แบรนด์รถยนต์ในตำนานที่ยังโด่งดังมาจนถึงทุกวันนี้ ล้วนแล้วแต่ก็มีประวัติศาสตร์ในการฝ่าฟันปัญหา และอุปสรรคมากมาย แต่หลายครั้งบางแบรนด์รถยนต์กลับสูญหายไปเสียเฉยๆ ไม่ว่าจะพยายามนำชื่อแบรนด์กลับมาปั้นเท่าไหร่ ก็ดูเหมือนว่าจะยิ่งทำให้เห็นชัดขึ้นว่าแบรนด์นี้ไม่มีแววรุ่นอย่างแท้จริง
จากประวัติศาสตร์ความเป็นมานับร้อยปีของวงการรถยนต์ จะเห็นได้ว่าในอดีตมีความหลากหลายของแบรนด์รถยนต์ และรุ่นรถยนต์มากมาย แต่บางครั้งแบรนด์รถยนต์ต่างๆ เหล่านี้ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จเสมอไป อาจด้วยความแข่งขันที่สูง หากแบรนด์ไหนทำได้ดีในการเปิดตัวช่วงแรกก็จะโด่งดังมากๆ มาจนถึงทุกวันนี้ และถ้าแบรนด์ไหนปั้นเท่าไหร่ก็ไม่เกิดก็หมดหวังลุ้น วันนี้ Chobrod จะขอนำเรื่องราวของรถยนต์ที่ทำทีว่าจะรุ่ง แต่กลายเป็นร่วงมาฝากเพื่อนๆ ทุกคนค่ะ เผื่อว่าเพื่อนๆ จะได้ทำความรู้จักกับแบรนด์รถยนต์ที่เคยคุ้นชื่ออยู่บ้าง จะมีแบรนด์อะไรบ้างไปดูกันเลยค่ะ
Maybach
รถยนต์สุดหรูที่ตอนนี้ถูกควบรวมอยู่ในกลุ่ม Mercedes-Benz
Maybach หรือมายบัค เป็นรถยนต์นั่งสัญชาติเยอรมัน ก่อตั้งโดย วิลเฮล์ม มายบัค และลูกชาย คาร์ล มายบัค โดยรถยนต์ Maybach นี้ได้รับการยอมรับว่ามีชื่อเสียงในด้านความเป็นสุดยอดศิลปะของงานวิศวกรรมยานยนต์มาโดยตลอด รถยนต์รุ่นแรกของ Maybach-Motorenbau GmbH ผลิตขึ้นในปี 1921 ทำให้ผู้คนกล่าวถึงสมรรถนะ ความงดงาม ประณีต พิถีพิถันที่สุดของ Maybach ที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน
ในช่วงทศวรรษที่ 1920 และ 1930 รถยนต์ที่ผลิตขึ้นโดย Maybach ได้รับการยกย่องว่าเป็นรถยนต์หรูหราที่มีเสน่ห์ที่สุด ขนาดใหญ่ที่สุด และมีคุณค่ามากที่สุด อีกทั้งยังมีความทันสมัยที่สุดในด้านของงานวิศวกรรมยานยนต์อย่างแท้จริงอีกด้วย ผู้นำประเทศหลายคนที่เสริมสร้างตัวตนให้น่าสนใจขึ้นด้วยตราสัญลักษณ์นี้ซึ่งมีจำนวนการผลิตรวมทั้งสิ้น 1,800 คันในช่วงระยะเวลาตั้งแต่ปี 1921 ถึง 1941 โดยในปี 1960 เดมเลอร์-เบนซ์ ได้ซื้อหุ้นส่วนใหญ่บริษัท และได้เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Maybach Mercedes-Benz Motorenbau GmbH และในปี 1969 ได้กลายมาเป็น MTU Friedrichshafen
Maybach โดดเด่นด้วยภาพลักษณ์รถยนต์สุดหรู สไตล์พรีเมียม
