5 วิธีรับมือเมื่อรถเสียฉุกเฉิน

ประสบการณ์ใช้รถ | 26 เม.ย 2561
แชร์ 3

Chobrod.com ได้รวบรวม 5 วิธีรับมือเมื่อรถเสียฉุกเฉิน เพื่อช่วยให้เดินทางได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น

ในปัจจุบันการมีรถยนต์นับว่าเป็นความสะดวกสบาย สามารถพาเราไปยังสถานที่ต่างๆได้อย่างง่ายดาย ซึ่งในทุกวันทุกนาทีมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นเสมอ วันนี้ทาง Chobrod.com จึงได้รวบรวม 5 วิธีรับมือเมื่อรถเสียฉุกเฉิน เพื่อช่วยให้เดินทางได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น 

1. ยางระเบิด อย่างแรกเลยคือต้องมีสติ อย่าตกใจแล้วเหยียบเบรกหรือหักพวงมาลัยอย่างกะทันหัน เพราะรถจะยิ่งเสียการควบคุม ทำให้รถเกิดหมุนแล้วพลิกคว่ำได้ วิธีแก้สถานการณ์คือให้เปิดไฟฉุกเฉิน ลดความเร็วโดยถอนคันเร่งออก ค่อยๆแตะเบรกถี่ๆเบาๆ บังคับพวงมาลัย เมื่อความเร็วรถลดลงถึงระดับที่สามารถควบคุมได้แล้ว ให้เปลี่ยนเป็นเกียร์ต่ำลงและหยุดรถเข้าข้างทาง

 

ยางระเบิดทำให้การควบคุมรถยาก

ยางระเบิดทำให้การควบคุมรถยาก

2. เบรกแตก สิ่งแรกที่ต้องทำคือต้องลดความเร็วรถ สำหรับเกียร์ธรรมดาให้เหยียบคลัทช์เพื่อลดตำแหน่งเกียร์และสำหรับเกียร์อัตโนมัติให้เปลี่ยนตำแหน่งเกียร์จาก D มาเป็น 3 ไว้ แต่ห้ามเปลี่ยนเกียร์เป็น L เพราะอาจทำให้เครื่องยนต์พัง เบรคมือก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญในการชะลอความเร็วที่ล้อหลังของรถ แต่ต้องค่อยๆดึงเบรคมือจนสุด อย่าดึงกะทันหัน

 

การแก้ปัญหารถเสียเบื้องต้นควรมีสติ

การแก้ปัญหารถเสียเบื้องต้นควรมีสติ

3. หม้อน้ำรั่ว หากหน้าปัดเข็มวัดอุณหภูมิที่เข็มจะตีขึ้นไปสูงกว่าปรกติแสดงว่าเครื่องยนต์ร้อนจัด ให้นำรถเข้าจอดข้างทางแล้วเปิดกระโปรงหน้าให้ระบายความร้อน จนเครื่องยนต์เย็นลง ห้ามเปิดหม้อน้ำในขณะที่เครื่องยังร้อน เพราะแรงดันอาจพุ่งขึ้นมาโดนหน้า จากนั้นจึงค่อยสวมถุงมือหรือใช้ผ้าเพื่อเปิดฝาหม้อน้ำ ค่อยๆเติมน้ำทีละน้อยๆอย่างช้าๆ เพื่อให้รถวิ่งต่อได้แล้วนำรถเข้าอุ่ซ่อมกับศูนย์บริการ 

ดูเพิ่มเติม
>> สิ่งที่ต้องมีติดรถไว้ เมื่อรถเสียกลางทาง
>> เตรียมให้พร้อมก่อนขับรถทางไกล

4. แอร์ไม่เย็น ถ้ารู้สึกว่าแอร์ไม่เย็น ให้ลองปรับอุณหภูมิแอร์และพัดลมให้เย็นที่สุด ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที ลองเอามืออังที่แผงคอนเดนเซอร์หน้ารถดู หากมีลมร้อนออกมาแสดงว่า แผงคอนเดนเซอร์อาจสกปรกต้องทำความสะอาด หรือเช็คน้ำยาแอร์ดูว่าอยู่ในระดับปกติหรือไม่ แต่ถ้ามีเสียงดังระหว่างไฟแอร์เริ่มทำงาน แสดงว่าคอมเพรสเซอร์กำลังจะเสียและถึงเวลาที่ต้องนำรถเข้าศูนย์บริการซ่อมแล้ว

 

แบตเตอรี่หมดสามารถแก้ปัญหาได้โดยการขอความช่วยเหลือ

แบตเตอรี่หมดสามารถแก้ปัญหาได้โดยการขอความช่วยเหลือ

5. แบตเตอรี่หมด ปัญหานี้เราสามารถขอความช่วยเหลือจากรถคันอื่นที่สัญจรผ่านไปมาได้ โดยดับเครื่องยนต์ของรถทั้งสองคัน และปิดระบบไฟของรถให้หมด รวมถึงอุปกรณ์ทุกอย่างที่ต่อเข้ากับช่องจ่ายไฟ เช่น มือถือ ไอพอด และไอแพด แต่จำไว้ว่าถ้าแบตเตอรี่อยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์  ห้ามพ่วงสายเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นแบตเตอรี่อาจระเบิด ซึ่งรถส่วนใหญ่เครื่องจะติดได้ต่อเมื่อแบตเตอรี่มีพลังงานที่ 12 ถึง 13.6 โวลต์

อาการรถเสียข้างต้น อาจเกิดกับคุณขณะขับขี่ได้โดยที่คุณไม่ทันตั้งตัว ซึ่งผู้ขับขี่จึงจำเป็นต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา นอกจากแก้ไขปัญหาในเบื้องต้นแล้ว เรายังสามารถติดต่อตำรวจทางหลวงที่เบอร์ 1193 เพื่อขอความช่วยเหลือได้ด้วย

ดูเพิ่มเติม
>> เรื่องควรรู้ ประกันรถยนต์!!
>> ซื้อใหม่เหอะ! กับ 4 สัญญาณเตือนจากรถ บอกกับคุณว่าควรซื้อรถใหม่ได้แล้ว