ไดชาร์จรถยนต์เสียขณะขับรถ ทำอย่างไรดี

ประสบการณ์ใช้รถ | 29 มิ.ย 2566
แชร์ 87

ขุมพลังที่สำคัญของรถยนต์หนีไม่พ้นเครื่องยนต์โดยมีน้ำมันเป็นตัวหล่อเลี้ยงฉันใด พลังแฝงที่ซ่อนอยู่ในรถยนต์ก็คงหนีไม่พ้นไฟฟ้าที่มีไดชาร์จเป็นผู้ให้กำเนิดฉันนั้น

>> สตาร์ทรถไม่ติด! การพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์อย่างถูกวิธี
>> 5 วิธีเดือนภัย สังเกตยางรถยนต์ผิดปกติดูอย่างไร

ไดชาร์จ คืออะไร

ไดชาร์จรถยนต์เป็นอุปกรณ์ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้าภายในรถยนต์ ซึ่งการทำงานของไดชาร์จคล้ายกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าหรือเครื่องปั่นไฟ เป็นการสร้างพลังงานไฟฟ้าและส่งกระแสไฟฟ้าให้แก่อุปกรณ์ต่าง ๆ ในรถยนต์ เช่น ระบบแอร์, เครื่องเสียง, ไฟหน้า รวมถึงชาร์จแบตเตอรี่ซึ่งเป็นแหล่งเก็บพลังงานไฟฟ้าสำรองเพื่อให้รถยนต์พร้อมใช้งานเสมอ ดังนั้น เมื่อไดชาร์จเสีย จะไม่สามารถสร้างพลังงานไฟฟ้าและส่งกระแสไฟฟ้าให้กับระบบได้ ซึ่งอาจทำให้แบตเตอรี่เสียไฟฟ้าเร็วขึ้น และเมื่อพลังงานไฟฟ้าในแบตเตอรี่หมดลง ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์อาจทำงานไม่ได้ เนื่องจากไม่มีกระแสไฟฟ้าที่มาจากไดชาร์จเพื่อชาร์จแบตเตอรี่

ไดชาร์จเสียขณะขับรถ ทำอย่างไรดี

ไดชาร์จเสียขณะขับรถ ทำอย่างไรดี

ประเทศไทย ในแต่ละปีมีรถใหม่ในตลาดออกสู่ท้องถนนโดยเฉลี่ยประมาณ 700,000 – 800,000 คันต่อปี (ในกรณีไม่มีเหตุการณ์หรืออีเวนท์พิเศษมากระตุ้นยอดขาย) นั่นหมายความว่าในแต่ละปีก็มีรถเก่าลงๆ ประมาณปีละ 700,000 – 800,000 คันเช่นกัน ถ้าขณะที่ขับรถอยู่มีรถยนต์สัก 10% ของจำนวนนี้เกิดชิ้นส่วนขัดข้องขึ้นมา อันตรายบนท้องถนนก็จะเพิ่มขึ้นทันทีประมาณ 70,000 – 80,000 คัน นี่แค่นับแบบเหมาเฉลี่ยๆยังไม่รวมละเอียดๆไปถึงยอดรถสะสม แล้วได ชาร์จ รถยนต์เป็นชิ้นส่วนที่อยู่ๆมันอยากจะเสียมันก็เสียขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเสียด้วย

ไดชาร์จมีหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้าภายในรถยนต์ทั้งหมด

ได ชาร์จ รถยนต์มีหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้าภายในรถยนต์ทั้งหมด

เมื่อรถยนต์น้ำมันหมดมันก็แค่หยุดวิ่งหรือสตาร์ทไม่ติด แต่หากไดชาร์จเสียทำให้กระแสไฟไม่มีถึงแม้รถยนต์คันนั้นยังวิ่งได้ แต่หายนะต่อๆไปก็คลืบคลานเข้ามา เช่น แบตเตอรี่ไม่มีตัวชาร์จไฟ, ระบบไฟฟ้าทั้งหมดไม่ทำงาน, หน้าจอมิเตอร์มองไม่เห็น, แอร์ไม่เย็น ลามไปถึงพวงมาลัยหนักจะหักเลี้ยวก็ยังทำไม่ค่อยได้ และต่อยอดไปถึงพัดลมหม้อน้ำไม่หมุนส่งผลต่อความร้อนของเครื่องยนต์ จนกลายเป็นเครื่องโอเวอร์ฮีทไปอีก เสียทรัพย์พร้อมกับซับน้ำตาแน่ๆ แบบนี้คงไม่ใช่เรื่องเล่นๆแล้วใช่ไหมครับ เพราะนอกจากจะส่งผลต่อรถของคุณเองแล้ว ยังอาจจะส่งผลต่อการขับขี่กระทบไปยังรถยนต์รอบข้างได้อีกด้วย