Maybach สร้างรถยนต์หรูหราภายใต้การดูแลของ Mercedes-Benz โดยออกรถยนต์ใหม่ 2 รุ่น ได้แก่ Maybach 57 และ Maybach 62 ซึ่งมีลักษณะเหมือนกัน แต่ต่างกันตรงความยาวของตัวถังรถ รถ Maybach ถือว่าเป็นรถในระดับหรูหรา ซึ่งราคาใกล้เคียงกับรถบริษัทอื่นเช่น Bentley หรือ Rolls-Roy ในปี 2005 Maybach ได้ออกรถยนต์รุ่น 57S มีลักษณะเป็นรถสปอร์ต โดยมีเครื่องยนต์ 6 ลิตร V12 เทอร์โบคู่ ผลิตแรงม้าได้สูงถึง 604 แรงม้า และ ทอร์กได้สูงถึง 737 ปอนด์/ฟุต แต่ก็ถูกมองว่าเป็นการนำ S-Class มาขยายส่วน และในปี 2013 Mercedes-Benz ก็ได้ยุติสายการผลิตรถยนต์ Maybach ในฐานะแบรนด์เดี่ยวไป ก่อนที่จะนำชื่อนี้กลับมาอีกครั้งในฐานะส่วนหนึ่งของแบรนด์ Mercedes-Benz ในปี 2016 และไม่มีการพัฒนารถยนต์ใหม่ทั้งคันขึ้นมาอีก
ดูเพิ่มเติม
>> ส่องเนื้อแท้ Lambroghini Huracan EVO กลางงานมอเตอร์โชว์ กับระบบอัจฉริยะ LDVI
>> 10 ยานยนต์ใหม่ที่น่าจับตามองในปี 2019 ในตลาดรถจากค่าย GM
Hummer
Hummer กลับการเปิดตัวรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ
Hummer แบรนด์รถยนต์ที่มีอายุเพียง 18 ปีในตลาดรถยนต์ โดดเด่นด้วยหน้าตาของรถที่ดุดัน และทำให้ทหารของกองทัพบกสหรัฐอเมริกานำมาใช้จนโด่งดังไปทั่วโลก ชื่อเสียงของ Hummer เกิดขึ้นเมื่อยุทธการพายุทะเลทราย หรือ Desert Storm ถูกถ่ายทอดสดทั่วโลก ถึงขนาดที่ว่าบรรดาคนพันธุ์ลุยทั่วโลกต่างก็มีรถคันนี้เป็นรถนฝันทั้งนั้น
Hummer เป็นผลผลิตที่ทางเอเอ็ม เจนเนอรัลได้รับอนุญาตจากทางกองทัพบกสหรัฐอเมริกาในการผลิตขึ้นมาเพื่อสำหรับใช้งานในราชการทหารเมื่อปี 1984 ในชื่อว่า HMMWV หรือ Humvee ย่อมาจาก High Mobility Multipurpose Wheeled Vehicle โดยบริษัท AM General ต่อมาได้มีแฟนๆ เรียกร้องให้มีการผลิตเวอร์ชันสำหรับพลเรือน หรือ Civilian Version ที่ตัวเองให้ความสนใจมาตั้งแต่ปลายทศวรรษที่ 1980 ให้กลายมาเป็นความจริง โดยเฉพาะอาร์โนลด์ ชวาร์ซเชเน็กเกอร์ เชื่อว่าเป็นแรงผลักสำคัญที่ทำให้ AM General ผลิต Hummer ในรุ่นที่ใช้ชื่อว่า H1 และเริ่มทำตลาดมาตั้งแต่ปี 1992 เป็นต้นมา โดยตัวรถได้อ้างอิงรายละเอียดทางวิศวกรรม และรูปลักษณ์จาก Humvee รุ่น M998 แต่มีการปรับให้เหมาะสมกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน และถอดเทคโนโลยีที่เป็นความลับทางราชการออกไป
นอกจากนี้ยังมีการผลิตรถยนต์ Hummer รุ่นเล็กออกมากจำหน่ายอีกด้วย
