สำหรับรถยนต์นั่งแบบ Hatchback เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับหลายๆ คนที่ต้องการเพิ่มพื้นที่สำหรับการเก็บสัมภาระ อาจด้วยความต้องการพื้นที่เก็บของที่จำเป็นที่มากขึ้น หรือต้องขนย้ายสิ่งของอยู่บ่อยๆ วันนี้ Chobrod จะมาแนะนำเพื่อนๆ ที่ต้องการซื้อรถยนต์นั่ง Hatchback ในราคาไม่เกิน 4 แสนบาทกันค่ะ
รถยนต์ Hatchback เป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน. ด้วยขนาดที่เล็กกะทัดรัด และสามารถใช้งานได้เอนกประสงค์
หลายคนที่กำลังมองหารถยนต์นั่งที่สามารถเก็บสัมภาระจำนวนมากได้ และมีราคาไม่แพง วันนี้ Chobrod จะพาเพื่อนๆ มารู้จักกับ 5 รถ Hatchback ราคาไม่เกิน 4 แสนบาท เพื่อเป็นตัวเลือกในการตัดสินใจซื้อรถมือสองที่ตรงตามความต้องการได้ค่ะ ก่อนอื่นรามาความรู้จักกับรถ Hatchback กันสักเล็กน้อยก่อนที่จะไปดูรถ Hatchback มือสองทั้ง 5 รุ่นกันค่ะ
ลักษณะเฉพาะของรถ Hatchback คือ ช่วงท้ายรถตัดเกือบตรง ทำให้นับฝากระโปรงท้ายเป็นปีก 1 ประตูด้วย
รถ Hatchback คือ รถยนต์นั่งลักษณะคล้ายรถซีดาน แต่มีช่วงท้ายที่สั้น หรือที่เรียกกันว่าท้ายตัด โดยด้านท้ายตรงส่วนของกระจกบังลมและฝากระโปรงหลังจะไม่ลาดเอียงเหมือนกับ รถเก๋ง Sedan หรือ Coupe แต่จะเป็นลักษณะตัดตรง มีทั้งรุ่น 3 ประตู และ 5 ประตู โดยนับจากประตูด้านข้างซ้าย-ขวา และนับฝากระโปรงหลังเป็นอีก 1 ประตู
Honda Jazz คือ รุ่นแรกของตลาดรถ Hatchback เมืองไทย ที่ได้รับความไว้วางใจ จนเป็นที่นิยมมาจนถึงปัจจุบัน
โครงสร้างตัวถังแบบ Hatchback มีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 1930 เริ่มจากรถยนต์ในประเทศยุโรป แต่ก็ไม่ได้รับความนิยมมากนัก ในประเทศไทยรถยนต์ Hatchback เข้ามาระยะแรกเริ่มโดยส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มรถยนต์หรูชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็น Mercedes Benz หรือ BMW ตลอดจน Volvo เองก็เคยนำรถสไตล์นี้เข้ามาจำหน่าย แต่ก็ไม่ถูกจริตคนไทยมากนัก เนื่องด้วยราคาที่สุงกว่ารถสี่ประตู จากฟังชั่นการใช้งาน ทำให้มีคนจำนวนน้อยมากที่จะซื้อรถยนต์ Hatchback มาใช้ สำหรับประเทศไทยรถ Hatchback เริ่มได้รับความนิยมในช่วงปี 2004 หลังจากที่ Honda ได้เปิดตัว Honda Jazz รุ่นแรกในประเทศไทย ด้วยขนาดที่เล็กกะทัดรัด ในราคาที่ไม่แพงมากอยู่ในช่วงที่คนทั่วไปสามารถจับต้องได้ จากนั้น Toyota จึงได้เริ่มส่ง Toyota Yaris เข้ามาทำตลาดด้วย และตามมาด้วย Nissan Tida และ Suzuki Swift จึงทำให้รถยนต์ Hatchback รุ่นเล็กเป็นที่รู้จัก และทำการตลาดในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น 4 ปีต่อมา ตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กเริ่มเติบโตอย่างเต็มที่ทาง Nissan ก็ไม่รอช้านำทัพรถยนต์อีโค่คาร์เข้าทำตลาดสนองนโยบายรัฐบาล สำหรับการมาถึงของ Nissan March ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่ารถทรง Hatchback มีความน่าใช้งานมากขึ้น เนื่องด้วยความเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กต้องมีพื้นที่ใช้สอยสนองความต้องการที่หลากหลาย และเมื่อรัฐบาลเคาะโครงการรถคันแรกจึงทำให้ตลาดรถยนต์ Hatchback เติบโตในทิศทางที่ดีมากยิ่งขึ้น
ดูเพิ่มเติม
>> ราคารถ เบนซ์
>> Toyota Yaris มือสองน่าซื้อไหม? มาดูกัน!
