต้า ตั้งเป้ายอดขายอยู่ที่ 277,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 4% โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 34.6%
ประมาณการยอดขายรถยนต์โตโยต้าในปี 2567 |
ยอดขายประมาณการปี 2567 |
เปลี่ยนแปลงเทียบกับปี 2566 |
ส่วนแบ่งตลาด |
• ปริมาณการขายโตโยต้า |
277,000 คัน |
+4% |
34.6% |
• รถยนต์นั่ง |
81,700 คัน |
-18% |
27.6% |
• รถเพื่อการพาณิชย์ |
195,300 คัน |
+17% |
38.8% |
• รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) |
133,264 คัน |
+4% |
41.2% |
• รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) |
114,500 คัน |
+7% |
42.1% |
ปริมาณการส่งออกรถยนต์และการผลิตของโตโยต้าในปี 2566
ในปี 2566 โตโยต้าได้ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปไปจำนวน 379,044 คัน เพิ่มขึ้น 0.2% จากปี 2565 โดยยอดรวมการผลิตรถยนต์สำหรับการขายภายในประเทศและการส่งออกในปี 2566 มีจำนวนทั้งสิ้น 621,156 คัน หรือลดลง 5.8% จากปี 2565
ปริมาณการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปและการผลิตของโตโยต้าในปี 2566 |
ปริมาณในปี 2566 |
เปลี่ยนแปลงเทียบกับปี 2565 |
• ปริมาณการส่งออก |
379,044 คัน |
+0.2% |
• ยอดผลิตรวมทั้งส่งออกและการขายในประเทศ |
621,156 คัน |
-5.8% |
เป้าหมายการส่งออกรถยนต์และการผลิตของโตโยต้าในปี 2567
คาดการณ์ว่ายังต้องเผชิญกับผลกระทบจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังคงมีแนวโน้มเติบโตต่ำ ตลอดจนภาวะฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและกำลังซื้อของประเทศคู่ค้าที่ยังคงชะลอตัว
ส่งผลให้โตโยต้าตั้งเป้าปริมาณการส่งออกรถยนต์อยู่ที่ 358,800 คัน หรือลดลง 5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และได้ตั้งเป้าการผลิตรถยนต์ทั้งหมดของปี 2567 อยู่ที่ราว 615,700 คัน หรือลดลง 0.9% จากปีที่ผ่านมา
เป้าหมายการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปและการผลิตของโตโยต้าปี 2567 |
ปริมาณในปี 2567 |
เปลี่ยนแปลงเทียบกับปี 2566 |
• ปริมาณการส่งออก |
358,800 คัน |
-5.0% |
• ยอดผลิตรวมทั้งส่งออกและการขายในประเทศ |
615,700 คัน |
-0.9% |
การดำเนินงานในด้านอื่น ๆ ของโตโยต้าในประเทศไทย ในปี 2566
ในปีที่ผ่านมา นอกเหนือจากการดำเนินธุรกิจยานยนต์แล้ว โตโยต้ายังได้มีในการดำเนินงานในด้านต่าง ๆ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการสร้าง “ความเป็นกลางทางคาร์บอน” (Carbon Neutrality) โดยได้มีการเตรียมความพร้อมในหลากหลายแนวทาง หรือ “Multiple Pathway” เพื่อทุกความเป็นไปได้ที่จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากการเดินทางของผู้คน โดยมีการร่วมมือกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่สำคัญ อาทิ
1. การลงนามความร่วมมือระหว่าง บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น / เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ CP / บริษัท ทรู ลีสซิ่ง / บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย หรือ SCG, และ Commercial Japan Partnership Technologies Corporation หรือ CJPT เพื่อเร่งความร่วมมือในการมุ่งสู่การบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนในประเทศไทย โดยได้เริ่มต้นดำเนินการทดลองใน 3 ด้าน ได้แก่ ด้านข้อมูล ด้านการเดินทาง และด้านพลังงาน
อ่านเพิ่มเติม - โตโยต้า สร้างเครื่องผลิตไฮโดรเจนจากก๊าซชีวมวลประสบผลสำเร็จ เป็นเครื่องแรกของไทย พร้อมดำเนินการแล้ววันนี้
ซึ่งในปีที่ผ่านมา ผลการดำเนินความร่วมมือที่เห็นเด่นชัดคือ การเปิดตัวเครื่องผลิตไฮโดรเจนจากก๊าซชีวภาพที่ได้มาจากมูลสัตว์ในฟาร์มสัตว์ปีกและเศษอาหารของซีพี และอาหารเหลือทิ้งจากโรงอาหารของโตโยต้า โดยนำพลังงานนั้นมาใช้กับรถพลังงานไฮโดรเจน
ทั้งนี้ ความท้าทายต่อไป คือการเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงาน และการลดต้นทุนในกระบวนการทั้งหมดของขั้นตอน “การผลิต” “การขนส่ง” และ “การใช้” พลังงานโดยการใช้พลังงานทดแทนที่เหมาะสมกับสภาพ และการใช้งานในประเทศไทย นอกจากนี้ เพื่อปรับปรุงให้การขนส่งมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยการใช้ข้อมูลจะมีการนำข้อมูลด้านค้าปลีก และขนส่งจาก ซีพีและเอสซีจี รวมถึงการนำเทคโนโลยี “Digital Twin” (การสร้างโมเดลเสมือนจริงจากพื้นที่จริง) ของโตโยต้า มาเพิ่มประสิทธิภาพของ "การเดินทาง การขนส่ง และพลังงาน" โดยร่วมมือกับระบบทางสังคม เช่น การจัดการพลังงานและการควบคุมการจราจร เป็นต้น
2. การต่อยอดโครงการพัฒนาเมืองต้นแบบที่ยั่งยืนปราศจากมลภาวะ ที่โตโยต้าร่วมมือกับเมืองพัทยาในการจัดสร้างระบบนิเวศเพื่อรองรับการใช้งานยานยนต์พลังงานทางเลือกที่จัดเตรียมไว้ให้ผู้คนในเมืองพัทยาได้ทดลองใช้งานในการเดินทางรูปแบบต่าง ๆ ได้มีการต่อยอดไปสู่การเตรียมความพร้อมในการนำรถกระบะต้นแบบพลังงานไฟฟ้า 100% อย่าง Hilux REVO BEV มาให้บริการในรูปแบบรถโดยสารประจำทางสาธารณะแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวในเมืองพัทยา โดยพร้อมที่จะเริ่มทดลองให้บริการได้ภายในช่วงครึ่งแรกของปีนี้เป็นต้นไป ซึ่งจะทำให้ภาพรวมของรถในโครงการทั้งหมดมีส่วนช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 4,000 ตัน ต่อปี
นอกจากนี้ ในด้านกิจกรรมสังคมอื่น ๆ โตโยต้าก็ยังมุ่งเน้นการขับเคลื่อนสังคมไทย สู่ “ยุคแห่งการพัฒนาอย่างยั่งยืน” เพื่อพัฒนาความเป็นอยู่และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย พร้อมทั้งเสริมสร้างสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคมที่ดี ผ่านการดำเนินกิจกรรมและขยายผลการดำเนินงานในโครงการต่างๆอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนแสวงหาแนวทางการประสานความร่วมมือกับองค์กรพันธมิตรในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่มีเป้าหมายเดียวกัน เพื่อมีส่วนช่วยผลักดันในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของเศรษฐกิจและสังคมไทยต่อไป
ตลาดรถมือสอง มีรถมากมายให้เลือกในราคาที่ถูกใจ