ถึงปี 1998 บริษัท GM ยักษ์ใหญ่ของอุตสาหกรรมรถยนต์ได้ตัดสินใจซื้อ Hummer จาก AM General มาอยู่ในเครือ โดยทาง AM General ยังรับหน้าที่ผลิตรุ่น H1 ส่งให้กับ GM ต่อไปด้วยเหตุผลที่ว่าตัวรถมีส่วนเกี่ยวข้องกับความลับทางราชการทหาร ขณะเดียวกัน AM General เองก็ผลิต Humvee ส่งให้กับทางกองทัพควบคู่กันไปด้วย
ในปี 2002 บริษัท GM ได้เพิ่มไลน์ผลิตให้ Hummer ด้วย H2 ด้วยตัวถังแบบแวกอน 5 ประตูที่เป็นนรุ่นลุย แต่มีขนาดเล็กกว่า H1 พร้อมกับคว้ารางวัลปิกอัพยอดเยี่ยมแห่งอเมริกาเหนือมาครองได้ทันทีในปี 2003 จากนั้นในปี 2005 จึงได้เพิ่มทางเลือกใหม่ด้วยตัวถังแบบ 4 ประตูปิกอัพหรือที่เรียกว่า SUT-Sport Utilities Truck รวมถึงยังเป็นหนึ่งในตัวละครเรื่อง Transformers ภาคแรก โดยเป็นหุ่นของฝ่าย Autobot ที่ชื่อ Ratchet ในชื่อ H3 ซึ่งเป็นรุ่นเล็กสุดของแบรนด์ ที่พัฒนาบนพื้นฐานเดียวกับปิกอัพขนาดกลางอย่างเชฟโรเลต โคโรลาโด และจีเอ็มซี แคนยอน รวมถึงอีซูซุ i-Series หรือ D-Max โดยรุ่นนี้ทาง GM รับหน้าที่ในการผลิตเองไม่เหมือน 2 รุ่นที่ผ่านมา
แต่อย่างไรก็ตามหลังจากี่ประสบกับปัญหา Oil Crisis ทำให้ Hummer มียอดขายลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 10% ซึ่งนั่นทำให้ GM ต้องทบทวนการผลิตอีกครั้ง และเมื่อประสบปัญหาทางด้านการเงิน GM จึงยกเลิกการผลิต Hummer ไปในปี 2010 เป็นต้นมา อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่า Hummer จะถูกปรับปรุงให้เป็นรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าซึ่งก็ต้องติดตามความคืบหน้ากันต่อไป
Mercury
Mercury แบรนด์รถยนต์กลุ่มรถยนต์หรูจากค่าย Ford
ปี 2010 ดูเหมือนว่าจะมีการปิดตัวของรถยนต์แบรนด์ดังในอดีตมาพอสมควร เพราะนอกจาก Hummer จากค่าย GM ที่ประกาศยุติการผลิตไปในปี 2010 แล้วนั้น ค่าย Ford ก็มีการประกาศยุติการผลิตแบรนด์ Mercury ที่มีอายุถึง 72 ปีถภายในสิ้นปี 2010 เพื่อลดภาระการดูแลแบรนด์ของ Ford Motor Corporation ให้สามารถทุ่มสรรพกำลังเพื่อปรับปรุงแบรนด์ Lincoln ให้แข็งแกร่งในหมู่รถยนต์ระดับพรีเมียม
แม้รถยนต์ Mercury หลายรุ่นจะเลิกผลิตไปแล้วแต่ยังมีรถอีกรุ่นหนึ่งที่ยังคงค้างผลิตอยู่ในโรงงาน St. Thomas Ontario กันข้ามปีนั่นก็คือ Mercury Grand Marquis ซีดานใหญ่คลาสสิกที่ทำตลาดนานมากถึง 25 ปี เพราะรถรุ่นนี้ยังเป็นที่ต้องการในตลาดรถเหมาเช่าอยู่นั่นเอง ท้ายที่สุดแล้ว Mercury Grand Marquis ก็เลิกผลิตในวันอังคารที่ 5 มกราคม 2010 เวลา 8 โมงเช้า หลังจากรถคันสุดท้ายสร้างเสร็จสมบูรณ์จากสายการผลิต