ตลาดรถยนต์ Hatchback ถือเป็นประเเภทรถยนต์ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในประเทศไทย
สำหรับใครที่กำลังมองหารถยนต์นั่งขนาดเล็ก มีพื้นที่ใช้สอยขนาดพอเหมาะ และมีพื้นที่เก็บสัมภาระมาก รถ Hatchback จึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ ในราคาไม่แพง และ 5 รุ่นรถยนต์ Hatchback ที่จะมาแนะนำในวันนี้ ได้แก่
Honda Jazz เปิดตัวมาด้วยแนวคิด The Power of Dream
Honda Jazz เป็นรถ B-Segment เปิดตัวมาด้วยแนวคิด The Power of Dream ด้วยรูปลักษณ์ของรถยนต์ในสไตล์ Hatchback เอนกประสงค์ 5 ที่นั่ง ที่มาพร้อมกับดีไซน์เรียบเท่ สมรรถนะที่แรง เหมาะสำหรับการขับขี่ทั้งในเมือง และนอกเมือง Honda Jazz ออกแบบมาเพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าหลัก ที่เป็นคนรุ่นใหม่ มีไลฟ์สไตล์หลากหลาย และใช้ชีวิตอย่างไร้ขีดจำกัด
>>> หากจะซื้อรถมือสองสักคัน ทำไมถึงควรเลือก Honda Jazz
Honda Jazz มาพร้อมดีไซน์สปอร์ตโฉบเฉี่ยว และทันสมัยรอบคัน ตั้งแต่กระจังหน้า กันชนหน้า และหลัง พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน (DRL) แบบ LED และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 16 นิ้ว เสริมความสปอร์ตภายในห้องโดยสารด้วยเบาะนั่งสีดำ
มาพร้อมพื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขวาง สะดวกสบาย
ภายในพื้นที่ห้องโดยสารกว้างขวาง สะดวกสบาย รองรับทุกไลฟ์สไตล์ด้วยเบาะนั่งอัลตร้าซีท สามารถพับและปรับเปลี่ยนเพื่อเพิ่มพื้นที่ได้ถึง 4 โหมดการใช้งาน พร้อมห้องสัมภาระท้ายขนาดใหญ่ และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ มาตรวัดเรืองแสง พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID ระบบปรับอากาศอัตโนมัติพร้อมแผงควบคุมแบบสัมผัส ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 6.8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อโทรศัพท์ไร้สาย รองรับการเชื่อมต่อภาพและเสียงผ่าน HDMI และพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่น เป็นต้น
โฉบเฉี่ยวด้วยเส้นสายรอบคัน พร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว i-VTEC ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 117 แรงม้า ผสานระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT
ติดตั้งขุมพลังขับเคลื่อนสุดเร้าใจ ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว i-VTEC ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 117 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 146 นิวตัน-เมตรที่ 4,700 รอบต่อนาที ผสานระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่พัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม ให้อัตราเร่ง และประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม ตอบสนองทุกการขับขี่ด้วยระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยแบบ 7 สปีด สะดวกสบายด้วยระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมระบบช่วยขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน ECO Assist รองรับพลังงานทางเลือกได้ถึง E85 และราคา Honda Jazz มือสองตอนนี้ก็อยู่ในราคาที่ดีมากๆ โดยอยู่ที่ 195,000 – 399,000 บาท ในรุ่น Honda Jazz ปี 2005 – 2013 ค่ะ
