รถยังผ่อนไม่หมด แต่จำเป็นต้องใช้เงิน ต้องรู้ กับการรีไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมด มีประโยชน์อย่างไร แล้วทำแบบไหนดี เผยวิธีช่วยคำนวณ เพื่อวางแผนการใช้เงินของคุณ
ทุกคนคงรู้ว่าเดี๋ยวนี้ เราสามารถนำทรัพย์สิน ไปแลกเปลี่ยนเป็นสินทรัพย์ได้ อย่างรถยนต์ ที่สามารถนำไปใช้แลกเปลี่ยนเป็นเงินมาใช้ได้ แต่ถ้ารถที่ยังผ่อนไม่หมดล่ะ ต้องทำอย่างไร? วันนี้ Chobrod จะพาไปทำความเข้าใจ ว่าการรีไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมดสามารถทำได้หรือไม่ และมีวิธีการทำ วิธีการคำนวณอย่างไรที่จำเป็นต้องรู้
หลายคนตั้งคำถามว่า รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมด รีไฟแนนซ์ได้ไหม? ก่อนอื่นเลยอยากให้คนที่สงสัยทำความเข้าใจกับคำถามนี้ก่อน เพราะถ้าเป็นการรีไฟแนนซ์ มันคือการปรับวงเงินการผ่อนชำระอยู่แล้ว ดังนั้นรถที่ยังผ่อนอยู่ ก็ย่อมที่จะเข้าข่าย มีสิทธิ์รับการรีไฟแนนซ์ได้อยู่แล้วนั่นเอง
ยังผ่อนไม่หมด แต่จำเป็นต้องนำรถไปใช้แลกเงิน
บางคนอาจจะสับสนกับรถที่ผ่อนหมดแล้ว แต่นำมาใช้กู้รับเงินก้อน เรื่องนี้เป็นส่วนของการขอสินเชื่อรถแลกเงิน ที่คุณ ต้องนำรถที่มีอยู่ไปค้ำเอาไว้เป็นหลักทรัพย์เพื่อรับเงินก้อนมาใช้ ซึ่งหากเป็นรถที่ผ่อนหมดแล้ว จะมีการประเมินราคาและให้เงินมาเต็มจำนวนโดยที่ไม่ต้องนำไปปิดค่างวดเหมือนกับรถที่ยังผ่อนไม่หมด เพราะการนำรถที่ยังผ่อนอยู่มาแลกเงินเป็นเงินนั้นจะเป็นกระบวนการรีไฟแนนซ์ ที่เรากำลังจะมาพูดถึงกันต่อไปนี้
การรีไฟแนนซ์ คือการปรับโครงสร้างหนี้ กล่าวคือการก่อหนี้ใหม่ นำมาใช้หนี้เก่า โดยวงเงินการนำมาใช้หนี้เก่านั้นจะ Cover หนี้เดิมทั้งหมด และยังมีส่วนต่างเป็นเงินที่นำไปใช้อีกด้วย และการใช้หนี้ก้อนใหม่ ก็จะสามารถเลือกรูปแบบการผ่อนชำระที่ดอกเบี้ยถูกลงได้
การรีไฟแนนซ์ช่วยสร้างสภาพคล่องทางการเงินได้
และการรีไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมด ก็คือการนำรถที่ยังผ่อนอยู่ ไปยื่นเรื่องขอเงินกับทางสถาบันการเงิน และนำเงินที่ได้นั้นมาใช้หนี้เก่าที่ยังคงค้างและรับส่วนต่างไปใช้ และส่วนที่ต้องชำระของหนี้ก้อนใหม่นั้น ก็ปรับอัตราดอกเบี้ยใหม่และเพิ่มระยะเวลาที่ใช้ผ่อนเข้าไปใหม่ เพื่อบรรเทาภาระที่ต้องใช้จ่ายต่อเดือนให้ไม่หนักเกินไป แต่ต้องแลกไปกับการยืดเวลาการผ่อนรถที่นานขึ้นไปอีก
ตัวอย่างการคำนวณ การรีไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนอยู่ เช่น
ซื้อรถยนต์โดยทำเรื่องผ่อนชำระกับทางธนาคาร หลังหักเงินดาวน์แล้ว ธนาคารคิดดอกเบี้ย 4% ต่อปี ทั้งหมด 7 ปี หรือคิดเป็น 84 เดือน
เมื่อธนาคารประเมินราคารถ ได้ราคา 400,000 บาท เมื่อทำเรื่องยื่นใหม่ จะต้องนำเงินที่ธนาคารให้ไปปิดค่างวดคงค้างก่อน
นำเงินไปปิดวงเงินเก่า 400,000-270,852 = 129,148
หมายความว่าเราจะเหลือเงินเอาไว้ใช้จ่ายอยู่ที่ 129,148 บาท และมีภาระที่ต้องผ่อนชำระในหนี้ก้อนใหม่กับทางธนาคารในวงเงินต้น 400,000 บาทกับดอกเบี้ยและจำนวนเดือนที่ต้องชำระใหม่ ตามที่ได้ตกลงกันเอาไว้กับทางธนาคาร โดยระหว่างนี้ธนาคารจะถือกรรมสิทธิ์ในรถ จนกว่าเราจะปิดค่างวดได้
การรีไฟแนนซ์ ช่วยให้มีเงินส่วนต่างนำมาใช้ได้
การรีไฟแนนซ์ ถ้ามองดูแล้ว ก็เหมือนเราจะผ่อนสบายเป็นรายเดือนที่เบาขึ้น และมีเงินมาหมุนใช้ แต่หากคำนวณดี ๆ แล้ว การรีไฟแนนซ์ ก็เหมือนเราจ่ายเงินซื้อรถในราคาที่แพงขึ้น เพราะจากเดิมที่เราเหลือส่งค่างวดอยู่ที่ 270,852 บาท กลายเป็นว่า เราต้องหาเงินมาส่งใหม่ในราคา 4 แสนบาทจากเงินที่ได้มานั่นเอง อีกทั้งอาจจะมีค่าใช้จ่ายส่วนอื่นที่เพิ่มเข้ามาอีกในแต่ละกระบวนการอีกด้วย
แต่ทั้งนี้แล้ว ความจำเป็นของคนเราแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน เพราะหากแลกการต่อเวลาที่เพิ่มขึ้นไปอีก กับค่างวดผ่อนชำระที่ลดลงในแต่ละเดือน ก็ดูเหมือนจะช่วยให้เกิดสภาพคล่องได้มากขึ้น ดังนั้นหากคุณเองพบว่ามันมีความจำเป็นจริง ๆ แล้วที่จะต้องลดภาระค่าใช้จ่ายต่อเดือน และต้องการเงินก้อนมาหมุนให้ภาวะที่ย่ำแย่นั่นผ่านไปได้ การรีไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมด ก็ถือเป็นคำตอบที่เราแนะนำให้คุณลองเก็บไปพิจารณา
ดูเพิ่มเติม
>> ผ่อนไม่ไหว อยากเปลี่ยนสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ ทำอย่างไรดี?
>> ผู้เช่าซื้อรถยนต์เสียชีวิต เท่ากับหมดภาระหนี้หรือเปล่า?
เข้าดู ตลาดรถ ได้ที่นี่