ถือเป็นอีกหนึ่งรุ่นในตำนานของคนอเมริกันเลยทีเดียว โดยรุ่นสุดท้ายยุติการผลิตไปในวันที่ 5 มกราคม 2010
ผลกระทบจากการปิดตัวแบรนด์ Mercury ถาวรทำให้สายการผลิตรถยนต์ Ford Crown Victoria สำหรับเจาะกลุ่มแท็กซี่และตำรวจจะต้องถูกปิดลงภายในกันยายนพร้อมกับการปิดตัวโรงงาน St.Thomas ในปีเดียวกันด้วย แบรนด์ Mercury จึงถือเป็นประวัติศาสตร์รถยนต์ที่น่าจดจำสำหรับชาวอเมริกัน โดยนับตั้งแต่ถือกำเนิดในปี 1938 เป็นต้นมา Mercury มียอดขายรถยนต์ทุกประเภทสะสมในตลาดสหรัฐอเมริกามากถึง 21 ล้านคัน
Saab
Saab รถยนต์ชื่อดังจากประเทศสวีเดน
Saab บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ และอากาศยานของประเทศสวีเดน เป็นผู้นำในการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลาในยุค 1950 อาจกล่าวได้ว่าบริษัทยานยนต์ของสวีเดนแห่งนี้คือผู้บุกเบิกเทคโนโลยีให้กับโลกยนตกรรม ประวัติความเป็นมาของ Saab เกี่ยวเนื่องกับการพัฒนาอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงระบบความปลอดภัยในรถยนต์ที่ไม่เป็นรองค่ายใดในอดีต สำหรับแนวทางการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ของรถ Saab คือการมุ่งเน้นไปยังคนขับเพื่อให้ได้รับความสะดวกสบายมากที่สุด คุณลักษณะพิเศษด้านความปลอดภัยในการใช้งานที่ได้รับการสร้างสรรค์เป็นอย่างดี
โดย Saab เป็นค่ายรถเจ้าแรกที่ริเริ่มแนวคิดในการติดตั้งระบบแอร์แบบ Freon-Free Air-Conditioning สำหรับมาใช้กับรถยนต์ในค่าย คิดค้นระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบที่สามารถทำงานกับเครื่องยนต์ในทุกสภาวะ เป็นผู้ริเริ่มนำเอาใบปัดน้ำฝนทำความสะอาดโคมไฟหน้ามาใส่ในรถ นำเอาระบบอุ่นเบาะหรือฮีตเตอร์มาไว้ในเบาะโดยสารเป็นเจ้าแรก ออกแบบกุญแจสตาร์ทให้อยู่ในบริเวณซุ้มเกียร์ระหว่างเบาะคู่หน้าและออกแบบให้เจ้าของรถสามารถเปลี่ยนหลอดไฟหน้าด้วยตัวเองมานานกว่า 30 ปีแล้ว เอกลักษณ์ของรถ Saab คือการขับเคลื่อนด้วยล้อคู่หน้า (Front Wheel Drive)ซึ่งเกิดจากการพัฒนาโดยช่างเทคนิคและนักขับฝีมือเยี่ยมของ Saab ในสนามแข่งขันแรลลี่โลกในยุค 60'
เป็นรถยนต์ที่มีการดีลการขายค่อนข้างยาวนานโดยไม่มีทีท่าว่าจะจบลงเร็วนี้