อาการของไดชาร์จเสีย

ได ชาร์จ รถยนต์หรืออัลเทอร์เนเตอร์ (Alternator) มีหน้าที่ในการผลิตกระแสไฟฟ้าหล่อเลี้ยงระบบไฟฟ้าทั้งหมดในรถยนต์ ปกติไดชาร์จไม่ใช่ชิ้นส่วนที่จะเสียกันง่ายๆ อายุการใช้งานของไดชาร์จใหม่ๆเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ7ปี แต่หากมีครั้งหนึ่งในชีวิตที่ไดชาร์จเสีย, ไดร์ชาร์จเสีย อาการมีอะไรบ้าง เราจะจัดการกับมันอย่างไร ผมขอแบ่งปัญหาออกเป็น2กรณีให้เข้าใจง่าย และเราจะได้สามารถปฏิบัติตัวได้อย่างถูกต้อง

1. กรณีที่รถยังไม่ได้เคลื่อนตัว

หากแบตเตอรี่ไม่ได้เสียหายหรือเสื่อมสภาพ ประจุไฟฟ้าในแบตเตอรี่ยังปกติทำให้การสตาร์ทเครื่องยนต์ไม่มีปัญหา แต่สิ่งที่เราจะสังเกตเห็นได้ทันทีถ้า ณ ขณะนั้นไดชาร์จไม่ทำงานก็คือ แผงเรือนไมล์จะแสดงไอคอนแบตเตอรี่ทั้งๆที่สตาร์ทเครื่องยนต์ติดเรียบร้อยแล้ว ให้ตีความไว้ก่อนเลยว่าระบบชาร์จไฟของรถคันนั้นมีปัญหา ซึ่งภาษาชาวบ้านเรียกว่าไฟแบตโชว์ กรณีนี้ยังไม่เกิดความเสียหายต่อตัวเราเท่าใดนัก (เพราะรถยังจอดอยู่) ให้ทุกท่านติดต่อนำรถเข้าศูนย์บริการใกล้บ้านได้ทันที

ไฟแบตโชว์เนื่องจากไดชาร์จเสีย

ไฟแบตโชว์เนื่องจากไดร์ชาร์จรถยนต์เสีย

2. กรณีขณะขับรถอยู่ (รถกำลังเคลื่อนที่)

กรณีนี้อันตรายจะเพิ่มมากกว่ากรณีแรก ยิ่งถ้าคุณกำลังขับรถอยู่ในเขตที่ใช้ความเร็วได้ เช่น มอเตอร์เวย์ หรือทางด่วน ยิ่งต้องใช้สติให้มาก หากคุณขับอยู่ดีๆและเห็นสัญลักษณ์แบตเตอรี่สีแดงโชว์ขึ้นมาที่เรือนไมล์ เป็นไปได้ว่าไดร์ชาร์จเสีย อาการอย่างนั้น หรือทำงานผิดปกติ ก็อย่าเพิ่งตกใจ เพราะคุณยังสามารถเคลื่อนย้ายรถเข้าสู่เขตปลอดภัยได้แม้ไฟแบตโชว์ แต่ก็ไม่ใช่นิ่งนอนใจจนทำให้ชิ้นส่วนอื่นเสียหายไปด้วย นอกจากนั้นบางกรณีคุณจะรู้สึกพวงมาลัยหนักกว่าปกติ จะทำให้คุณหักเลี้ยวไม่ค่อยได้หรือถึงจะได้ก็ต้องออกแรงเยอะมาก ในบางรายอาจจะรู้สึกว่าคันเบรกเมื่อเหยียบแล้วไม่ยุบตัวง่ายเหมือนปกติ ถ้าขณะขับขี่อยู่เกิดอาการเหล่านี้ก็ให้สันนิษฐานได้เลยว่าระบบไฟฟ้าน่าจะมีปัญหา

