Ford Ranger Wildtrak และ Chevrolet Colorado High country สเปค 4 ประตูขับเคลื่อน 4 ล้อ ในราคาสูสีกัน ใครจะมีจุดเด่นตรงไหนบ้าง มาเทียบข้อมูลให้ดูทุกด้าน
เทียบกระบะพันธุ์อเมริกัน Ford Ranger Wildtrak VS. Chevrolet Colorado High country คุณจะเลือกใคร
รถกระบะเป็นตลาดรถยนต์ที่ยอดนิยมสุดในไทย เพราะมีราคาเอื้อมถึงง่าย พร้อมความอเนกประสงค์ ที่จะใช้ขับไปงานไหนก็ไม่น่าเกลียด แถมมีการประหยัดน้ำมันเข้ากับยุครัดเข็มขัด ซึ่งในวงการนี้มีค่ายรถนำตัวเลือกออกมายั่วทรัพย์กับหลายยี่ห้อ ผู้ซื้อคงจะสับสนกันไม่น้อยเลยใช่มั้ยครับ ดังนั้นวันนี้ Chobrod จะมาเพื่อนๆ มาเทียบรถกระบะคู่หนึ่ง ซึ่งเป็นค่ายจากฝั่งอเมริกามาเจอกันในไทย นั่นคือค่ายโบว์ไท Chevrolet และค่ายวงรีสีฟ้า Ford นั่นเองครับ
ถ้าเปรียบเทียบรถกระบะค่ายอเมริกันแล้ว ก็ต้องนำรุ่นท็อปสุดของทั้งคู่มาประชัน นั่นคือ Ford Ranger Wildtrak และ Chevrolet Colorado High country แม้ว่าทางฟอร์ดจะมี Raptor เป็นรุ่นท็อปสุด แต่เพื่อความสูสี จึงต้องเป็นสองรุ่นนี้คือ
ทั้งสองรุ่นย่อยที่เลือกมา ถือว่ามีสเปคใกล้เคียงกัน แม้ว่าราคาต่างกันประมาณ 13% ก็แลกมาด้วยโมเดลของเชพวี่ที่ปรับโฉมไปตั้งแต่ปี 2017 ส่วนฟอร์ดจะใหม่กว่าเล็กน้อย ที่ได้ปรับโฉมไปในปี 2018 ซึ่งนับว่ายังมีสเปคไม่หนีกันเท่าไหร่ เพราะเป็นรุ่นตัวถัง 4 ประตูที่ขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมออพชั่นความสวย ความไฮเทค และความปลอดภัย จัดเต็มมาที่สุดในค่าย เรียกว่าถ้าไม่นับรวม Raptor ก็ไม่มีรุ่นใดท็อปสุดไปกว่านี้แล้ว นี่จึงเป็นคู่ชกที่สมน้ำสมเนื้อ จะสูสีมากหรือน้อย ไปดูรายละเอียดกันเลยครับ
เป็นโฉมไมเนอร์เชนจ์ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว มีกระจังหน้าทรง 6 เหลี่ยมแนวนอน กับช่องรับลมตรงกันชนที่กว้างขึ้น มาพร้อมกับโคมไฟโปรเจคเตอร์ซีนอน คู่กับไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED คล้ายกับที่มีใน Ford Everest นอกจากนี้ยังมีไฟตัดหมอกดีไซน์ใหม่ รับกับเบ้ากันชนหน้า ที่มีการปรับเปลี่ยนโดยตัดแถบสีเทาเข้มออกเหลือเพียงส่วนที่เชื่อมต่อกับกระจังหน้า กระจกมองข้างปรับและพับได้ด้วยไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยวในตัว บันไดด้านข้างสีดำพร้อมแถบโครเมียม อีกทั้งยังได้รับการติดตั้งราวหลังคาเพื่อใช้บรรทุกสัมภาระ นอกจากนี้แล้วยังได้รับการปรับเปลี่ยนสติ๊กเกอร์ 4x4 บริเวณด้านข้างตัวรถให้ถูกใจนับขับผู้ชื่นชอบแนวออฟโรด ติดตั้งล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง Bridgestone Dueler H/T 684 II ขนาด 265/60 R18 และมีการแนะนำสีตัวถังใหม่ล่าสุด Sabre Metallic พิเศษเฉพาะในรุ่น Wildtrak
ภายนอกปรับโฉมใหม่ กระจังหน้า 6 เหลี่ยมสุดสปอร์ต
หากสนใจราคารถมือสอง Ford Ranger หาได้ที่นี่
เป็นรุ่นแต่งพิเศษให้กับโฉมไมเนอร์เชนจ์ของตระกูลโคโรลาโด้ ไฮคันทรี แบบเดิม ที่เพิ่มเติมความเด่นด้วยสปอร์ตบาร์ให้เป็นเอกลักษณ์ ตามด้วยการใส่ล้ออัลลอยสีดำดีไซน์สปอร์ตขนาด 18 นิ้ว เสริมหล่อด้วยการทำสีดำที่มือจับเปิดประตู มือจับเปิดฝาท้าย เส้นขอบหน้าต่าง ทางด้านกันชนท้ายมีการเซ็นเซอร์ถอยหลัง พร้อมชุดอุปกรณ์ตกแต่งที่ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันช่วยยกระดับภาพลักษณ์ความดุดันบึกบึน ที่สคัญคือ มีสติกเกอร์สีดำบนฝากระโปรงหน้าพร้อมโลโก้ High Country สติกเกอร์ STORM ไปตกแต่งด้านข้างตัวรถ ให้เข้ากับตัวถังเฉดใหม่ “Blue Me Away” สีน้ำเงินเมทัลลิกที่กำลังได้รับความนิยม นอกจากนี้ โคโลราโด ไฮคันทรี สตอร์ม