Toyota Yaris ถือเป็นอีกหนึ่งคู่แข่งตัวฉกาจของ Honda Jazz ที่มาพร้อมเส้นสายแบบมีสไตล์ ในแบบคนรุ่นใหม่
Toyota Yaris ถือเป็นรถยนต์ Hatchback ที่ได้รับความนิยมอีกรุ่นหนึ่ง ถือเป็นคู่แข่งตัวฉกาจของ Honda Jazz ได้เลยทีเดียว โดย Toyota Yaris คือรถยนต์ Hatchback ที่ผลิตมาเพื่อทดแทนรถรุ่น Toyota Starlet ซึ่งเลิกผลิตไปในปี 1999 ออกแบบโดย Sotiris Kovos นักออกแบบชาวกรีก ที่ทำให้ Toyota Yaris มีระบบความปลอดภัยที่ดีกว่า และดูทันสมัยขึ้น จนเป็นที่นิยม และมาแทนที่ Toyota Starlet ได้อย่างสมบูรณ์
Toyota Yaris Hatchback มาพร้อมกับสมรรถนะที่แรง ช่วงล่างดี เก็บเสียงเยี่ยม ออพชั่นจัดเต็มตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น เรียกได้ว่าเป็นรถยนต์รุ่นเปิดตลาดสำหรับรถแฮทช์แบคในประเทศไทยเลยก็ว่าได้ มาพร้อมกับรูปลักษณ์ภายนอกที่โดดเด่น สะดุดตา ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าที่มาพร้อมไฟหน้าโปรเจคเตอร์พร้อมไฟ LED Light Guiding และระบบเปิด-ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ พร้อมด้วยระบบไฟส่องสว่างหลังจากดับเครื่องยนต์ Follow-Me-Home เพิ่มเติมความปลอดภัย (ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ และระบบ Follow-Me-Home มีเฉพาะรุ่น G ใน Toyota Yaris ใหม่ เท่านั้น) ดีไซน์สอดรับกับเส้นสายกระจังหน้าให้ความโฉบเฉี่ยวและหรูหรา ปลอดภัยด้วยไฟส่องสว่างเวลากลางวันหรือ Daytime Running Light แบบ LED และชุดไฟตัดหมอกหน้า
เน้นการใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ ที่เอนกประสงค์ ขับขี่สะดวกสบายตามฉบับอีโคคาร์
ภายในมีการออกแบบชุดแผงคอนโซล ที่สวยงามลงตัว ออกแบบช่องเก็บของต่างๆ ที่มีมากขึ้นเพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลาย เริ่มต้นกันที่แผงคอนโซลหน้าดีไซน์ใหม่ตกแต่งด้วยดีไซน์เดินตะเข็บแบบรถสปอร์ต พร้อมชิ้นส่วนสีโครเมียมตัดกับสีสันของแผงคอนโซล พร้อมพวงมาลัยหุ้มหนังแบบมัลติฟังก์ชั่น สามารถควบคุมเครื่องเสียง เครื่องเล่นวิทยุ CD/MP3/WMA พร้อมช่อง USB/AUX และระบบ Bluetooth กับการดีไซน์ใหม่สีเปียโนแบล็กพร้อมตัวหนังสือเรืองแสงสีฟ้า ดีไซน์พื้นที่วางแก้วแบบ 2 ช่อง ที่มีขนาดค่อนข้างลึกสามารถวางแก้ว หรือขวดน้ำขนาดใหญ่ได้สบายๆ พร้อมไฟส่องสว่างสีฟ้าอ่อนในเวลากลางคืน ด้านมาตรวัดเรืองแสงดีไซน์ใหม่แบบ Optitron พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID แสดงผลขนาดใหญ่สามารถอ่านได้ง่ายดาย พร้อมกันนี้ยังมาพร้อมระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบ Push Start ห้องโดยสารด้านหลังกว้างขวาง เข้า-ออกได้ง่าย สะดวก เบาะพับแบบ 60:40 พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระท้ายขนาดใหญ่ ที่คาดว่าใหญ่ที่สุดในเซกเมนต์ตอนนี้
Toyota Yaris มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร 3NR-FE พร้อมเทคโนโลยี Dual VVT-I 4 สูบ DOHC ให้กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 86 แรงม้า