ถ้าขับรถอยู่ ไดชาร์จเสีย ทำอย่างไรดี

สิ่งที่ต้องทำหากไดชาร์จเสียขณะขับรถ ขอให้คุณลองดูคำแนะนำต่อไปนี้

1. พึงระลึกไว้ว่าระบบไฟกำลังจะไม่ทำงานแล้ว (มีโอกาสไฟฟ้าหมดได้ทุกเมื่อ)

แหล่งกำเนิดไฟฟ้าในรถยนต์มาจากไดชาร์จเป็นหลัก หากไดชาร์จไม่ทำงานก็ระลึกไว้เลยว่าไฟฟ้าที่หล่อเลี้ยงรถของคุณอยู่ในขณะนี้มาจากแบตเตอรี่เท่านั้น นั่นหมายความว่าประหยัดไฟส่วนไหนได้ต้องรีบประหยัด เพราะยิ่งคุณมีไฟฟ้าเหลือในแบตเตอรี่มากเท่าไร คุณก็สามารถเคลื่อนรถยนต์ของคุณเข้าสู่เขตปลอดภัยได้มากขึ้นเท่านั้น โดยปกติรถก็วิ่งต่อได้ราวๆ10กิโลเมตร (กรณีการจราจรไม่ติดขัด)

2. ปิดระบบไฟฟ้าที่ไม่จำเป็นทั้งหมด

เพื่อให้รถยนต์ของคุณยังทำงานต่อได้นานที่สุด เครื่องปรับอากาศ, เครื่องเสียง เป็นอุปกรณ์แรกๆที่คุณจำเป็นต้องปิดเพราะอุปกรณ์เหล่านี้กินไฟมากพอสมควรโดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศ นอกจากนั้นยังรวมถึงอุปกรณ์ที่คุณอาจจะมองข้าม คือ ช่องเสียบไฟฟ้า12โวลต์ที่คุณใช้เสียบเพื่อต่อUSBไว้ชาร์จแบตเตอรี่สมาร์ทโฟนของคุณหรือกล้องติดหน้ารถยนต์รวมไปถึงเนวิเกเตอร์พกพาอีกด้วย

3. นำรถเข้าสู่เขตปลอดภัย

หลังจากประหยัดพลังงานไฟฟ้าแล้ว หากรถยังขับได้อยู่ให้พยายามขับเข้าสู่เขตปลอดภัย ขับรถให้ช้าลงและชิดซ้ายหรือแวะเข้าข้างทางเพื่อเรียกช่างมาซ่อมหรือขับกลับบ้านเพื่อตั้งหลักอีกครั้ง หากศูนย์บริการอยู่ไม่ไกลคือในระยะ10กิโลเมตรและแบตเตอรี่ใช้งานมาไม่เกินหกเดือนแนะนำให้ขับไปยังศูนย์บริการ อู่ซ่อมรถ หรือร้านซ่อมไดชาร์จได้เลย

