เรื่องน่ารู้ของ “รถบ้าน” ที่เจ้าของเป็นคนขายเอง

เรื่องน่ารู้ของ “รถบ้าน” ที่เจ้าของเป็นคนขายเอง

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ชาว Chobrod วันนี้ก็มาอยู่กับเดี๊ยนอีกเช่นเคยในวันแห่งการเริ่มต้นของการทำงานวันนี้ แน่นอนว่าเดี๊ยนก็ไม่ได้มาเซย์ ฮายเพื่อนๆ เปล่าๆ หรอกค่ะ วันนี้เดี๊ยนมีเรื่องราวน่ารู้ของรถบ้านมาฝากเพื่อนๆ กัน ถ้าเราจะพูดกันถึงความต่างของ รถเต็นท์และรถบ้าน นั้น ก็คงจะเป็นเรื่องที่ไม่ได้ยากอะไรสักเท่าไหร่ อาจจะยากตรงที่คุณภาพของสินค้าที่อาจจะต่างกัน แต่ที่มีเหมือนกันคือรถยนต์ทั้งสองประเภทนี้เป็นรถยนต์มือสองทั้งคู่ค่ะ แต่รถเต็นท์นั้นจะเป็นรถยนต์มือสองที่ขายผ่านพ่อค้าคนกลาง รถบ้านนั้นจะเป็นรถยนต์ที่เจ้าของจะเป็นคนขายเองโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลางค่ะ เอาเป็นว่า เรามาดูกันดีกว่าว่าข้อดีของรถบ้านนั้นเขามีอะไรบ้าง ตามมาดูเลยจ้า

ดูเพิ่มเติม
>> เรื่องต้องรู้เมื่อจะซื้อรถบ้าน!!!
>> เทียบรถบ้านกับรถเต๊น อันไหนดีกว่ากัน?

ตัวอย่างรถบ้าน

อย่างแรกคือเราต้องเกริ่นความหมายของรถบ้านให้เพื่อนๆ เข้าใจกันอย่างถ่องแท้เสียก่อน รถบ้าน คือรถยนต์ที่ผ่านสภาพการใช้งานมาแล้วหรือที่เรียกว่ารถมือสองนั่นเอง โดยรถบ้านนั้น เจ้าของรถจะเป็นคนที่ใช้และนำมาขายเอง ถ้าพูดกันง่ายๆ ก็คือซื้อขายกันโดยตรงแบบไม่ผ่านพ่อค้าคนกลางใดๆ บางคนก็อาจจะจอดเอาไว้ให้ดูกันที่บ้านหรืออาจจะมีการนัดหมายไปดูสภาพรถตามที่ตกลงกันไว้กับผู้ซื้อ ทั้งนี้เจ้าของรถนั้นก็สามารถประกาศลงขายรถยนต์ได้ตามอินเตอร์เน็ตหรือผ่านคนรู้จักก็ย่อมได้ เพื่อให้คนที่ต้องการซื้อรถบ้านนั้นมีเพิ่มมากขึ้นนั่นเอง

รถบ้าน สามารถซื้อขายกันผ่านทางเจ้าของโดยตรงและตกลงกันง่าย

รถบ้านมีดีอย่างไรบ้าง ?

ถ้าจะให้พูดถึงเรื่องรถบ้านนั้น แน่นอนว่ามันต้องเป็นรถยนต์ของเจ้าของรถโดยตรงค่ะ สภาพการใช้งานก็จะใช้งานได้ตามจริง เราสามารถตกลงราคาซื้อ-ขาย กับเจ้าของรถเองได้เลยโดยตรงๆ อีกทั้งยังได้รับเอกสารสำคัญต่างๆ จากเจ้าของเดิมได้ดีกว่าด้วย การดูแล การรักษา ขึ้นอยู่กับเจ้าของแต่ละคนว่ามีการดูแลอย่างไร บางคนดูและดีเสมือนกับว่าไม่เคยผ่านการใช้งานมาไม่กี่ครั้งก็มีค่ะ ส่วนบางคนก็อาจจะดูและในส่วนที่เขาสามารถดูแลได้นิดหน่อยเท่านั้น รายละเอียดอื่นๆ เราสามารถอบถามเพิ่มเติมจากเจ้าของรถได้ โดยที่ไม่ต้องซีเรียสอะไรเลยค่ะ ง่ายๆ ว่าเราสามารถซื้อขายกันได้แบบเป็นกันเองกับรถบ้าน แต่เจ้าของรถบางคันก็มักง่ายเอาของย้อมแมวมาหลอกขายลูกค้าก็มีค่ะ ในเรื่องของรถบ้านนั้นอาจจะมีปัญหายุ่งยากในเรื่องของรถยนต์นี่แหละค่ะ เพราะด้วยความที่เจ้าของรถยนต์เป็นคนขาย เพราะฉะนั้นเราต้องตามมาเก็บอาการต่างๆ ที่มันมักจะเกิดขึ้นเรื่อยๆ เอาเอง จ่ายเอง ซ่อมเองค่ะ ไม่มีประกัน ใครที่ชอบถอยรถบ้านมาใช้ เดี๊ยนว่าต้องรับปัญหาข้อนี้ให้ได้ก่อนจะถอยรถออกมานะคะ 

ตัวอย่างรถเต็นท์

ความแตกต่างของรถบ้านกับรถเต็นท์ ?

