เมื่อต้องตรวจเช็ครถยนต์ หลังจากเดินทางไกลในช่วงวันหยุดยาว ผู้ขับขี่จะต้องเน้นตรวจเช็คไปในจุดใดบ้าง มีวิธีการอย่างไร แนะนำเคล็ดลับตรวจเช็ครถยนต์เบื้องต้นด้วยตนเอง
ตรวจเช็ก หลังจากเดินทางไกลในช่วงวันหยุดยาว
ภายหลังจากที่ผู้ขับขี่มีการใช้งานรถยนต์เดินทางไกลไปในต่างจังหวัดช่วงวันหยุดยาว รถยนต์ของท่านย่อมผ่านการใช้งานหนักซึ่งส่งผลให้ชิ้นส่วนบางประการในรถยนต์มีการสึกหรอไปทั้งจากการใช้งานหนัก และเสื่อมสภาพตามอายุของการใช้งาน อย่างไรก็ตามการตรวจเช็คสภาพรถ หลังเดินทางไกลนับเป็นสิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งที่ช่วยยืดอายุการใช้งานรถยนต์สุดรักออกไปให้ได้นานยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ผู้ขับขี่ประหยัดเงินในกระเป๋าได้เป็นอย่างดีเพราะการตรวจเช็คระบบต่างๆภายในรถยนต์บางจุดนั้นผู้ขับขี่สามารถที่จะทำได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องนำรถเข้าไปตรวจเช็คยังศูนย์บริการแต่อย่างใด กอปรกับตรวจเช็คสภาพรถ หลังเดินทางไกลยังเป็นตัวช่วยให้ผู้ขับขี่ได้ทราบถึงการทำงานของระบบต่างๆภายในรถยนต์ว่ายังมีการทำงานที่เป็นปกติดีอยู่หรือไม่ถือเป็นการป้องกันก่อนที่จะมีความเสียหายมากยิ่งขึ้นและต้องจ่ายเงินเป็นจำนวนมากเพื่อซ่อมแซมรถนั่นเอง Chobrod.com แนะนำวิธีเช็คสภาพรถ หลังเดินทางไกลที่ผู้ขับขี่สามารถนำไปปฏิบัติได้ด้วยตนเอง
การตรวจเช็คสภาพรถ หลังเดินทางไกลช่วยให้ผู้ขับขี่ได้ทราบถึงการทำงานที่ผิดปกติภายในเครื่องยนต์และระบบต่างๆซึ่งผู้ขับขี่สามารถที่จะเริ่มต้นตรวจเช็คระบบต่างๆได้ด้วยตนเอง อาทิ เช็คยางรถยนต์ , เช็คระบบเบรค , เช็คของเหลว , เช็คระบบไฟ เช็คสภาพตัวถัง และเช็คไส้กรองอากาศ เป็นต้น ทั้งนี้การตรวจเช็คสภาพรถยนต์ในบางประการผู้ขับขี่สามารถที่จะดำเนินการตรวจเช็คได้ด้วยตนเอง เมื่อพบความผิดปกติที่ไม่สามารถแก้ไขได้ หรือ ระบบอิเล็กทรอนิกส์มีการทำงานที่ผิดพลาดจนส่งผลให้ฟังก์ชั่นต่างๆไม่สามารถใช้งานได้ก็ควรนำรถเข้าไปตรวจเช็คยังอู่ที่มีความน่าเชื่อถือเพื่อทำการแก้ไขต่อไป โดยจุดที่ผู้ขับขี่ควรตรวจเช็ครถยนต์ หลังจากเดินทางไกลในช่วงวันหยุดยาวมีดังนี้
เมื่อผู้ขับขี่ต้องใช้งานรถเดินทางในระยะทางไกล สิ่งหนึ่งที่ควรคำนึงถึงเป็นอย่างมากทั้งก่อนที่จะเดินทางไกลและหลังกลับจากการเดินทางไกลแล้วนั้น ได้แก่ การตรวจเช็คระบบเบรค เนื่องจากระบบเบรก หรือ ระบบห้ามล้อ มีหน้าที่หลักในการหยุดยั้งรถ และ ชะลอรถก่อนถึงเป้าหมายเพื่อป้องกันไม่ให้รถเฉี่ยวชนและปะทะเข้ากับสิ่งกีดขวางตรงหน้าซึ่งทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ เพราะฉะนั้นตรวจเช็คระบบเบรคจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมากนั่นเอง ทั้งนี้การใช้งานระบบเบรกอยู่เป็นประจำในทุกครั้งที่ต้องขับขี่ก็ย่อมส่งผลให้ระบบเบรคมีการเสื่อมสภาพลงไปตามระยะเวลา เช่น น้ำมันเบรคหมด ผ้าเบรคเสื่อมสภาพ และจานเบรคขึ้นสนิม เมื่อผ้าเบรกเริ่มเสื่อมสภาพสามารถสังเกตได้ดังนี้
เมื่อผู้ขับขี่พบว่าผ้าเบรคหมดควรเปลี่ยนผ้าเบรคใหม่ หรือ เลือกเปลี่ยนผ้าเบรคเมื่อมีการใช้งานครบ 60,000 กิโลเมตร ส่วนน้ำมันเบรกสามารถตรวจเช็คได้จากก้านวัดน้ำมันเบรกซึ่งควรอยู่ในระหว่าง Max และ Min หากอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับ Min หรือ น้อยกว่าควรเติมน้ำมันเบรกเพิ่ม และอาจตั้งข้อสังเกตว่าระบบเบรกมีความผิดปกติ เช่น น้ำมันเบรกรั่ว รวมไปถึงผ้าเบรคมีอาการเสื่อมสภาพนั่นเอง
เช็คของเหลวรถยนต์