หากไดชาร์จเสียขณะขับรถและระบบไฟฟ้าดับให้พยายามขับชิดเข้าข้างทาง

หากไดชาร์จเสียขณะขับรถและระบบไฟฟ้าดับให้พยายามขับชิดเข้าข้างทาง

ถ้าไดชาร์จเสีย แต่ยังทำไม่รู้ไม่ชี้ จะเป็นอย่างไร เผยวิธีซ่อมไดชาร์จ

ไดชาร์จเมื่อไม่ทำงานแล้ว ไฟฟ้าในรถทั้งคันจะมาจากแบตเตอรี่เท่านั้น และถ้าคุณยังปฏิบัติตัวเป็นปกติต่อไป ไฟแบตเตอรี่ก็จะหมดลง และนั่นจะทำให้ไฟฟ้าในรถคุณดับทั้งคัน ย้ำครับ ทั้งคัน!!! ถ้าคุณขับรถตอนกลางคืนที่อยู่ในถนนมืดๆลองคิดดูว่าถ้ารถคันอื่นมองไม่เห็นคุณจะอันตรายแค่ไหน แสงเดียวที่คุณจะมองเห็นคือแสงจากเสาไฟข้างถนนและจากไฟหน้าและท้ายของรถรอบข้างเท่านั้น ในรถยนต์รุ่นปัจจุบันถ้าหัวฉีดน้ำมันควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าแล้วล่ะก็ การเหยียบคันเร่งเพื่อให้รถเคลื่อนที่ก็อาจจะแปรปรวนไปด้วย เรียกได้ว่าการทำไม่รู้ไม่ชี้กับเรื่องไดชาร์จเสียดูจะไม่ส่งผลดีด้านใดเลย ไม่เหมือนพวกกันชนหน้าหลังหรือกระจกหน้าต่างที่ถึงแม้จะพังก็ยังพอหยวนๆกันได้

อาการเตือนไดชาร์จเสื่อม

  • อุปกรณ์ไฟฟ้าเริ่มทำงานผิดปกติ
  • บริเวณหน้าปัดรถยนต์จะมีไฟเตือนรูปแบตเตอรี่
  • สตาร์ทรถแล้วมีเสียงลากที่ยาวผิดปกติ
  • เกิดเสียงดังผิดปกติจากไดชาร์จ
  • การเลี้ยว หรือการบังคับพวงมาลัยเริ่มอืดขึ้น

ไดชาร์จที่จะเปลี่ยนใหม่ มีแบบไหนบ้าง

ในตลาดรถปัจจุบันในการนำรถไปซ่อมที่ศูนย์บริการที่เป็นมาตรฐาน พนักงานบริการจะแนะนำให้คุณเปลี่ยนไดชาร์จใหม่ ราคาของไดชาร์จจะหลากหลายตั้งแต่ราคากลางๆ ถึงราคาสูงกว่า แต่คุณจะได้รับสินค้าใหม่ที่มีคุณภาพดีและคงทนนานกว่า เวลาการใช้งาน อย่างไรก็ตาม หากคุณนำรถไปที่อู่ซ่อมรถยนต์ทั่วไป พวกเขาอาจใช้ไดชาร์จมือสองที่ได้รับการซ่อมและปรับปรุงใหม่ ที่เรียกว่า "ของบิ๊วท์" หรือ "รีเฟอร์บิช" (refurbish) ราคาจะถูกกว่าราคาใหม่ประมาณ 50% อย่างไรก็ตาม อายุการใช้งานของสินค้าจะสั้นกว่าสินค้าใหม่ เฉลี่ยอาจมีอายุประมาณ 2-3 ปีเท่านั้น วิธีการอื่น ๆ คือการนำไดชาร์จตัวเดิมไปให้ร้านซ่อมรถและซ่อมไดชาร์จซึ่งราคาอาจอยู่ในช่วงราคาต่ำหรือปานกลาง อย่างไรก็ตาม คุณอาจต้องใช้เวลามากขึ้นเล็กน้อยและยอมรับความสูญเสียบางส่วนของคุณภาพเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย

>> 5 วิธีรับมือเมื่อรถเสียฉุกเฉิน
>> ไดสตาร์ทเสีย รถมีอาการแบบไหน?

หน้าตาของไดชาร์จหรืออัลเทอร์เนเตอร์

หน้าตาของไดชาร์จหรืออัลเทอร์เนเตอร์

ได ชาร์จนับได้ว่าเป็นชิ้นส่วนสำคัญมากชิ้นส่วนหนึ่ง ถึงแม้ว่าไดชาร์จเสียจะไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยแถมยังตรวจสอบยากอีกว่าจะพังเมื่อไร แต่ถ้าเกิดความเสียหายขึ้นมาเมื่อไรก็อาจจะส่งผลอันตรายต่อรถและตัวคุณเป็นอย่างมาก การรู้หลักปฏิบัติเบื้องต้นและเข้าใจการทำงานของมันไว้ก่อนจะช่วยให้ชาว Chobrod ทุกคนตั้งสติและพาตัวเองเข้าไปสู่ขั้นตอนการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนได้ต่อไปครับ ว่าแล้วก็ขอตัวไปเช็คเรือนไมล์ของรถตัวเองบ้างว่ามีสัญลักษณ์ไอคอนอะไรแจ้งเตือนรึเปล่า