รถต้นแบบของ Saab ใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็กแบบสองจังหวะ ขับเคลื่อนด้วยล้อคู่หน้า ใช้แนวคิดเบา เล็กกะทัดรัด และไม่มีส่วนประกอบที่สลับซับซ้อนพวกเพลาข้อเหวี่ยง วาล์วหรือกรองน้ำมันเครื่อง ตัวถังมีความแข็งแกร่งมากจากเหล็กชั้นเยี่ยมที่ขึ้นชื่อของสวีเดน มีการนำแนวคิดด้านวิศวกรรมอากาศยานถูกนำมาปรับใช้ในการสร้างรถยนต์ โดยใช้การใช้พื้นฐานความรู้เกี่ยวกับอากาศยาน และอากาศพลศาสตร์ประกอบด้วยมือทั้งหมดทุกขั้นตอน ตัวถังของ Saab คันแรกไม่เพียงแต่แข็งแรง ยังมีพื้นที่กว้างขวางสำหรับการโดยสาร ล้อขอบ 15 ถูกนำมาใช้เนื่องจากถนนหนทางของประเทศสวีเดนในยุคนั้นไม่ค่อยจะดีนัก
กลางทศวรรษที่ 1990 บริษัท Saab ประสบกับปัญหาขาดทุนอย่างหนัก ทั้งจากดีไซน์ที่ดูโบราณ และรถรุ่นใหม่ๆ ของค่ายรถคู่แข่งในยุโรปที่ประดังออกมาแข่งขันด้วยรูปลักษณ์ที่ทันสมัยกว่า จนค่ายรถยนต์ GM เข้ามาควบรวมกิจการ แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไปได้ไม่สวยเท่าไหร่นัก จากนโยบายของค่าย GM ที่ทำให้มีการยุติการผลิตรถยนต์ในบางสายการผลิต และในปี 2008 บริษัท GM หรือเจเนอรัล มอเตอร์ ตัดสินใจลงนามข้อตกลงขายธุรกิจรถยนต์ Saab ให้กับกลุ่มบริษัทหุ้นส่วนโดยการนำของ โคนิกเซกก์ ออโตโมทีฟ เอบี (Koenigsegg Automotive AB) บริษัทผลิตรถยนต์ซุปเปอร์คาร์สัญชาติสวีเดนที่เล็งเห็นถึงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ในบริษัทแห่งนี้ที่มีต่อประเทศสวีเดน แต่ฝ่ายผู้ซื้ออย่าง Koenigsegg Automotive AB ได้ประกาศถอนตัว และอาจส่งผลให้ผู้ผลิตรถแบรนด์เก่าแก่ถึง 60 ปีแห่งสวีเดนรายนี้ ต้องเลิกกิจการ
ด้วยดีไซน์ของรถที่ดูไม่ทันสมัยเท่าไหร่ เป็นผลให้ยอดขายทำได้ไม่ค่อยดีเท่าที่ควร
ในปี 2010 ค่ายรถสปอร์ตขนาดเล็กอย่าง Spyker มีความมุ่งมั่นมุมานะที่จะกอบกู้ให้บริษัท Saab กลับมายืนด้วยความมั่งคงแข็งแกร่งอีกครั้ง ชายผู้ซึ่งกุมชะตากรรมของ Spyker ได้ให้ความเห็นในปี 2010 ตอนที่เข้ามาเสนอตัวมอบเงินทุนในการใช้จ่ายให้กับ Saab ว่า บริษัทแห่งนี้ยังคงพอมีโอกาสและหนทางที่จะเติบโตต่อไปได้ในอนาคต แต่ดูจะไปได้ไม่สวยเท่าไหร่นัก จนในปัจจุบันก็ยังไม่มีการผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ออกมา การขายกิจการของ Saab ก็ยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
Scion
รถยนต์ของชนอเมริกันเจนวาย ที่มีอายุอยู่เพียงไม่นานก็ต้องปิดตัวลงในปี 2017