เมื่อผู้ขับขี่มีการใช้งานรถยนต์ไประยะหนึ่งของเหลวภายในรถซึ่งประกอบไปด้วย น้ำฉีดกระจก น้ำในหม้อน้ำ น้ำกลั่นแบตเตอรี่ น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ และน้ำมันเบรก มีการเสื่อมสภาพ ระเหย หรือ หมดสภาพไปตามอายุการใช้งาน เพราะฉะนั้นผู้ขับขี่จึงควรให้ความสำคัญกับการเช็คของเหลวเป็นอย่างมาก โดยมีวิธีการดังนี้
สำหรับการเช็คระบบไฟรถยนต์ผู้ขับขี่สามารถที่จะทำได้ด้วยตนเองเพียงใช้อุปกรณ์ตรวจวัดกระแสไฟฟ้าในรถยนต์ Multi Meter ทำการวัดกระแสไฟฟ้าว่ามีการทำงานได้อย่างปกติดีหรือไม่ โดยใช้วิธีการดังนี้
เช็คยางรถยนต์
สำหรับการตรวจเช็คยางรถยนต์ ภายหลังจากที่ผู้ขับขี่ใช้ยานพาหนะเดินทางไกลควรตรวจเช็คโดยเฉลี่ยเดือนละ 1 ครั้ง ทั้งก่อนการเดินทางไกล และภายหลังจากการเดินทางไกลเพื่อป้องกันปัญหายางลมอ่อนซึ่งจะส่งผลให้รถต้องใช้พลังงานจากเครื่องยนต์เพิ่มมากยิ่งขึ้นเพื่อเร่งทำความเร็ว และการตรวจเช็คยางรถยนต์จะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถป้องกันการเกิดอุบัติเหตุได้อย่างทันท่วงทีอีกด้วย โดยวิธีการตรวจเช็คยางรถยนต์มีดังนี้
ไส้กรองอากาศถือเป็นชิ้นส่วนที่มีความสำคัญในการฟอกอากาศที่จะถูกนำเข้าไปสู่ห้องโดยสารให้มีความบริสุทธิ์เพิ่มมากยิ่งขึ้น การเช็คไส้กรองอากาศสามารถที่จะทำได้ง่ายๆผ่านวิธีการถอดไส้กรองอากาศออกมาล้างทำความสะอาด โดยไส้กรองอากาศจะถูกติดตั้งเอาไว้ภายในกล่องสีดำขนาดใหญ่ในห้องเครื่องยนต์ ผู้ขับขี่สามารถที่จะทำการเปิดออกมาเพื่อนำไส้กรองอากาศมาฉีดล้างทำความสะอาดได้ด้วยน้ำสะอาด หรือ อาจใช้น้ำยาฆ่าเชื้อได้เช่นกัน ก่อนเป่าให้แห้งแล้วนำติดตั้งเข้าไปใหม่ก็เป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอน ทั้งนี้ผู้ขับขี่ควรทำการเปลี่ยนไส้กรองอากาศในระยะ 15,000 กิโลเมตร
เมื่อผู้ขับขี่ต้องใช้งานรถยนต์ในการเดินทางไกลสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากันนั้น ได้แก่ การตรวจเช็คตัวถัง เนื่องจากตัวถังรถยนต์เปรียบเสมือนเกราะปกป้องผู้ขับขี่จากเศษวัสดุต่างๆที่อาจตกหล่นเข้ามาสู่ตัวรถ กอปรกับโครงสร้างตัวถังยังช่วยรักษาความสมดุลในการขับขี่ได้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ผู้ขับขี่ควรตรวจสอบตั้งแต่ตัวถังด้านหน้าทั้งในส่วนของกระจังหน้า กันชนหน้า และฝากระโปรงหน้าซึ่งอาจมีริ้วรอยจากการขูดขีดต่างๆในระหว่างการเดินทาง รวมไปถึงดารตรวจสอบด้านข้างของตัวรถทั้งในส่วนของประตู ซุ้มล้อ และบันไดข้างว่ามีความผิดปกติดีอยู่หรือไม่ ก่อนเช็คตัวถังด้านหลังในตำแหน่งกันชนท้าย ฝาปิดห้องเก็บสัมภาระ ไฟท้าย และสปอยเลอร์หลังว่ายังมีสภาพปกติดีและไม่มีริ้วรอยขีดข่วนนั่นเอง
การตรวจเช็คช่วงล่างถือเป็นอีกขั้นตอนหนึ่งที่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการตรวจเช็คระบบอื่นๆภายในรถยนต์ เนื่องจากระบบช่วงล่างที่มีความปกติดีย่อมทำให้สามารถส่งผ่านความนุ่มนวลไปสู่ห้องโดยสารได้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้การตรวจเช็คช่วงล่างผู้ขับขี่สามารถทำได้ง่ายๆผ่านวิธีการสังเกตในขณะที่รถลงหลุม หรือ ขับขี่บนเนินลูกระนาดช่วงล่างมีอาการกระด้าง หรือ มีเสียงดังออกมาจากช็อคอัพในขณะที่รถลงหลุมแสดงว่าระบบช่วงล่างในรถของท่านกำลังเสื่อมสภาพควรทำการตรวจเช็คและเปลี่ยนช็อคอัพใหม่ยังศูนย์บริการตรวจเช็คระบบช่วงล่าง
สำหรับผู้ที่มีความสนใจเคล็ดลับในการใช้รถ วิธีเช็คสภาพรถ ตรวจเช็ก หลังจากเดินทางไกลในช่วงวันหยุดยาว และการตรวจเช็คสภาพรถ หลังเดินทางไกล สามารถที่จะค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Chobrod.com ตลาดรถออนไลน์ชั้นนำที่ดีที่สุดในประเทศไทย
อ่านเพิ่มเติม