4 ขั้นตอน เพื่อท่านั่งขับรถที่เหมาะสม “ขับปลอดภัยแถมไม่ปวดหลัง”

หากจะว่าด้วยเรื่องท่านั่งขับรถของแต่ละคน จะให้อธิบายทั้งวันคงยังไม่หมด แต่ถ้าพูดถึงการนั่งขับรถที่ถูกต้อง ก็จะช่วยทำให้วิสัยทัศน์ในการขับขี่ดีขึ้น อีกทั้งยังสามารถช่วยทำให้ท่านห่างไกลจากโรคที่เกี่ยวกับกระดูกสันหลัง หรืออาการปวดเมื่อยต่างๆ ที่จะตามมา ถึงแม้ว่าท่านจะขับรถหรูหรานั่งสบาย ปรับเบาะได้หลากหลายรูปแบบสักแค่ไหน แต่ถ้าหากท่านั่งขับรถของท่านยังไม่ถูกต้องก็อาจทำให้เกิดผลเสียได้เช่นกัน

1. ปรับเช็กระยะห่างของเบาะ

ก่อนอื่นการที่เราจะนั่งได้สบายและถูกต้องนั้น เบาะนั่งไม่ควรจะชิดหรือห่างพวงมาลัยจนเกินไป แต่ควรอยู่ในระยะที่พอเหมาะพอดี ที่พอจะทำให้เราควบคุมพวงมาลัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่นเดียวกับขาที่สามารถเหยียบแป้นได้น้ำหนักพอสมควร จะกลายเป็นผลเสียเพราะควบคุมรถยาก หากเกิดเหตุฉุกเฉิน

ท่าที่นิยมแต่เป็นการปรับระดับเบาะที่ผิดในหลายๆ คน

การปรับเบาะนั่งรถยนต์ ควรเซตระยะห่างของเบาะให้เหมาะสม เป็นระยะประมาณตัวห่างจากพวงมาลัย 1 ช่วงแขนพอดี นั่นจะทำให้ง่ายเวลาหักเลี้ยวรถ และระยะดังกล่าวนั้น เป็นระยะที่ขาสามารถแตะแป้นเหยียบได้พอดี ในลักษณะกึ่งงอขาแต่อย่ามาก ซึ่งจะทำให้สามารถจับน้ำหนักแรงกดได้ของแป้นเหยียบได้ดี

>> สำรวจ 7 พฤติกรรมการขับรถสุดอันตราย! ที่หลายคนชอบทำ
>> ใช่คุณหรือเปล่า? คนตัวเล็กที่ขับรถ ขาไม่ถึงคันเร่ง

2. ปรับเอนเบาะแค่ไหนดี

เมื่อได้ระยะปรับเบาะที่ถูกต้องแล้ว สิ่งต่อไปที่สำคัญไม่แพ้กันที่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนก็คือเบาะหรือพนักพิงหลัง เพราะหลายคนมักมองข้ามหรือเข้าใจสาระสำคัญเกี่ยวกับพนักพิงหลังนี้ผิดไป คนส่วนใหญ่มักคิดว่า การนั่งเอนหลังกึ่งนอนถือเป็นท่านั่งขับที่สบายที่สุด แต่ก็ต้องเข้าใจว่ารูปร่างของแต่ละคนไม่เท่ากัน ฉะนั้นควรเริ่มจากการนั่งปรับเบาะให้ตั้งตรงก่อนแล้วจากนั้นก็ค่อยๆเอนเบาะไปทีละสเต็ป หรือทีละล็อค จนรู้สึกว่านั่งกระชับดีแล้ว  ถือว่าเป็นวิธีนั่งที่ถูกต้องที่สุด

ปรับเบาะให้ตั้งตรง ก่อนค่อยปรับองศาการเอียง

เมื่อพูดถึงสรีระที่ไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะแผ่นหลัง ที่เราอาจจะรู้สึกว่า ท่านั่งกึ่งเอนนั้นให้ความสบายแต่ความจริงแล้วมันกับเพิ่มแรงกดไปที่เอว และท้ายสุดคุณจะปวดเอว ส่วนหลังก็เพิ่มความเมื่อยล้า และส่วนหนึ่งของการกึ่งนอนขับนั้น ก็อาจทำให้คุณหลับคาพวงมาลัยได้เช่นกัน