Toyota Yaris มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร 3NR-FE พร้อมเทคโนโลยี Dual VVT-I 4 สูบ DOHC ให้กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 86 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 108 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที โดดเด่นด้วยอัตราการบริโภคน้ำมันที่มาพร้อมความประหยัด รองรับการเติมน้ำมันถึง E20 พร้อมอัตราเร่งที่ไว้ใจได้ ในส่วนพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้าแบบ EPS มีการปรับจูนใหม่ เบาในช่วงความเร็วต่ำ และปรับหนักขึ้นเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูง ทำให้ควบคุมรถยนต์ได้ง่าย ขับขี่สบาย พร้อมความมั่นใจในทุกการขับขี่ อีกหนึ่งจุดเด่นก็คือ ระบบช่วงล่างกันสะเทือนด้านหน้าอิสระ แบบแมคเฟอร์สันสตรีท พร้อมเหล็กกันโคลง ระบบด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีม และคอยล์สปริงพร้อมเหล็กกันโคลง ปรับเซ็ตใหม่ หนึบ แน่น กระชับ ขับแรงได้ดีจนต้องยอมรับว่าระบบช่วงล่างใหม่เซ็ตมาดีมากทำให้การขับขี่มั่นใจแม้จะใช้ความเร็วสูงก็ตาม โดยรุ่นที่แนะนำของ Toyota Yaris ก็คือ Toyota Yaris รุ่นปี 2006 – 2015 โดยมีราคามือสองอยู่ที่ 156,000 – 400,000 บาท
Suzuki Swift เป็นรถอีโคคาร์อีกหนึ่งรุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
Suzuki Swift เป็นรถอีโคคาร์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ด้วยดีไซน์ที่พัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์ม HEARTECT ช่วยให้รถกระฉับกระเฉงมากยิ่งขึ้น และประหยัดน้ำมันมากขึ้นกว่าเดิม มาพร้อมกับดีไซน์สวยทันสมัย และจัดเต็มความสนุกในการขับขี่ด้วยสไตล์โดดเด่นบนเส้นทางที่แตกต่าง สำหรับ Suzuki Swift 2018 ยังเป็นรถยนต์หนึ่งเดียวที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ RJC Car of the Year 2018 จากการคัดเลือกโดยสถาบันนักวิจัยและผู้สื่อข่าวยานยนต์แห่งญี่ปุ่น หลังจากที่ 2 เจเนอเรชั่นก่อนได้รับรางวัลนี้มาแล้วในปี 2005 และ 2010 ตามลำดับ
*** ดูเพิ่มเติมราคา Suzuki Swift 2019 มือสองที่มีขายในประเทศไทย
ติดตั้งเครื่องยนต์บล็อกใหม่ รหัส K12M พร้อมเทคโนโลยีหัวฉีดคู่ Dualjet ใหม่ และยังผ่านค่ามาตรฐาน Euro 5 อีกด้วย
Suzuki Swift 2018 ได้ถูกพัฒนาให้ผ่านเกณฑ์มาตรฐานอีโคคาร์เฟสที่ 2 จึงมีการติดตั้งเครื่องยนต์บล็อกใหม่ รหัส K12M พร้อมเทคโนโลยีหัวฉีดคู่ Dualjet ใหม่ ซึ่งทำให้ละอองน้ำมันเชื้อเพลิงมีความละเอียดมากขึ้น พร้อมกับเทคโนโลยี EGR ที่นำเอาไอเสียมาหมุนเวียนเพื่อเผาไหม้อีกครั้ง ทำให้ Swift 2018 มีอัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 23 กม./ลิตร ตามมาตรฐานการทดสอบ UN R101 พร้อมทั้งผ่านค่ามาตรฐานไอเสียระดับ Euro 5 ด้วย ให้กำลังสูงสุดอยู่ที่ 83 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 108 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 รอบต่อนาที ส่งกำลังไปยังล้อคู่หน้าด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT ลูกใหม่ ซึ่งทำให้ไม่มีอาการเกียร์กระตุกในย่านความเร็วต่ำ รวมถึงสามารถรองรับเชื้อเพลิงทางเลือกสูงสุด E20 เสริมด้วยช่วงล่างด้านหน้าของ Suzuki Swift 2018 เป็นแบบแม็กเฟอร์สันสตรัท พร้อมคอยล์สปริง ด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีมและคอยล์สปริง นอกจากนี้ ยังมีจุดเด่นอยู่ที่การติดตั้งระบบเบรกแบบดิสก์ทั้ง 4 ล้อ ไม่ใช่แค่รุ่นใหม่เท่านั้นที่จะมีสมรรถนะการใช้งานที่ดี แต่รุ่นปีเก่าก็ทำได้ดีไม่แพ้กันเลยทีเดียว สำหรับ รถยนต์มือสอง Suzuki Swift รุ่นที่แนะนำก็คือ Suzuki Swift ปี 2011 – 2015 โดยอยู่ในราคามือสองที่ 180,000 – 400,000 บาท
