รถแบบไหนเหมาะกับเรา? รถแต่ละแบบ แตกต่างกันอย่างไรนะ

1. รถยนต์นั่งขนาดเล็กมาก (รถ Sub-Compact)

 หรือหลายคนรู้จักในชื่อ B-Segment รถประเภทนี้ มีคุณสมบัติไม่ต่างจากรถอย่างในประเภท Compact Car มากนัก โดยมีทั้งแบบ 3, 4 และ 5 ประตู และเรื่องสมรรถนะ การตกแต่งภายใน อุปกรณ์อะไหล่ต่างๆ คล้ายคลึงกับรถยนต์ประเภทอื่นๆ แต่มีจุดแตกต่างเพียงขนาดตัวรถที่เล็กกว่า และเครื่องยนต์อาจจะเล็กกว่า

แจ๊ซ รถ B-Segment อีกคันที่หลายๆคนหลงรัก

สำหรับรถยนต์ในกลุ่มตลาดนี้ (ในไทย) ก็อย่างเช่น โตโยต้า ยาริส, โตโยต้า วีออส, ฮอนด้า แจ๊ส โดยรถในกลุ่มนี้ ก็เหมาะกับคนเมือง ที่ยังไม่มีครอบครัว เด็กจบใหม่ที่ใช้รถในเมืองใหญ่บ่อยๆ เนื่องจากขนาดที่เล็กทำให้ขับขี่คล่องตัว และมีราคาที่ถูกนั่นเอง

2.รถยนต์นั่งขนาดเล็ก (Compact Car)

หรือรถประเภท C-Segment รถในกลุ่ม Compact Car ส่วนใหญ่จะมีขนาดความยาวของตัวถังระหว่าง 4.4 - 4.75 เมตร ความกว้างไม่เกิน 1.8 เมตร ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.5-2.0 ลิตร  ด้วยเพราะรถมีขนาดที่ไม่เล็กเกินไปสำหรับการเป็นรถครอบครัว และไม่ใหญ่เทอะทะเกินไปสำหรับการขับขี่ในเมือง ทำให้รถประเภทนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก ทั้งใช้สำหรับเป็นรถของครอบครัว ขนของ เป็นรถแทกซี่ หรือจะไว้ขับไปคุยงานต่างจังหวัดบ้างก็ได้

ซีวิค ซีรีส์รถที่ได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง

>> เจาะคำถาม.. ล้วงคำตอบ! กับ 7 คำถามที่พบบ่อยเมื่อจะซื้อรถมือสอง

>> เงินเดือน 20,000 – 25,000 บาท ซื้อรถอะไรดี??

สำหรับรถยนต์ในกลุ่มตลาดนี้ (ในไทย) ก็อย่างเช่น โตโยต้า โคโรลล่า อัลติส, โตโยต้า พรีอุส, ฮอนด้า ซีวิค เหมาะสำหรับครอบครัวทั่วไป ใช้งานได้หลากหลาย หรือใครที่ทำงานมาได้ซักพักนึงและกำลังหารถเพื่อครอบครัวในอนาคต

3. รถยนต์นั่งขนาดกลาง (Mid-Size Car)

อธิบายง่ายๆ เป็นรถที่อัพเกรดจากรถ Compact Car ขึ้นมา ทั้งในเรื่องของขนาด สมรรถภาพ และสิ่งอำนวยความสะดวกในห้องโดยสาร มีขนาดภายในใหญ่พอที่จะรองรับผู้ใหญ่ 5 คน ได้โดยไม่เบียดเสียด มีเครื่องยนต์ที่สมรรถนะสูงขึ้น ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.0-3.5 ลิตร เพื่อรองรับน้ำหนักตัวรถที่มากขึ้น สามารถใช้เป็นรถสำหรับครอบครัวได้ดีมากขึ้น

พรีอุส และท้ายรถอันเป็นเอกลักษณ์

สำหรับรถยนต์ในกลุ่มตลาดนี้ (ในไทย) เช่น โตโยต้า คัมรี่, ฮอนด้า แอคคอร์ด, นิสสัน เทียน่า เหมาะสำหรับครอบครัวที่ต้องการความสะดวกสบายในห้องโดยสาร อาจจะมีผู้สูงอายุ เนื่องจากห้องโดยสารมีความนั่งสบาย

4. รถ supercar

โดยรถยนต์แบบนี้ มักจะรูปทรงและสไตล์การดีไซน์ที่โดดเด่น มีความทันสมัยเรื่องเทคโนโลยี หรือมีความพิเศษ เช่น มีแค่สองที่นั่ง สามารถเปิดประทุนได้ นอกจากนั้นยังเลือกใช้วัสดุแบบพิเศษเพื่อลดน้ำหนักรถยนต์ เพื่อให้รถยนต์สามารถมีอัตราเร่งได้สูง และวิ่งได้ในอัตราเร็วสูงกว่ารถยนต์นั่งทั่วไป