ถ้าเป็นรถบ้านนั้น อาจจะไม่มีรถยนต์มากมายหลายแบบให้เลือกเหมือนรถเต็นท์ทั่วไป เพราะเจ้าของรถก็จะขายทอดคันต่อคันไป ส่วนรถเต็นท์นั้นจะมีรถยนต์มากมายหลากหลายให้เลือก ส่วนการดูแลก็จะแตกต่างกันออกไป บางเต็นท์ที่ไม่ซื่อสัตย์กับลูกค้าแล้วเอารถเก่ามาซ่อมแซมย้อมแมวใหม่ก็มีค่ะ มีให้เห็นกันเยอะแยะ เพราะฉะนั้นเป็นเหตุผลว่าทำไมคนส่วนมากถึงชอบซื้อรถบ้านกัน

เรื่องน่ารู้ของ “รถบ้าน” ที่เจ้าของเป็นคนขายเอง

หากสนใจรถบ้านเราจะหาแหล่งตลาดรถบ้านได้ที่ไหนบ้าง?

หากว่าเพื่อนๆ สนใจรถบ้าน แล้วอยากดูตัวอย่างรถแต่ละคันก่อนว่าสภาพเป็นอย่างไร เดี๊ยนแนะนำที่เว็ปไซต์ของเราเลยค่ะ Chobrod.com บอกเลยว่าเข้าเว็ปนี้ ที่เดียว จบ! เพราะว่าเว็ปไซต์ของเราเป็นเว็ปไซต์ตลาดรถขนาดใหญ่ แหล่งรวมตลาดรถมือสองคุณภาพดีพร้อมให้เพื่อนๆ ได้เลือกดูกันอย่างเพลิดเพลิน ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์รุ่นเก่า รุ่นใหม่ ไปถึงรถระดับซูเปอร์คาร์เราก็มีค่ะ โดยเพื่อนๆ สามารถเข้าไปที่ www.chobrod.com แล้วคลิกไปที่ตลาดรถ เพียงเท่านี้เพื่อนๆ ก็จะได้พบกับรถยนต์มากมายหลายประเภท เลือกชมได้อย่างละเอียดในแต่ละรุ่นเพียงแค่ปลายนิ้วคลิกเท่านั้นค่ะ อีกทั้งเพื่อนๆ ก็ยังสามารถซื้อรถกันได้อย่างปลอดภัยไร้กังวลอีกด้วย 

ตัวอย่างเว็ปไซต์ Chobrod.com

ตัวอย่างรถยนต์มือสองคุณภาพดีจากเว็ปไซต์ chobrod.com

สรุปแล้วว่า รถบ้าน นั้นเราสามารถเจรจาต่อรองกับเจ้าของรถยนต์ได้ง่ายและสภาพรถยนต์ก็จะเป็นสภาพที่เจ้าของใช้กันตามจริง แต่ก็ต้องระวังเรื่องการย้อมแมวนะคะ ทั้งนี้ซื้อรถบ้านเราก็ต้องดูให้แน่นอนด้วยนะคะว่าเจ้าของรถนั้นไม่ได้หลอกขายเรา ส่วนใครที่ชอบรถเต็นท์เดี๊ยนว่าก็คงเพราะรถเต็นท์มีรถยนต์ให้เลือกมากมายและหลากหลายมากกว่ารถบ้าน ทั้งยังสะดวกในการซื้อขายอีกด้วย เอาเป็นว่าใครชอบแบบไหนก็อย่าลืมพิจารณาให้ดีก่อนจะซื้อใช้นะคะ สำหรับวันนี้เดี๊ยนต้องขอลาไปก่อน พบกันใหม่คอนเทนต์หน้าค่ะ สวัสดีจ้า

ดูเพิ่มเติม
>> เมืองไทย ใช้รถบ้าน ได้ไหม??
>> ทำความรู้จักกันก่อนซื้อ .. ระหว่าง “รถบ้าน” และ “รถเต็นท์” แตกต่างกันอย่างไร ?