Chobrod พาไปเปิดกระโปรงหน้า 5 รถรุ่นนิยมในตลาดรถบ้านเรา หาคำตอบการกินน้ำมัน มันกินจุกินน้อยแค่ไหน
น้ำมันเเพงเราไม่ต้องกลัว มี 5 รถรุ่นฮิตใน “ตลาดรถ” ประหยัดน้ำมันที่สุด
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะทำให้คนสนใจกับการเลือกซื้อรถยนต์คันใหม่ หนึ่งในเหตุผลคงหนีไม่พ้นว่ารถยนต์คันนั้น "ประหยัดน้ำมัน" มากน้อยแค่ไหน เพราะเราต้องยอมรับว่าปัญหาราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในบ้านเราหรือแม้แต่ทั่วโลกก็ตามมันค่อนข้างจะพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ขณะเดียวกันผู้คนทั้งโลกก็ต้องมีความจำเป็นในการเดินทางด้วยการใช้ "รถยนต์" ดังนั้น น้ำมันจึงเป็นเรื่องที่ต้องคำนึง
ประกอบกับทิศทางการใช้รถยนต์ไฟฟ้าก็ยังไม่กระจายครอบคลุมในหลายๆ ประเทศ และรวมถึงประเทศไทยด้วยเช่นกัน ที่ตลาดรถในกลุ่มนี้ยังคงไม่ได้รับความนิยมมากนักแม้จะอยู่ในช่วงการกระตุ้น พัฒนา ในทิศทางของรถยนต์ไฟฟ้าเองก็ตาม มันจึงทำให้หากใครที่จะเลือกซื้อเลือกหารถยนต์คันใหม่ในตลาดรถบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์มือหนึ่งป้ายแดง หรือรถยนต์มือสองใช้แล้วก็ตาม ก็ยังคงมีตัวเลือกส่วนใหญ่คือรถยนต์น้ำมันเชื้อเพลิงอยู่
ไปดูกันว่า 5 รถยนต์รุ่นฮิตทั้งในตลาดรถไทยและตลาดรถเมืองนอก โรงงานผลิตแต่ละรุ่นเคลมการกินน้ำมันไว้เท่าไหร่
ดังนั้น เพื่อเป็นการค้นหาว่ารถยนต์แบรนด์ไหน รุ่นใดบ้าง ที่ใช้แล้วประหยัด มีอัตราการสิ้นเปลืองที่พอจะ "รับได้" โดยเฉพาะกับรถรุ่นนิยมของตลาดผู้บริโภคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทั้งโตโยต้า ฮอนด้า หรือมิตซูบิชิเองก็ตาม รถยนต์รุ่นไหนบ้างที่ใช้แล้วประหยัดน้ำมันมากกว่ากัน Chobrod จึงขอนำเสนอเป็นข้อมูลให้ผู้อ่านได้พิจารณา ไปเริ่มกันได้เลย
รุ่นแรกที่ขอนำเสนอคือ Mitsubishi Mirage โดยเฉพาะกับตัว Attrage ที่เปิดขายในตลาดรถเราไปเมื่อปี 2017 แลยังคงเป็นเครื่องยนต์บล็อกเดียวกันนี้ที่ขายในปัจจุบัน นั่นคือ เครื่องยนต์เบนซินแบบ 4 สูบ MIVEC ความจุ 1.2 ลิตร ให้สมรรถนะสูงสุด 78 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมระบบ INC (Idle Neutral Control) ที่ตัดระบบส่งกำลังไปยังเพลาขับอัตโนมัติในขณะที่รถยนต์หยุดนิ่ง และเหยียบเบรคในตำแหน่งเกียร์ D ช่วยลดภาระการทำงานของเครื่องยนต์ ซึ่งผลนี้เองมันทำให้การกินน้ำมันของเจ้า Mitsubishi Mirage ค่อนข้างต่ำมากทีเดียว โดยโรงงานเคลมเอาไว้ว่ามันกินน้ำมันอยู่ที่ 23.3 กิโลเมตรต่อลิตร เท่านั้นสำหรับตัว Attrage และ ตัว Mirage จะกินน้ำมันที่ 23.8 กิโลเมตรต่อลิตร ซึ่งถือว่าต่ำอย่างมากทีเดียว
หากสนใจราคารถมือสอง Mitsubishi Mirage ดูได้ที่นี่
Mitsubishi Mirage และ Attrage ตัวเล็กกินน้อย และเดินทางได้ไกลขึ้น