ลัมโบคันนี้ ไม่ว่าใครก็ต้องเหลียวมอง

สำหรับรถยนต์ในกลุ่มตลาดนี้ (ในไทย) เช่น  ซูบารุ อิมเพรซ่า WRX  มาสด้า MX-5, มาสด้า RX-8, นิสสัน GT-R

ด้วยราคาที่สูง และหลายคันมีการผลิตจำนวนจำกัด ทำให้รถประเภทนี้เหมาะสำหรับคนที่มีงบเยอะเป็นพิเศษ ต้องการความโดดเด่น สมรรถภาพที่สูงกว่าใคร เรียกได้ว่า มีเงินอย่างเดียวไม่ได้ ต้องใจรักด้วย

5. รถยนต์เอนกประสงค์สมรรถนะสูง (หรือ SUV)

อธิบายให้เห็นภาพ นี่คือรถที่เอารถเก๋ง+MPV ทำให้ได้รถยนต์ที่มีความสูง ขนาดใหญ่ และสมรรถภาพสูงกว่ารถทั่วๆไป ส่วนภายในมีความกว้างขวาง สามารถใช้ขนของที่มีขนาดประมาณนึงได้ สามารถขับระยะทางไกลๆ ได้สบาย ขึ้นเขาได้ ขับในที่ที่มีความวิบากได้ดี โดยรวมแล้ว SUV จะมีสมรรถนะสูงกว่า MPV สามารถใช้ไต่เขาชัน และวิ่งทางวิบากได้ดีกว่า การจัดสรรพื้นที่ทำได้หลากหลาย ปรับได้ตามการใช้งาน

ใครอยากได้รถลุยๆ นั่งสบาย ขนของได้ มาทาง SUV เลย

โดยรถประเภทนี้เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน ด้วยความอรรถประโยชน์ ทำให้หลายๆ คนชื่นชอบ เหมาะสำหรับใครที่ต้องการใช้รถที่ลุยๆ ไปใหนไปกัน แต่ก็ยังต้องการห้องโดยสารที่นั่งสบายอีกด้วย

6. รถกระบะ (Pick-Up)

รถกระบะคือรถที่ขายดีมากๆ ในประเทศไทย มีจุดเด่นที่มีการออกแบบให้มีพื้นที่สัมภาระขนาดใหญ่ด้านหลังตัวรถ มีตั้งแต่ 2 ที่นั่งไปจนถึง 5 ที่นั่ง มีช่วงล่างที่ออกแบบมาให้รองรับน้ำหนักได้มากกว่ารถทั่วๆ ไป สามารถขับขี่ในเส้นทางวิบากได้ดีกว่า

แข็งแรง ขับขี่สนุก ขนสัมภาระสบาย

ตัวอย่างเช่น มิตซูบิชิ ไตรตัน โตโยต้ารีโว เหมาะกับใครที่ต้องการมีรถสำหรับขนสัมภาระบ่อยๆ หรือใช้ในธุรกิจ

7. รถตู้

รถสำหรับรับส่งคนจำนวนมาก ต้องรถตู้สิ

รถนี้คงไม่ต้องพูดถึงมาก โดยการใช้งานที่เหมาะสมที่สุดในรถแบบนี้ คือสำหรับการรับส่งคนจำนวนมาก แต่เรื่องการโดยสารอาจจะไม่ได้สะดวกเหมือนรถ หรือ SUV แต่ก็แลกมาด้วยจำนวนเบาะที่มากที่สุด เหมาะเป็นรถประจำทาง

8 .รถ ECO-Car (อีโคคาร์)

ประหยัดน้ำมันตัวจริงต้อง Eco Car

รถ ECO-Car เป็นศัพท์ และคำจำกัดความที่เรียกเฉพาะในเมืองไทยเท่านั้น โดยรถปรเภทนี้คือรถที่รักษาสิ่งแวดล้อม ทำให้มีเครืื่องยนต์และขนาดที่ค่อนข้างเล็กกว่ารถแบบอื่นๆ โดยมีข้อกำหนดใว้ให้รถประเภนี้ มีขนาดเครื่องยนต์ไว้ให้ไม่เกิน 1.2 ลิตร ต้องประหยัดน้ำมัน 20 กม./ลิตร

ซึ่งข้อดีของรถประเภทนี้ คือประหยัดน้ำมัน โดยจะต้องมีอัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงไม่เกิน 5 ลิตร/100 กม. หรือน้ำมัน 1 ลิตรวิ่งได้ระยะทาง 20 กม.  นอกจากนั้นยังมีราคาที่ถูกมากๆ เหมาะกับนักเรียน นักศึกษา หรือใครที่ใช้รถในระยะทางสั้นๆ ขับขี่ในเมือง

โดยรถประเภทนี้ เช่น นิสสัน มาร์ช, นิสสัน อัลเมร่า, ฮอนด้า บริโอ เป็นต้น

ดูเพิ่มเติม

>> Mazda CX-5 2018 vs Honda CR-V 2018 เลือกคันไหนดีกว่ากัน !!

>> Chevrolet Trailblazer 2018 VS Isuzu Mu-X 2018 คันไหนดีกว่ากัน