Ford Fiesta อีกหนึ่งรุ่น City Car ที่น่าใช้งาน มาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่ทันสมัย โฉบเฉี่ยวในทุกมุมมอง
Ford Fiesta เปิดตัวในปี 2010 ถือเป็นหนึ่งใน City Car ที่น่าใช้ และมาอรงอย่างมากเลยทีเดียว ด้วยดีไซน์ที่แตกต่างอันเป็นเอกลักษณ์ ด้วยรูปลักษณ์ที่ล้ำสมัยทั้งภายนอก และภายใน แต่ในรุ่นแรกที่เปิดตัวกลับทำผลงานได้ไม่ดีเท่าที่ควรด้วยระบบเกียร์ที่ไม่เหมาะกับการใช้งานในเมืองไทย แต่ในปี 2013 Ford Fiesta ได้เปิดตัวโฉมไมเนอร์เชนจ์โดยได้มีการตัดรุ่นย่อยที่เป็น 4 ประตูซีดานออกไป เหลือไว้แค่ในโฉม Hatchback 5 ประตูเท่านั้น รวมไปถึงประเภทเครื่องยนต์ 1.0L Ecoboost และเครื่องยนต์ 1.6 ก็ถูกตัดออกไปเช่นกัน เหลือไว้ก็แต่เครื่องยนต์ 1.5L โดยยังคงจับคู่กับเกียร์ในตำนาน Power Shift
ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5L Duratec แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว รองรับน้ำมันสูงสุดประเภท E85
ภายนอกได้มีการปรับโฉมให้ดูน่าสนใจด้วยกระจังหน้าที่หรูหรา พร้อมโคมไฟหน้าเป็นแบบ LED ที่มาพร้อมไฟวิ่งกลางวันพร้อมไฟตัดหมอก ในส่วนของเส้นสายตัวรถไม่แตกต่างจากโฉมปี 2010 มากนัก แต่ลงตัวเมื่อมองที่ด้านข้าง โดดเด่นสวยงามด้วยขอบประตูโครเมียม และล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว นอกจากนี้ยังมีไฟส่องสว่างข้างตัวรถมาให้ด้วย สปอร์ตยิ่งขึ้นกับสเกิร์ตรอบคัน ภายใน Ford Fiesta สามารถตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ และความสะดวกสบายครบทุกมิติโทนการตกแต่งด้วยสีดำลงตัวที่สุดกับเบาะนั่งที่ใช้วัสดุเป็นผ้ากึ่งหนังทรงสปอร์ตสีดำ คอนโซลกลางยังใช้ดีไซน์เดิม เสริมด้วยพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มด้วยหนังเช่นเดียวกับหัวเกียร์ กุญแจรีโมทอัจฉริยะ Keyless Entry และปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติเพิ่มความสะดวกได้มากกว่า แค่ตัวกุญแจอยู่กับตัว ก็เปิดรถและพร้อมออกสตาร์ทได้ทันที
สำหรับประเทศไทยตั้งแต่ปี 2019 Ford Fiesta จะยกเลิกการทำตลาดในประเทศไทย ทำให้เหลือแต Ford Fiesta ในตลาดมือสองเท่านั้น
ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5L Duratec แบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ที่มาพร้อมระบบวาล์วแปรผัน Ti-VCT รีดแรงม้าออกมาได้สูงสุด 112 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 140 Nm จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Power Shift Dual Clutch 6 Speed พร้อม Eco Mode รองรับน้ำมันสูงสุดประเภท E85 เบรกด้านหน้าเป็นดิสก์เบรก ส่วนด้านหลังเป็นดรัมเบรก ความพิเศษของ Ford Fiesta ก็คือโฉมปัจจุบันจะเป็นรุ่นสุดท้ายที่วางจำหน่ายในประเทศไทย โดย Ford จะทำตลาดเพียงแค่กลุ่มรถกระบะ และรถ SUV เท่านั้น และสำหรับ Ford Fiesta มือสองรุ่นที่แนะนำก็คือ Ford Fiesta รุ่น 2013 -2015 โดยมีราคามือสองอยู่ที่ 125,000 – 399,000 บาท