ตัวนี้อยากจะนำเสนอเพราะสำหรับหากเราว่ากันเฉพาะตัวใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเข้าตลาดรถได้ไม่นาน ทั้ง 4 เครื่องยนต์ของ Toyota Corolla เวอร์ชั่นตลาดรถต่างประเทศและก็อาจจะเข้ามาในประเทศในบางรุ่นด้วย และสำหรับรถรุ่นนี้ก็มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด เริ่มจากตัว 1.เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบชาร์จ 1.2 ลิตร มีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยอยู่ที่ 19.2 กิโลเมตรต่อลิตร ซึ่งเครื่องยนต์บล็อกนี้ จะให้กำลังสูงสุดที่ 114 แรงม้า แต่ก็ไม่ชัดเจนว่าจะเข้ามาเมืองไทยหรือไม่ 2. เครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตร ที่จะใส่ไว้ในตัวรุ่นซีดานที่คาดหมายว่าจะเป็น Toyota Corolla ที่เข้าไทย และสำหรับเจ้าเครื่องยนต์ตัวนี้จะมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ 18.2 กิโลเมตรต่อลิตร 3.เครื่องยนต์ไฮบริด 1.8 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า ตัวเครื่องยนต์บล็อกนี้ของ Toyota Corolla น่าสนใจทีเดียว เพราะด้วยระบบส่งกำลังไฟฟ้าของมอเตอร์ที่เสริมแรงเข้ามา มันก็ช่วยให้อัตราการสิ้นเปลืองลดลงไปอีก โดยกินน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่แค่ 30.3 กิโลเมตรต่อลิตรเท่านั้น ขณะที่สำหรับ 4..เครื่องยนต์ไฮบริด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 180 แรงม้า จะกินมากหน่อยแต่ก็ไม่มากเกินไปเพราะมีอัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ราว 27 กิโลเมตรต่อลิตร
หากสนใจราคารถมือสอง Toyota Corolla ดูได้ที่นี่
Toyota Corolla ถ้าเป็นตัวไฮบริดแล้วล่ะก็ รับรองเดินทางได้ไกลมากขึ้น
กระนั้นก็ตาม สำหรับรุ่นที่วิ่งกันอยู่ในท้องถนนเมืองไทย ซึ่งแน่นอนว่าในตระกูลนี้ของโตโยต้า ย่อมต้องเป็นเจ้า Toyota Corolla Altis โดยปัจจุบันพบว่ามันมีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยอยู่ที่ 15-16 กิโลเมตรต่อลิตร ซึ่งทั้งในกลุ่มเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.6 ลิตร และตัวเครื่องยนต์ 1.8 ลิตรเองเหมือนกัน
เมื่อเอ่ยถึงโตโยต้า ก็จะไม่เอ่ยถึงค่ายคู่แข่งอย่างฮอนด้าเพื่อเปรียบเทียบก็คงผิดถนัด และแน่นอนว่าเราจะต้องเทียบกันกับ Honda Civic sedan 1.5L เท่านั้น สำหรับตัวนี้เป็นเรือธงของฮอนด้าที่ฮิตไม่น้อยในตลาดรถบ้านเรา และสาเหตุที่เราเลือกรุ่นนี้มาเปรียบเทียบก็เพราะมันถูกเปิดตัวสู่ตลาดรถเมื่อปี 2016 หรือเป็นโฉมใหม่ล่าสุดที่วิ่งบนถนนก่อนจะมีการเปิดตัวใหม่ในปีนี้สำหรับเป็นตัวลุยตลาดรถ 2020 และมันก็ทำให้คอรถยนต์มองว่าสวยงามดีทีเดียว อีกทั้งความนิยมยังรวมไปถึงตลาดต่างระเทศด้วยเหมือนกัน โดยมันใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร และมีอัตราการกินน้ำมันทีดีอยู่ไม่น้อย โดยมีอัตราเฉลี่ยอยู่ที่ 16.33 กิโลเมตรต่อลิตร
