เทคนิคง่ายๆ! กับวิธีการเช็คแบตเตอรี่รถยนต์มือสองก่อนออกเดินทาง เพื่อความปลอดภัย!

เทคนิคง่ายๆ! กับวิธีการเช็คแบตเตอรี่รถยนต์มือสองก่อนออกเดินทาง

พูดถึงแบตเตอรี่ เราก็มักจะเปรียบเหมือนกับอุปกรณ์สำคัญอีกชิ้นหนึ่งที่เป็นตัวทำให้รถยนต์สามารถขับบนท้องถนนได้อย่างปลอดภัย และไร้ปัญหาดับๆ ติดๆ หลายคนที่เลือกซื้อรถยนต์มือสองมาแล้วนั้น มีบ้างที่หลายคนลืมตรวจเช็คก่อนที่จะออกเดินทาง จนทำให้พบกับปัญหาที่กวนใจที่น่ารำคาญยิ่งเมื่อเราอยู่บนท้องถนนนั่นเองค่ะ โดยการตรวจสอบแบตเตอรี่ก่อนออกเดินทางนั้นเป็นสิ่งที่เพื่อนๆ ควรทำเป็นอย่างยิ่งนะคะ เพื่อความปลอดภัยในการเดินทางของเพื่อนๆ ด้วย สำหรับขั้นตอนง่ายๆ ในการตรวจแบตเตอรี่รถยนต์มือสองก่อนเดินทางจะมีรายละเอียด ดังนี้

ดูเพิ่มเติม
>> รวมรถยนต์เปิดตัว 2018-2019 ค่ายไหนมีอะไรใหม่ ตื่นตาตื่นใจ ไปดูกัน !
>> ทำความเข้าใจง่ายกับการใช้พลังงาน Diesel B20 ของภาครัฐ

แบตเตอรี่รถยนต์มีหลายประเภท เราจึงต้องศึกษาให้ดี

• ควรเช็คแบตเตอรี่รถยนต์มือสองของเพื่อนๆ ว่ามีอายุการใช้งานมานานเท่าไหร่แล้ว?

รถยนต์มือสองมักจะมีการใช้งานที่ไม่เท่ากันในแต่ละคัน อายุของรถยนต์จะไม่สามารถระบุอายุของแบตเตอรี่ภายนในรถยนต์มือสองได้นะคะ ซึ่งโดยปกติรถยนต์มือสองเมื่อเราซื้อมาแล้วจะพบว่าแบตเตอรี่หมดไวมากกว่าซื้อรถยนต์มือหนึ่งเสียอีก นั่นเป็นเพราะว่าอายุของแบตเตอรี่รถยนต์เองมีอายุการใช้งานที่ค่อนข้างจำกัด เราจึงต้องดูให้ดีว่าแบตเตอรี่ภายในรถยนต์ของเราใช้มานานเท่าไหร่แล้ว ถ้าหากอายุแบตเตอรี่รถยนต์มือสอง ยังไม่ถึง 12 เดือน โอกาสที่แบตเตอรี่จะเสื่อมเสียจะเป็นไปได้น้อยมาก ถ้าหากแบตเตอรี่รถยนต์มือสองมีอายุ 12 – 24 เดือน เพื่อนๆ ต้องลองเช็คที่ระดับน้ำกลั่น และให้สังเกตดูว่ารถยนต์มือสองที่เราซื้อนั้นเริ่มมีอาการสตาร์ทติดยากหรือไม่ค่ะ

เช็คระดับน้ำกลั่นก่อนออกเดินทางทุกครั้ง

• ก่อนออกเดินทาง อย่าลืมเช็คระดับน้ำกลั่น ว่าลดลงไหม และศึกษาให้ดีว่าแต่ละประเภทของแบตเตอรี่รถยนต์มีระยะเวลาในการดูแลน้ำกลั่นอย่างไรบ้าง

รถยนต์แต่ละคันจะมีแบตเตอรี่รถยนต์ที่แตกต่างกันออกไป เวลาเพื่อนๆ เช็คถ้าหากแบตเตอรี่เป็นแบบน้ำควรตรวจเช็คทุกๆ 1 เดือน ถ้าหากแบตเตอรี่เป็นแบบไฮบริด ควรตรวจเช็คน้ำกลั่น ทุกๆ 6 เดือน และถ้าหากเป็นแบตเตอรี่แบบกึ่งแห้ง ควรตรวจเช็คน้ำกลั่นหลังจาก 12 เดือนไปแล้วค่ะ

