หากจะซื้อรถมือสองสักคัน ทำไมถึงควรเลือก Honda Jazz

Honda Jazz เปิดตัวด้วยแนวคิด The Power of Dream ในสไตล์ Hatchback เอนกประสงค์ 5 ที่นั่ง

Honda Jazz เปิดตัวมาด้วยแนวคิด The Power of Dream ด้วยรูปลักษณ์ของรถยนต์ในสไตล์ Hatchback เอนกประสงค์ 5 ที่นั่ง ที่มาพร้อมกับดีไซน์เรียบเท่ สมรรถนะที่แรง เหมาะสำหรับการขับขี่ทั้งในเมือง และนอกเมือง นั่นจึงทำให้ Honda Jazz ติดอันดับรถน่าใช้มาอย่างยาวนาน ซึ่งนอกเหนือจากรูปลักษณ์ และสมรรถนะแล้วยังมีอีกหลากหลายเหตุผลที่ทำให้ Honda Jazz ได้รับความนิยม จะมีอะไรบ้าง มาดูกันเลยค่ะ

Honda Jazz มาพร้อมกับดีไซน์สวยงาม และความสบายในการนั่ง

1. Honda Jazz มาพร้อมกับดีไซน์สวยงาม และความสบายในการนั่ง

Honda Jazz รุ่นมาตรฐานโดยปกติจะมีขนาดอยู่ที่ความยาว 3,989 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,695 มิลลิเมตร ความสูง 1,525 มิลลิเมตร ระยะฐานล้ออยู่ที่ 2,530 มิลลิเมตร และระยะความสูงใต้ท้องรถอยู่ที่ 135 มิลลิเมตร (ทั้งหมดนี้เป็นค่าเฉลี่ยของขนาดตัวรถ) ซึ่งถือว่ามีความกว้าง และขนาดที่กำลังดี ในขณะที่ภายนอกมาพร้อมกับดีไซน์โฉบเฉี่ยว เน้นเส้นสายที่สร้างมิติให้ตัวรถ จากกระจังหน้า ไปจนถึงช่วงท้ายของรถ เพิ่มความสปอร์ตมากยิ่งขึ้นด้วยกรัจังหน้าสีดำ Gloss Black, ชุดโคมไฟหน้าที่เพรียวรับกับตัวรถ พร้อมไฟ LED Day Light, ชุดกันชนดีไซน์สปอร์ต ซึ่งรับกับตัวถังรถที่เส้นสายดูสปอร์ต สอดรับกับเบาะนั่ง ดีไซน์ใหม่ตกแต่งด้วยด้ายสีส้ม ที่ทุกอย่างดูลงตัว

ดูเพิ่มเติม
>> Honda HR-V Sport 1.5 Turbo วางจำหน่ายแล้วที่อังกฤษ !
>> Honda Jazz Ge ความคุ้มค่าในราคาไม่เกิน 500,000 บาท

Honda Jazz มีความเอนกประสงค์มากกว่ารถรุ่นอื่นในคลาสเดียวกัน

2. Honda Jazz สุดยอดรถเอนกประสงค์ ที่ให้มากกว่ารถรุ่นอื่นในคลาสเดียวกัน

ด้วยการออกแบบภายในที่ลงตัว ผ่านการออกแบบเบาะที่พับได้แบบ UTILITY MODE พื้นที่เก็บของด้านหลังได้มากถึง 906 ลิตรที่สามารถขนจักรยานไซส์ใหญ่อย่างไม่ยากเย็น นอกจากนี้เบาะของ Honda Jazz (เฉพาะรุ่นใหม่) สามารถพับได้หลากหลาย สามารถยกฐานเบาะขึ้นหากต้องการขนของที่มีความสูง และสามารถใช้ Long Mode ที่มีความยาวจากท้ายรถถึงคอนโซลหน้า 2,480 มิลลิเมตร เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายสไตล์ Honda Jazz จึงเป็นรถยนต์คลาสบีที่มีความเอนกประสงค์มากกว่ารุ่นอื่นในคลาสเดียวกัน และยังเหนือกว่ารถยนต์กลุ่ม C-Segment บางรุ่นอีกด้วย

มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ขับในเมืองก็ประหยัด ขับทางไกลก็สบาย

3. Honda Jazz มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ขับในเมืองก็ประหยัด ขับทางไกลก็สบาย

Honda Jazz มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร แบบซิงเกิ้ลโอเวอร์เฮดแคมซาฟท์ (SOHC) ขนาด 4 สูบ 16 วาล์ว i-VTEC พร้อมระบบจ่ายนำมันเชื้อเพลิงหัวฉีดมัลติพอยท์ PGM-FI ให้กำลังสูงสุด 117 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที มีแรงบิดสูงสุด 146 นิวตันเมตรที่ 4,700 รอบต่อนาที มาพร้อมระบบส่งกำลังด้วยเกียร์ CVT ที่เงียบลื่นเครื่องแรงไม่ตก จะขึ้นเขา ลงดอย ก็ไม่หวั่น เร่งแซงได้โดยไม่ต้องลุ้น นอกจากนี้ยังให้อัตราสิ้นเปลืองได้อย่างยอดเยี่ยมที่ 16.7 กิโลเมตรต่อลิตรที่สำคัญรองรับเชื้อเพลิงทางเลือกสูงสุดถึงแก๊สโซฮอลล์ E20

มีให้เลือกทั้งรุ่นเกียร์อัตโนมัติ และเกียร์ธรรมดา

4. Honda Jazz มีให้เลือกทั้งเกียร์อัตโนมัติ และเกียร์ธรรมดา

การที่ Honda Jazz มีเกียร์ธรรมดามีข้อดี คือ ช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้มากยิ่งขึ้น, ให้อัตราเร่งที่ดี, บำรุงรักษาง่าย และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า และขับได้สนุกมากกว่า แต่ก็มีข้อเสียเหมือนกันหากต้องขับรถในกรุงเทพฯ ตรงที่ต้องคอยเลี้ยงคลัชต์อยู่ตลอด ซึ่งหากขับ Honda Jazz เกียร์ธรรมดาที่ต่างจังหวัด หรือในจังหวัดที่รถยนต์ไม่ค่อยติดการขับรถเกียร์ธรรมดาก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป

ที่นั่งกว้างขวาง พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกแบบรถซีดาน

5. Honda Jazz นั่งสะดวก ขับขี่สบายให้ความรู้สึกคล้ายกับรถซีดาน

ด้วยขนาดของตัวถังที่ให้มากว้าง ทำให้การนั่งโดยสารใน Honda Jazz สบายมากยิ่งขึ้น อีกทั้งให้การขับขี่ที่สะดวกให้ความแตกต่างไม่ต่างจากรถซีดานเลยทีเดียว จากการใช้ชุดพวงมาลัย แร็ค แอนด์ พิเนียน พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า (EPS) และโครงสร้างพื้นฐานทั้งช่วงล่างกันสะเทือนหน้าแม็กเฟอร์สัน สตรัท อิสระ พร้อมเหล็กกันโคลง กันสะเทือนหลังทอร์ชั่นบีมแบบ H-shape ช่วยให้รถยนต์มีความแน่นหนึบเกาะถนน รวมถึงขับขี่ในเมืองอย่างคล่องตัว