Scion แบรนด์รถยนต์น้องใหม่จากค่าย Toyota ที่ผลิตออกมาเพื่อเอาใจกลุ่มตลาดคน Gen Y ในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากมีกลุ่มผู้ใช้รถ Toyota และ Lexus เป็นคน Gen XX และ Baby Boomer เสียส่วนใหญ่ Scion ก่อตั้งขึ้นในปี 2002 และเริ่มจัดจำหน่ายรถยนต์รุ่น xB และ xA ในปีต่อมา สำหรับยอดขายในปีแรกอยู่ที่ 10,898 คัน และเติบโตขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงจุดสูงสุดที่ 173,046 คันในปี 2006 แต่ในปี 2009 Scion มียอดขายต่ำลงมาเรื่อยๆ จนมียอดขายไม่ถึงแสนคันมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งคาดว่าเป็นผลมาจากการที่ยอดขายรถยนต์ไซส์เล็กในสหรัฐอเมริกาลดลงอันเนื่องมาจากราคาน้ำมันไม่ได้สูงเหมือนกับที่ผ่านมา รวมถึงรถยนต์ของไซออนไม่ได้มีรูปแบบที่น่าตื่นตาตื่นใจ หรือเร้าใจเหมือนในช่วงแรกที่เปิดตัวแบรนดนี้ใหม่ๆ
การปิดตัวลงอย่างบอบช้ำ โดยที่ไม่มีรถยนต์แบรนด์ Scion อีกต่อไปคตั้งแต่ปี 2017
ในปี 2015 เป็นปีสุดท้ายของการขายแบบเต็มปี โดยมียอดขายเพียงแค่ 56,167 คันจากรถยนต์ 7 รุ่น สำหรับรถยนต์รุ่นสุดท้ายที่เปิดตัวออกสู่ตลาดคือ iM ซึ่งเป็นการนำออริส หรือโตโยต้า โคโรลล่า แฮทช์แบ็กมารีแบรนด์ขาย และ iA เก๋ง 4 ประตูที่เป็นโปรเจ็กต์แบบ OEM ในการดึงรถยนต์ของมาสด้าอย่าง เดมิโอ หรือ 2 มาขาย ผลคือ ขายไปได้ 5,097 และ 7,605 คันตามลำดับ ตลอดระยะเวลา 13 ปีที่ Scion อยู่ในตลาดสหรัฐอเมริกา และแคนาดา มียอดขายรวมกันมากถึง 1,092,675 คัน ก่อนที่จะปิดตัวลงอย่างบอบช้ำ และไม่มีรถยนต์แบรนด์ Scion ออกขายตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นไป
ดูเพิ่มเติม
>> Sensuous Sportiness คืออะไร??
>> จองออนไลน์-ย่อยโชว์รูม กลยุทธ์ “Mini Cooper”
แม้ว่าจะหลายแบรนด์รถยนต์ที่ออกมาจะไม่รุ่งโรจน์สวยงามเหมือนกับภาพที่คิดไว้ แต่แบรนด์รถยนต์เหล่านี้ก็เป็น 1 ในประวัติศาสตร์ของวงการยนตกรรมของโลกที่งดงามจากความมุ่งม่นของผู้ผลิต และผู้ที่สานต่อ แม้จะลงจากเวทีอย่างไม่สวยงามเท่าใดนัก แต่ก็มีอีกหลายรุ่นที่กล่าวถึงในบทความนี้ที่ยังขายอยู่ในปัจจุบัน โดยผ่านการควบรวมแบรนด์กับยี่ห้ออื่น แต่ยังคงเอกลักษณ์ของแบรนด์ดังเดิมไว้อย่างดี สำหรับรถยนต์แบรนด์ดังเหล่านี้มีบางรุ่นที่อยู่ในตลาดรถยนต์มือสอง เพื่อนๆ สามารถเข้าไปชม และเลือกซื้อได้ที่ Chobrod.com นะคะ
ติดตามข่าวสารรถยนต์ เชิญที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดี เชิญเข้าดูที่ตลาดรถตรงนี้