ตาแมว ของแบตเตอรี่รถยนต์

• รู้ไหมว่า เวลาเช็คสุขภาพของแบตเตอรี่รถยนต์มือสอง สามารถเช็คผ่านตาแมวของแบตเตอรี่ได้

ข้อนี้หลายคนที่เป็นมือใหม่อาจยังไม่ทราบว่าตาแมวของแบตเตอรี่นรถยนต์นั้นสามารถตรวจเช็คสุขภาพของแบตเตอรี่ได้ด้วย ซึ่งในปัจจุบันแบตเตอรี่ในรถยนต์เกือบทุกแบบ และแทบทุกยี่ห้อ จะมีช่องตาแมวไว้เช็คสภาพแบตเตอรี่เบื้องต้นได้ โดยตาแมวเหล่านี้จะติดไว้ให้ผู้ใช้สามารถเช็คสภาพแบตเตอรี่ได้โดยง่ายนั่นเองค่ะ โดยความหมายของตาแมวแต่ละชนิดจะมีความหมายดังนี้ค่ะ

รูปแบบต่างๆ ของตาแมวแบตเตอรี่

• แบบแบตเตอรี่ ที่ใช้ตาแมว เป็นสี เขียว ขาว แดง : ถ้ามีสีเขียว แสดงว่า แบตเตอรี่ลูกนั้นๆ ยังมีกระแสไฟ เต็มปกติ, สีขาว แสดงว่า แบตเตอรี่ลูกนั้นๆ กระแสไฟอ่อน ควรนำไปชาร์จไฟเพิ่ม และสีแดง แสดงว่า แบตเตอรี่ มีระดับน้ำที่น้อยลง ต้องเติมน้ำกลั่นเพิ่ม
• แบตเตอรี่ ที่ใช้ตาแมว เป็นสี น้ำเงิน ขาว แดง : ถ้ามีสีน้ำเงิน แสดงว่า แบตเตอรี่ยังมีกระแสไฟ เต็มปกติ, สีขาว แสดงว่า แบตเตอรี่มีกระแสไฟอ่อน ควรนำไปชาร์จไฟเพิ่ม และสีแดง แสดงว่า แบตเตอรี่มีระดับน้ำน้อยลง ต้องเติมน้ำกลั่นเพิ่มเติม
• แบตเตอรี่ ที่ใช้ตาแมว เป็นสี เขียว ขาว ดำ : ถ้ามีสีเขียว แสดงว่า แบตเตอรี่ยังมีกระแสไฟ เต็มปกติ, สีขาว แสดงว่า แบตเตอรี่เสียแล้ว และสีดำ แสดงว่ามีกระแสไฟอ่อนควรนำไปชาร์จไฟเพิ่ม

ก่อนออกเดินทางอย่าลืมเช็คแบตเตอรี่รถยนต์มือสองเป็นพิเศษ เพื่อความปลอดภัย

เป็นอย่างไรบ้างค่ะ กับเทคนิคง่ายๆ เกี่ยวกับวิธีการตรวจเช็คแบตเตอรี่รถยนต์มือสองก่อนออกเดินทาง ที่นำมาฝากกันในวันนี้ เพื่อนๆ ที่กำลังใช้รถยนต์มือสองอยู่การตรวจเช็คแบตเตอรี่เป็นสองที่ต้องทำอย่างยิ่งก่อนออกเดินทางเลยนะคะ เพราะเป็นรถยนต์ที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว ยุการใช้งานของแบตเตอรี่อาจหมดโดยที่เราไม่ทราบเลยก็ได้ ทั้งนี้ เทคนิคเล็กๆ ที่นำมาฝากเพื่อนๆ กันในวันนี้ ทางตลาดรถยนต์ Chobrod.com หวังเป็นอย่างยิ่งเลยว่าจะมีประโยชน์ให้กับเพื่อนๆ ที่ขับรถยนต์มือสอง หรือกำลังตัดสินใจซื้อรถยนต์มือสองกันนะคะ

ดูเพิ่มเติม
>> ฟังจากปากช่าง ... เรื่องของรถยนต์ที่คนไทยมักจะสนใจคืออะไร ?
>> พาส่องรถกระบะรุ่นพิเศษที่ได้แรงบันดาลใจจาก Lego โดย Chevrolet!!

คราวหน้ายังมีความรู้มาฝากเพื่อนๆ กันอีก ฝากติดตามที่ตลาดรถ Chobrod แห่งนี้กันด้วยนะคะ

ติดตามข่าวสารรถยนต์ เชิญที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดี เชิญเข้าดูที่ตลาดรถตรงนี้