Nissan March คือ อีโค่คาร์แบบ Hatchback ที่ทำให้ตลาดรถกลุ่มนี้เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
จากการรีวิว Nissan March รูปยนต์นั่งในรูปแบบ Hatchback ขนาดเล็ก เป็นรถรุ่นแรกที่ทำตลาดอีโคคาร์ในประเทศไทย โดยเปิดตัวครั้งแรกในปี 2010 มาพร้อมกับดีไซน์ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่ลงตัวตามไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน พร้อมความลงตัวในอุปกรณ์ภายนอกทำให้ดีไซน์ขอองรถยนต์รุ่นนี้ดูไม่เก่ามากนัก ด้วยกระจังหน้าทรง V-Shape เสริมด้วยไฟหน้าใหม่แบบทูโทน ผสานโครเมียมภายในโคม และเพิ่มไฟวิ่งกลางวัน Daytime Running แบบไดมอนด์บริเวณด้านล่างที่จุดบริเวณไฟตัดหมอกเป็นทรงโค้งรับกับช่องลมกันชนช่วยทำให้รถดูดียิ่งขึ้น ไฟหลังให้มาเป็นแบบ LED สวยทันสมัย กันชนหน้า-หลังออกแบบใหม่สื่ออารมณ์ถึงความ Minimal ลดเส้นตัดเส้นโค้งที่ด้านหน้าเรียบแต่ดูดี ไม่มากแต่ดูน่าสนใจ ด้านหลังกันชนถูกเพิ่มลูกเล่นเพื่อความปราดเปรียว มาพร้อมล้อเหล็กขนาด 14 นิ้วรัดด้วยยางขนาด 165/70/14 ทุกรุ่นย่อย
ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.2L รหัส HR12DE 3 สูบแถวเรียง DOHC 12 วาล์ว ให้กำลังสูงสุดที่ 79 แรงม้า
มาพร้อมกับที่เก็บสัมภาระแบบกว้างขวาง
ภายในมาพร้อมกับกับการตกแต่งด้วยโทนสีดำ ตัดด้วยสีเงินเล็กน้อยที่แผงแดชบอร์ดหน้า พวงมาลัยยูรีเทนปรับสูง-ต่ำได้ ระบบเครื่องเสียงให้มารองรับทั้ง CD, MP3 ครบครันทุกการเชื่อมต่อไม่ว่าจะเป็น USB, AUX ให้เบาะผ้าสีดำพร้อมลวดลายกราฟิกตรงกลาง ในขณะที่เบาะแถวหลังเป็นแบบแยกปรับพับได้เพื่ออำนวยความสะดวกในเรื่องการเก็บสัมภาระ แม้ว่าภายนอกของ Nissan March จะดูเป็นรถยนต์ขนาดเล็ก แต่ให้ความจุภายในมาเยอะไม่แพ้รุ่นอื่นเลยทีเดียว ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.2L รหัส HR12DE 3 สูบแถวเรียง DOHC 12 วาล์ว พร้อมหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์มัลติพอยท์ ECCS แรงม้าสูงสุดอยู่ที่ 79 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 106 Nm ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ XTRONIC แบบ CVT พร้อมระบบเกียร์ Sub-Planetary และยังมีแบบเกียร์ธรรมดา 5 Speed ให้เลือกด้วยสำหรับรุ่นย่อยรองลงมา โดย Nissan March มือสองรุ่นที่แนะนำก็คือ Nissan March รุ่นปี 2013 -2018 โดยมีราคามือสองอยู่ที่ 149,000 – 400,000 บาท
ดูเพิ่มเติม
>> 4 เรื่องน่ารู้ของ Toyota Yaris จ้าวแห่งรถยนต์อีโคคาร์
>> เจาะลึกดีไซน์ Toyota Corolla 2019 ทุกรุ่น ...รุ่นไหนเด่นที่สุด?!!
ดูเหมือนว่าตลาดรถกลุ่ม Hatchback จะเติบโตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สังเกตได้จากการเปิดตัวรุ่นรถยนต์ใหม่ๆ ที่มี Hatchback เป็นทางเลือกอยู่เสมอ
เรียกว่าคุ้มค่า และน่าใช้ในราคาไม่แพงเลยทีเดียวนะคะ สำหรับรถยนต์นั่งแบบ Hatchback ที่ได้แนะนำไปทั้ง 5 รุ่นโดยมีราคาไม่เกิน 400,000 บาท หากเพื่อนๆ สนใจซื้อรถยนต์มือสองสามารถเข้ามาดูได้ที่ Chobrod.com นะคะ
ติดตามข่าวสารรถยนต์ คลิกที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดี เชิญเข้าดูที่ตลาดรถตรงนี้