หากสนใจราคารถมือสอง ฮอนด้า ซีวิค 2021 ดูได้ที่นี่
อีกหนึ่งรุ่นฮิตในบ้านเรา Honda Civic sedan 1.5L ก็มีอัตรากินน้ำมันที่ถือว่ายังพอรับได้
ดูเพิ่มเติม
>> บางจากผนึก “อีซูซุ-โตโยต้า”กระตุ้น “กระบะ” หันมาใช้ดีเซล B20 มากขึ้น
>> จริงหรือไม่ ?! เติมน้ำมันผิดชีวิตพลิกผันจากเสียแค่หลัก “พัน” กลายเป็นหลัก “แสน”
มาต่อกันที่ตัวยอดฮิตอีกคันในตลาดรถเมืองไทยและตลาดรถเอเชีย และเรายังอยู่กับค่ายฮอนด้า นั่นคือ Honda Jazz หรือ Honda Fit ที่เรียกกันในตลาดรถต่างประเทศ สำหรับรถยนต์รุ่นนี้เป็นที่นิยมอยู่มากเพราะดีไซน์ที่ทันสมัยเหมาะกับคนรุ่นใหม่และคนเมืองดีทีเดียว สำหรับบล็อกเครื่องยนต์ในรุ่นนี้จะเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ที่เป็นตัวเอกของค่ายรถฮอนด้า และมันกินน้ำมันในอัตราที่น่าสนใจโดยเฉพาะกับตัวปีใหม่ๆ เพราะมีค่าเฉลี่ยน้ำมันอยู่ที่ 15-16 กิโลเมตรต่อลิตรเช่นกันกับพี่ใหญ่ของมันอย่าง Honda Civic
เห็นตัวเล็กๆ อย่างนี้ แต่ Honda Jazz ก็กินน้ำมันสูสีกับรุ่นพี่อย่าง Civic เลยทีเดียว
กับรุ่นสุดท้ายที่เราอยากจะนำเสนอ นั่นคือรถยนต์อีกรุ่นของค่ายโตโยต้าที่เหมาะกับคนเมืองอย่าง Toyota Yaris sedan ซึ่งก็ออกมาแต่ละรุ่นก็ได้รับกระแสตอบรับที่ดีในตลาดรถ เพราะขึ้นชื่อว่าโตโยต้าก็ได้คะแนนความชอบจากผู้บริโภคชาวไทยอยู่แล้ว และสำหรับ Toyota Yaris sedan นั่นหากเป็นรถยนต์รุ่นใหม่จะถูกจัดให้เข้าไปอยู่ในหมวดของอีโคคาร์ ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่จะว่าประหยัดหรือเปล่านั้น คำตอบคือจากการใส่เครื่องยนต์แบบเบนซิน 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว Dual VVT-i ขนาด 1.2 ลิตร ตรงตามสเป็กต์รถยต์อีโคคาร์ทุกอย่าง แต่ที่น่าสนใจคือมันมีอัตราค่าเฉลี่ยการกินน้ำมันอยู่ที่ 16.88 กิโลเมตรต่อลิตร อันเป็นตัวเลขที่เคลมมากจากโรงงงาน
หากสนใจราคารถมือสองToyota Yaris ดูได้ที่นี่
Toyota Yaris sedan ก็กินน้ำมันอยู่ที่ค่าเฉลี่ย 16 กิโลเมตรต่อลิตร
ทั้งหมดถือเป็นรถยนต์หลายกลุ่มที่เรานำมาเสนอเพื่อให้ผู้อ่านได้เก็บเอาไว้เป็นข้อมูลสำคัญ แต่ภาพรวมของรถยนต์ทั้ง 5 รุ่นถือได้ว่าเป็นที่นิยมอยู่ไม่น้อย เพราะสังเกตได้จากการเปิดตัวรถยนต์ทั้ง 5 รุ่นแต่ละครั้งก็ได้รับกระแสตอบรับที่ดีและให้ได้รับความสนใจอย่างมากในตลาดรถบ้านเรา และแน่นอนว่าอีกหนึ่งองค์ประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์คันใหม่ ก็คือเรื่องการกินน้ำมันนี้เอง ที่เราต้องคิดให้ดีก่อนจะหารถยนต์มาเก็บไว้ใช้งาน อ้อ แล้วต้องไม่ลืมว่า อัตราการบริโภคน้ำมันก็ขึ้นอยู่กับ "แรงเหยียบ" บนแป้นคันเร่งของแต่ละบุคคลด้วย แน่นอนว่าหากเร่งแรงมันก็ต้องซดน้ำมันอยู่แล้ว
ติดตามข่าวสารรถยนต์ คลิกที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดี เชิญเข้าดูที่ตลาดรถตรงนี้