Colorado High country Storm กระบะหน้าหล่อรุ่นแต่งพิเศษ
ปะทะ Ford Ranger Wildtrak VS. Chevrolet Colorado High country
คอนโซลหน้าให้ความสบายตาผ่านการใช้เฉดสีแบบทูโทนดำ-เทา ตัดกันได้อย่างลงตัวผสานกับการรักษาเอกลักษณ์เฉพาะตัวของรุ่น Wildtrak เอาไว้ได้อย่างครบถ้วนด้วยการเก็บตะเข็บด้ายสีส้มทั่วทั้งคัน อาทิ เบาะนั่งด้านหน้า-หลัง พวงมาลัย บริเวณด้านบนแผงแดชบอร์ด ขอบประตู และ วัสดุหุ้มเกียร์แบบหนังที่เดินเก็บตะเข็บด้วยด้ายสีส้มอีกเช่นเดียวกัน เบาะนั่งคนขับสามารถปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง พร้อมติดตั้งสัญลักษณ์ Wildtrak ไว้บริเวณพนักพิงศีรษะในที่นั่งด้านหน้าทั้ง 2 ตำแหน่ง ส่วนเบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้าสามารถปรับด้วยมือได้ 4 ทิศทาง เบาะนั่งด้านหลังสามารถพับยกขึ้นและพับลงได้แบบชิ้นเดียว มีไฟตกแต่งห้องโดยสาร Ambient light หน้าจอแสดงข้อมูลบนหน้าปัดเป็นแบบสี ขนาด 4.2 นิ้ว จำนวน 2 จอ แบบสัมผัส Multi-Touch ขนาด 8 นิ้ว ระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC™3 ภาษาไทย
เปลี่ยนคอนโซลเป็นทรงใหม่ ดูแข็งแรงและทันสมัย
ภายในมีการตกแต่งเพิ่ม พร้อมออฟชั่นพื้นฐานจากรุ่น High Country ด้วยแผงหน้าปัดโทนสีดำ พร้อมมาตรวัดใหม่ กับจอแสดงข้อมูลการขับขี่ที่อ่านง่ายชัดเจนขึ้น มาพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายที่ครบครัน เช่น ระบบช่วยเหลือการจอดด้านหน้า และกล้องมองหลัง แสดงผลผ่านจอภาพในคอนโซล มีเซ็นเซอร์ตรวจจับน้ำฝน ไฟหน้าเปิด/ปิดอัตโนมัติ และฟังก์ชั่นรีโมทสตาร์ทและเปิดแอร์ได้ เป็นครั้งแรกในรถระดับเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยอย่างระบบ Chevrolet MyLink การเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Siri Eyes Free ขณะที่ฟังก์ชั่นอื่นๆ ยังอัดแน่น เช่น ครูสคอนโทรล พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ฯลฯ
ภายในมีจุดเด่นที่รีโมทสั่งสตาร์ทรถ และสั่งเปิดแอร์ได้ด้วย
ดูเพิ่มเติม
>> รถมือสองราคาขายต่อดี มีรุ่นใดน่าใช้ รุ่นใดน่าลงทุน ซื้อไว้แล้วอาจได้กำไร
>> รีวิว Chevrolet Colorado Centennial Edition 2018 ใหม่ รุ่นพิเศษฉลอง 100 ปี
ติดตั้งขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบแถวเรียง EcoBlue TDCi เทอร์โบคู่ Bi-Turbo ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 213 แรงม้า ที่ 3,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตร ที่ 1,750-2,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด พร้อมโหมดเปลี่ยนเกียร์เองได้ ขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ 4WD ส่วนระบบเบรกคู่หน้าติดตั้งดิสก์เบรกแบบมีครีบระบายความร้อน ในด้านหลังเป็นแบบดรัมเบรก และใช้พวงมาลัยพาวเวอร์ EPAS แบบไฟฟ้า
เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ 213 แรงม้า
ด้านขุมพลังถูกติดตั้งเครื่องยนต์ดูราแม็กซ์ 4 สูบ ดีเซลเทอร์โบ 2.5 ลิตร ด้วยระบบเทอร์โบแปรผันหรือ VGT (Variable Geometry Turbocharger) มีกำลังสูงสุด 180 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิด 440 นิวตันเมตร (325 ฟุต-ปอนด์) ที่รอบต่ำ 2,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด แน่นอนว่าระบบขับเคลื่อนเป็นแบบ 4 ล้อ 4WD ส่วนระบบเบรคด้านหน้าเป็นแบบดิสก์ขนาด 300 มม. พร้อมครีบระบายความร้อน และใช้พวงมาลัยพาวเวอร์แบบไฟฟ้าเช่นกัน
เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร เทอร์โบ 180 แรงม้า
หากสนใจราคารถมือสอง Chevrolet Colorado หาได้ที่นี่
ติดตั้งถุงลมนิรภัยมากถึง 6 จุด พร้อมระบบความปลอดภัยสุดทันสมัย เช่น ระบบเบรกอัตโนมัติ AEB โดยระบบดังกล่าวจะเริ่มทำงานเมื่อรถอยู่ในย่านความเร็วประมาณ 3.6 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ตรวจจับรถคันหน้า และคนเดินถนน มีระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control) ต่อไปเป็นระบบป้องกันล้อล็อก ABS คู่กับระบบกระจายแรงเบรก EBD เมื่อเข้าโค้งก็มีระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวแบบ ESP และระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS ส่วนในเส้นทางที่มีความสูงชันก็มีระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชันแบบ HLA รวมถึงระบบควบคุมความเร็วขณะลงเขาแบบ HDC อีกทั้งยังติดตั้งระบบช่วยการทรงตัวขณะลากจูง TSC พิเศษสุดกับระบบป้องกันรถพลิกคว่ำ Roll Over Mitigation พร้อมระบบกุญแจแบบ Immobilizer คู่กับสัญญาณกันขโมย Burglar Alarm และระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัจฉริยะ (Auto High Beam Control) เป็นต้น
Ranger Wildtrak มีจุดเด่นที่ถุงลม 6 จุดรอบคัน
ความปลอดภัยจัดเต็มในเชฟโรเลต และโคโลราโด ไฮคันทรี สตอร์ม ไม่แพ้กัน ด้วยถุงลมนิรภัย 3 จุดที่คู่หน้าและหัวเข่าสำหรับผู้ขับขี่ ตามด้วยระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและการลื่นไถล Traction Control System (TCS) ระบบช่วยเบรกกะทันหัน Panic Brake Assist (PBA) ระบบกระจายแรงเบรก Electronic Brake Force Distribution (EBD) ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว Electronic Stability Control (ESC) ระบบป้องกันการพลิกคว่ำ Anti-Rolling Protection (ARP) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน Hill Descent Control (HDC) ระบบป้องกันการไหลของรถเมื่อขึ้นทางชัน Hill Start Assist (HSA) ระบบแจ้งเตือนเมื่อออกจากช่องจราจร ระบบแจ้งเตือนการชนด้านหน้า ระบบช่วยเหลือการจอดด้านหน้าและหลัง และระบบตรวจวัดและแจ้งเตือนแรงดันลมยาง
Colorado ก็มีเซ็นเซอร์ตรวจจับและเตือนรอบคัน
รถกระบะทั้งคู่นี้ มีจุดดีและเด่นต่างกันชัดเจน โดยเจ้า Ford Ranger Wildtrak ได้จุดเด่นเรื่องความแรงสุดขีดมากกว่าชัดเจน แถมด้วยการให้ถุงลมนิรภัยมากกว่าถึง 6 จุด ส่วนคู่แข่ง Chevrolet Colorado High Country Storm มีจุดเด่นที่ความไฮเทคอย่าง รีโมทสตาร์ทกับเปิดแอร์ได้จากภายนอก พร้อมระบบแจ้งเตือนลมยาง และราคาที่ถูกกว่าเป็นแสนบาท ทั้งนี้เพื่อนๆ จะเลือกซื้อรถยนต์คันไหนก็ต้องไปลองขับจริงด้วย เพื่อจะได้เจอรถที่เหมาะกับสไตล์การใช้งานให้มากที่สุด และสำหรับวันนี้คอลัมน์เทียบรถจาก Chobrod ต้องลาไปก่อน อย่าลืมติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับรถยนต์ในตอนต่อไป สวัสดีครับ
ดูเพิ่มเติม
>> 90 วินาทีกับทุกขั้นตอนกว่าจะมาเป็น Ford Ranger Raptor
>> รีวิว Chevrolet Colorado High Country Storm
ติดตามข่าวสารรถยนต์ คลิกที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดี เชิญเข้าดูที่ตลาดรถตรงนี้