ข้อดีของ Honda Jazz มีอยู่มากมาย

สรุปได้ว่า Honda Jazz มีข้อดีอยู่ที่

• แม้จะอยู่ใน B-Segment แต่ก็ให้การประหยัดน้ำมันพอๆ กับอีโค่คาร์อย่างน่าประทับใจ
• เครื่องแรง มีอัตราเร่งที่ดี รองรับได้สูงสุดถึงแก๊สโซฮอลล์ E20
• มีการพัฒนารูปทรงของตัวถังที่ออกแบบได้อย่างลงตัว ไม่ตกยุค
• ภายในกว้างขวางและโล่งสบาย กว่าคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัด
• พับเบาะได้เรียบ และหลายได้หลายรูปแบบ ให้ความสะดวกสบายต่อการบรรทุกของในปริมาณที่มาก
• ราคาขายไม่ตก เป็นรถที่ตลาดมีความต้องการ ค่าบำรุงรักษาไม่แพง
• ศูนย์บริการ Honda ได้มาตรฐาน และการให้บริการที่ดีเยี่ยม

Honda Jazz เมื่อมีข้อดีก็ต้องมีข้อเสีย

ในขณะที่มีข้อเสียตรงที่

• ช่วงเข้าโค้ง มีความแกว่ง ยังไม่เสถียรเท่าไหร่
• ปัญหาคอนโซลดัง ที่อาจจะเกิดจากการประกอบหรือภายใน
• ช่วงล่างที่เกาะถนนได้ดีทำให้ค่อนข้างมีความยืดหยุ่นน้อย และแข็งกระด้าง โดยเฉพาะที่นั่งโดยสารด้านหลัง ขาดความนุ่มนวลในขณะขับขี่
• Honda Jazz รุ่นเก่าออกแบบด้วยความเรียบง่ายทำให้อุปกรณ์เสริมดูไม่ทันสมัย และโฉบเฉี่ยวน้อยกว่ารถคู่แข่ง

หากต้องการซื้อรถ Honda Jazz มือสองในรุ่นปี 2009 – 2015 ตลาดรถมือสองจะมี Honda Jazz มือสองราคาเท่าไหร่บ้างมาดูกันเลยค่ะ

Honda Jazz 2009 - 2011 ราคามือสอง 145,000 - 490,000 บาท

Honda Jazz 2009 - 2011 เป็นเจนเนอเรชั่นที่ 2 ของตระกูล

Honda Jazz 2012 ราคามือสอง 199,000 - 490,000 บาท

Honda Jazz 2012 เป็นรุ่นเปิดตัวของเจนเนอเรชั่นที่ 3

Honda Jazz 2013 ราคามือสอง 299,000 - 525,000 บาท

Honda Jazz 2013 จะมีความใกล้เคียงกับรุ่นปี 2012 อยู่

Honda Jazz 2014 ราคามือสอง  325,000 - 639,000 บาท

Honda Jazz 2014 เป็นรุ่นปรับโฉมใหม่ไมเนอร์เชนจ์

Honda Jazz 2015 ราคามือสอง 270,000 - 688,000 บาท

Honda Jazz 2015 ยังคงมาในรูปลักษณ์ดียวกับรุ่นปี 2014 และเป็นรุ่นสุดท้ายของเจนเนอเรชั่น 3 อีกด้วย

ดูเพิ่มเติม
>> Honda City มือสองน่าซื้อหรือไม่?!!
>> ซื้อ Honda CR-V มือสอง รุ่นไหนดีที่คุ้มค่าและราคาโดนใจ ?

เรียกได้ว่าคุ้มค่า คุ้มราคามากเลยนะคะ สำหรับ Honda Jazz คันนี้ เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับการขับขี่ทั้งในเมือง และนอกเมือง จะผู้หญิง หรือผู้ชายขับก็เหมาะทั้งนั้น เพราะด้วยความที่เป็นรถขนาดเล็กขับง่าย ขับสบาย อำนวยความสะดวกทั้งในการขับขี่ และขนสัมภาระ อีกทั้งยังประหยัดน้ำมันได้ดีทีเดียว หากใครสนใจ รถยนต์มือสอง Honda Jazz  อย่าลืมเข้ามาดูที่ตลาดรถ Chobrod.com นะคะ

ติดตามข่าวสารรถยนต์ คลิกที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดี เชิญเข้าดูที่ตลาดรถตรงนี้