เวลาเราคิดจะซื้อรถมือสองที่ไหนสักแห่งนึง คำที่เรามักจะได้ยินกันคือเป็นรถบ้าน กับรถเต๊น ซึ่งทั้งคู่ต่างก็เป็นรถมือสองด้วยกันทั้งคู่ จนเรามักจะเกิดคำถามขึ้นว่าซื้อรถอันไหนดี อันไหนดีกว่า และมันต่างกันยังไง วันนี้ทาง Chobrod มีมุมมองเป็นข้อๆ ในการเปรียบเทียบรถทั้งคู่มาให้ผู้ที่สนใจซื้อรถยนต์มือสองมาพิจารณากันค่ะ
เปรียบเทียบข้อดี – ข้อเสีย ระหว่างรถบ้านกับรถเต๊น
รถบ้าน เราจะพบกับเจ้าของรถที่แท้จริง คนขายจะมีชื่ออยู่ในเล่มทะเบียน เราสามารถพูดคุยที่มาของรถ ประวัติการใช้รถ การเข้าเช็คศูนย์ รวมไปถึงการดูแลรักษารถของเจ้าของ
รถเต๊น เราจะรู้แค่รุ่น ยี่ห้อ และข้อมูลของรถแบบคร่าวๆเพียงเท่านั้น ไม่ทราบประวัติ และที่มาของรถยนต์ที่แท้จริง เวลาติดต่อจะไม่เจอเจ้าของรถ จะเจอแค่เซลล์ของเต๊นหรือนายหน้าขายรถมือสองเท่านั้น และร้านบางที่ชอบปิดบังข้อบกพร่อง เราจะต้องเลือกร้านที่มีเครดิตน่าเชื่อถือ
รถเต๊นจะมีหน้าร้าน และพื้นที่แสดงรถที่ขายเป็นของตัว
รถบ้าน ส่วนใหญ่ราคาจะถูกกว่ารถเต๊น เพราะไม่มีต้นทุนด้านค่าเช่า ค่าแรงนายหน้า แต่บางคันราคาที่ตั้งมีการตั้งราคาเท่า หรือแพงกว่ารถเต๊น
รถเต๊น ราคาที่ตั้งจะราคาสูงว่ารถบ้าน เนื่องจากว่ามีบวกค่าใช้จ่าย เช่น ค่าเช่าร้าน ค่าแรงลูกจ้าง และค่าแรงนายหน้า เป็นต้น
รถบ้าน การบริการลูกค้าจะไม่มีเหมือนรถเต๊น ผู้ซื้อจะเป็นคนดำเนินเรื่องเองทั้งหมด ค่อนข้างยุ่งยาก ไม่มีคนประสานงานให้ ต้องติดต่อกับทางไฟแนนซ์รถยนต์เอง
รถเต๊น มีการบริการลูกค้า ติดต่อประสานงาน ดำเนินเรื่องให้ทั้งหมด ผู้ซื้อไม่ต้องเหนื่อยจัดการเอง ช่วยประหยัดเวลาให้กับผู้ซื้อได้อย่างมาก
ดูเพิ่มเติม
>> Five Fact : 5 รถมือสอง "เก่าแต่โคตรเก๋า" ขับไปไหนก็มีแต่คนมอง
>> ตลาดรถยนต์มือสอง 2018 ในไทยเป็นอย่างไร
ข้อได้เปรียบของรถเต๊น คือ ผู้ซื้อจะได้รถยนต์เร็วกว่ารถบ้าน และมีการบริการลูกค้า
รถบ้าน จะได้รถช้ากว่ารถเต๊น เนื่องจากว่าพอผู้ซื้อรถยนต์ยื่นอนุมัติผ่านแล้ว ผู้ซื้อจะต้องรอให้ทางผู้ขายรถทำเรื่องโอนรถเข้าไฟแนนซ์รถที่ยื่นขอให้เรียบร้อยก่อน และทางไฟแนนซ์รถจะทำเช็คสั่งจ่ายมายังเจ้าของรถยนต์ ต้องรอจนกว่าทางเจ้าของรถจะได้รับเช็คสั่งจ่ายและเงินดาวน์ที่ตกลงกันไว้เรียบร้อย ผู้ซื้อถึงจะได้รถยนต์
รถเต๊น ได้รถเร็วกว่ารถบ้าน เพราะเมื่อผู้ซื้อรู้ผลอนุมัติแล้ว ทางเต๊นจะติดต่อมาให้ผู้ซื้อมาชำระเงินดาวน์ ชำระเสร็จผู้ซื้อจะได้รถยนต์เลย
รถบ้าน การยื่นขอไฟแนนซ์รถยนต์ต้องนัดติดต่อทำเรื่องพร้อมกันกับเจ้าของรถโดยตรง มีการนัดเจรจาต่อรองราคา รอผู้ขายโอนเรื่องผ่านไฟแนนซ์ ประมาณ 3 วัน รอยื่นขอสินเชื่อประมาณ 3 วัน นับรับเงินตามที่ตกลง 1 วัน รวมเวลาแล้วรถบ้านผู้ซื้อจะใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 7 วัน
รถเต๊น ขั้นตอนค่อนข้างไว ผู้ซื้อไม่เสียเวลามากมายนัก ทำหน้าที่แค่เลือกรถที่ชอบ ตกลงราคา เซ็นสัญญา จากนั้นทางเต๊นจะดำเนินเรื่องให้ทั้งหมด เมื่อเรื่องอนุมัติ ผู้ซื้อแค่รอผล 3 วัน และอีก 1 วัน ทางผู้ซื้อจ่ายเงินดาวน์ที่ตกลงกันไว้แล้วรับรถได้เลย รวมเวลาแล้วรถเต๊นใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 4 วัน
ในการเลือกรถยนต์มือสองต้องดูรถยนต์ให้เป็นเราจะได้รถที่ไม่มีปัญหาแน่นอน
เป็นอย่างไรบ้างค่ะกับการเปรียบเทียบระหว่างรถบ้านกับรถเต๊น เพื่อนๆ จะพบว่าทั้งคู่มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ต่างกัน คำแนะนำในการซื้อรถยนต์มือสองคือเราต้องดูสภาพรถยนต์ให้เป็นคือสิ่งที่ดีที่สุด หาข้อมูลรถที่สนใจอย่างละเอียด หรือพาคนรู้จักที่ดูสภาพรถมือสองเป็น พาเขาไปเลือกรถยนต์มือสองด้วยกันเพื่อความสบายใจ และความมั่นใจมากขึ้น เพราะหากเราเลือกผิดพลาดขึ้นมา คนที่เดือดร้อนจะเป็นเราเอง ส่งผลให้สูญเสียเงินซ่อม เพิ่มภาระค่าใช้จ่ายมากขึ้นไปอีก และอาจส่งผลทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้นได้ค่ะ
ข่าวสาร และเทคนิคต่างๆ เกี่ยวกับรถยนต์ ทาง Chobrod ยินดีมาแชร์ยังมีให้ติดตามกันอยู่เรื่อยๆ ฝากเพื่อนๆ ติดตามกันด้วยนะคะ
ดูเพิ่มเติม
>> เมืองไทย ใช้รถบ้าน ได้ไหม??
>> ซื้อรถสักคัน เลือกซื้อรถมือหนึ่ง หรือมือสองดีกว่ากัน
ติดตามข่าวสารรถยนต์ เชิญที่นี่
ต้องการซื้อรถกระบะมือสองสภาพดี เชิญเข้าดูที่ตลาดรถตรงนี้