เทคนิคขับรถขึ้นลงเขายังไงให้ปลอดภัย

ประสบการณ์ใช้รถ | 23 ก.พ 2561
แชร์ 4

การเดินทางท่องเที่ยวสไตล์ลุย คงหนีไม่พ้นเส้นทางขึ้นเขาลงห้วง ซึ่งต้องเจอตั้งแต่เนินต่ำๆ ไปจนถึงหุบเขาที่สูงชัน ผู้ขับขี่จะต้องมีความระมัดระวังในการควบคุมรถ ทั้งยังต้องมีสมารธิสูงมากๆ

วันนี้ทาง Chobrod.com มีเทคนิคการขับรถขึ้นลงเขามาฝาก เพื่อที่จะเอาไปใช้ท่องเที่ยวสไตล์ออฟโรดแบบลุย 

ประเมินความสูง

ทางขึ้นเขาไม่ว่าจะสูงมาขนาดไหน อันดับแรกคือการประเมินความสูง ระยะทางที่เราควรเร่งเครื่อง ควรเปลี่ยนตำแหน่งเกี่ยรต่ำลง 1 หรือ 2 ตำแหน่งนั้นขึ้นกับความเร็วเดิมในขณะนั้น และเร่งรอบเครื่องยนต์ค้างไว้ที่รอบสูงประมาณ 2,000 - 3,000 รอบต่อนาที เพื่อให้มีกำลังการส่งขึ้นเนิน และเสี้ยงคันเร่งให้รักษาระดับความเร็วที่เหมาะสม

ทางขึ้นเขาไม่ว่าจะสูงมาขนาดไหน อันดับแรกคือการประเมินความสูง
ทางขึ้นเขาไม่ว่าจะสูงมาขนาดไหน อันดับแรกคือการประเมินความสูง

ทางโค้งไม่ควรประมาท

หากเจอทางโค้งที่มีความชันและสลับกันซ้ายขวาต่อเนื่อง ให้เติมคันเร่งในจังหวะก่อนจะหักพวงมาลับเลี้ยวขึ้นโค้งถัดไป เพื่อที่จะรักษากำลังของเครื่องยนต์เอาไว้ และผู้ขับจะต้องใช้เกียร์ต่ำให้รอบเครื่องยนต์ค้างระดับเดิมเอาไว้ เมื่อทางชันมากขึ้นและกำลังจะเริ่มตกลง อย่าให้รอบต่ำจนเร่งไม่ไหว ให้รีบเปลี่ยนเกียร์ต่ำก่อนรอบเครื่องวนต์ตกมาประมาณ ​2,000 รอบต่อนาที เพื่อให้มีกำลังต่อเนื่องในการเร่ง

ระวังการมอง

สายตาของผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารจำเป็นต้องช่วยกันมองทางข้างหน้า ทั้งด้านหน้าตรง ด้านข้าง และระยะไกลเท่าที่เห็นได้ เพราะเส้นทางอาจมีสิ่งกีดขวาด อย่างต้นไม้ หุบเขาไหล่เขาบดบัง ทำให้ไม่สามารถมองเห็นทาง โดยเฉพาะเข้าทางโค้งและทางชันแคบๆ มักมีโอกาสเจอรถสวนทางมา เพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้

สายตาของผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารจำเป็นต้องช่วยกันมองทางข้างหน้า ทั้งด้านหน้าตรง ด้านข้าง
สายตาของผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารจำเป็นต้องช่วยกันมองทางข้างหน้า ทั้งด้านหน้าตรง ด้านข้าง 

เรื่องเบรคต้องใส่ใจ

การขับรถลงเขานับว่าเป็นอันตรายมาก เนื่องจากมีโอกาสเสี่ยงที่ระบบเบรคจะทำงานหนัก เนื่องจากการลงเขาชัน ดังนั้นการขับรถลงเขาควรใช้เกียร์ต่ำถัดลงมาจากเกียร์เดิมในขณะนั้น เพื่อให้เบรคจากเครื่องยนต์ช่วงหน่วงความเร็วให้ช้าลง ละค่อยๆ แต่ะสลับกับปล่อยเบรคเป็ฯระยะๆ เพื่อช่วยลดความร้อนของผ้าเบรค

ควรฝึกใช้เกียร์ให้ชำนาญ
ควรฝึกใช้เกียร์ให้ชำนาญ

ระบบเกียร์จำเป็น

ในรถยนต์เกียร์อัตโนมัติ ให้เลื่อนตำแหน่งไปที่ 3 หรือ  2 เพื่อให้ตำแหน่งเกียร์ตำ่ลง และหากต้องขับผ่านทางชันมากๆ ไม่ว่าจะขึ้นลงก็ควรใช้ตำแหน่ง L ซึ่งคล้ายกับเกียร์ 1 นั่นเอง ส่วนรถที่มีระบบเปลี่ยนเกียร์ทั้งแบบบวกและลบหรือมี Paddle Shift บนพวงมาลัย โดยเฉพาะใช้แบบโยกที่คันเกียร์ ให้ฝึกจนคุ้นเคยว่าต้องผลักเกียร์ไปทางใดเป็นการเพิ่มหรือลดตำแหน่งเกียร์ด้วยเพื่อลดความผิดพลาด 

เทคนิคเหล่านี้เป็นเทคนิคเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แม้ว่ารถยนต์รุ่นใหม่จะมีระบบป้องกันการทรงตัวมากมาย แต่ส่ิงที่ผู้ขับขี่จะต้องมีคือความไม่ประมาท และความรู้ความเข้าใจสมรรถนะของรถ เพื่อให้เกิดความปลอดภัย

ดูเพิ่มเติม

ลุยออฟโรด 7 อุปกรณ์ที่ต้องมี

เคล็ดลับปลอดภัย ขับรถกลางคืน

นั่งให้ถูกท่า ลดความเมื่อล้า