3. พนักพิงศีรษะต้องสูงในระดับที่พอดี

รถยนต์ส่วนใหญ่ โดยเฉพาะเบาะหน้า มักจะมีอุปกรณ์ที่เรียกว่า "หัวหมอน" พร้อมมาด้วย ซึ่งของชิ้นเล็กนี้แม้อาจดูเหมือนไม่สำคัญ... แต่ความจริงแล้วมันเป็นส่วนสำคัญที่คุณจะละเลยไม่ได้เลย เพราะมีส่วนของเรื่องความปลอดภัยมาเกี่ยวข้องด้วย

ปรับพนักพิงให้เหมาะสมกับช่วงลำคอ

หัวเบาะหรือหัวหมอนนี้ มีประโยชน์ไม่น้อย เพราะมันถูกออกแบบมาให้ลดแรงกระแทก และลดอาการบาดเจ็บที่จะเกิดกับช่วงคอเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ถือว่าเป็นส่วนของร่างกายที่มีความละเอียดอ่อนที่สุดส่วนหนึ่ง การปรับหัวหมอนพนักพิงให้อยู่กลางหลังศีรษะนั้น จะช่วยลดแรงกระแทก ยามเกิดอุบัติเหตุได้มาก ดังนั้นไม่ควรเอาออกอย่างเด็ดขาด

>> ข้อควรปฏิบัติในการขับรถยนต์ กับ 14 พฤติกรรมไม่ควรทำตอนขับรถ
>> 5 ข้อควรหลีกเลี่ยง เทคนิคการขับรถให้ปลอดภัย ที่มือใหม่ต้องรู้

4. ระดับพวงมาลัยไม่สูงหรือต่ำเกินไป

เมื่อจัดการกับท่านั่งเรียบร้อยแล้ว ก็มาดูต่อที่ตำแหน่งของพวงมาลัยต่อ ต้องให้อยู่ตำแหน่งที่พอดีมือ ควรปรับให้อยู่ในลักษณะเชิดหน้าหาคนขับเล็กน้อย ท่าสูงหรือต่ำไปจะทำให้ควบคุมพวงมาลัยได้ยาก ส่วนเวลาขับควรวางมือในตำแหน่ง 9-3 (ตามตำแหน่งเข็มนาฬิกา) เพื่อช่วยในการขับรถให้มีประสิทธิภาพในการควบคุมได้มากยิ่งขึ้น

5. เข็มขัดนิรภัยต้องคาดทุกครั้ง

อดทนหน่อยแม้จะอึดอัดในแรกๆ สำหรับคนที่ไม่เคยคาดเป็นประจำ พยายามทำให้เป็นนิสัยทุกครั้งที่ขับรถ แม้เข็มขัดนิรภัยจะเป็นอุปกรณ์มาตรฐานพื้นๆ แต่ว่ามันทรงประสิทธิภาพในการช่วยรักษาชีวิตผู้ขับขี่มานักต่อนัก ดังนั้นทุกครั้งที่ใช้รถ อย่าเอาความสบายเป็นหลักเหมือนท่านั่งที่ไม่ถูกต้องที่คุณอาจจะเคยใช้ขับขี่รถมาตลอด ยอมทนอึดอัดในตอนแรกๆ ก็จะ “ชิน” ไปเองกับเข็มขัดนิรภัยเชื่อเถอะว่ามีประโยชน์มากมายแน่นอนเมื่อถึงช่วงเวลาไม่คาดฝัน

ท่าขับที่เหมาะสมนอกจากจะช่วยให้ขับรถได้ปลอดภัยยังไม่ทำให้เสียสุขภาพด้วย

เรื่องง่ายๆ ที่คุณอาจจะเคยละเลยกับการขับรถมานาน แต่อย่าเอาความเคยชินมาใช้จนอาจส่งผลต่อต่อการขับขี่ที่อาจทำให้เกิดอันตรายขึ้นได้ เอาเป็นว่าลองนำไปปรับใช้กันดูกับท่านั่งขับรถ รับรองว่าจะทำให้การขับรถคุณปลอดภัยมากขึ้นและไม่ส่งผลต่อสุขภาพระยะยาวแน่นอน

เข้าดู ราคารถยนต์มือสอง ได้ที่นี่