รถยนต์กับเรื่องราว ในพิพิธภัณฑ์ Henry Ford

ประสบการณ์ใช้รถ | 2 ต.ค 2561
แชร์ 0

เรื่องราวต่างๆของมนุษย์ล้วนมีที่มาที่ไป รถยนต์เองก็เช่นกัน มันก็มีเรื่องราวที่กินใจคนและก็ถูกนำมาบรรจุไว้เป็นพิพิธภัณฑ์ และพิพิธภัณฑ์รถยนต์ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของโลกก็คือ Henry Ford Museum

วิทยาศาสตร์และศิลปศาสตร์เป็นดั่งสิ่งเติมเต็มกันมาช้านาน หากโลกนี้มีเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งคงจะพิลึก หากมีวิทยาศาสตร์เพียงอย่างเดียว ความบันเทิง ความงามที่จะมาจรรโลงใจมนุษย์ก็คงไม่เกิดขึ้น มนุษย์ก็แทบจะไม่ต่างอะไรกับหุ่นยนต์ หากโลกนี้มีเพียงศิลปศาสตร์เพียงอย่างเดียว สิ่งอำนวยความสะดวกและเทคโนโลยีต่างๆก็คงไม่มีให้ได้ใช้ให้ได้เห็น มันจึงถูกพัฒนาต่อเนื่องสืบมาจนถึงปัจจุบัน และก็กลายเป็นสาขาย่อยๆต่างๆมากมาย

ในวงการรถยนต์ ต้นกำเนิดแน่นอนว่ามาจากวิทยาศาสตร์แต่เพราะมนุษย์ยังมีเรื่องของศิลป์อยู่ภายใน รถยนต์สมรรถนะดีๆและสวยงามก็เลยเกิดขึ้น เมื่อพูดถึงเรื่องทางด้านศิลป์แล้วในอุตสาหกรรมรถยนต์ไม่ได้มีแค่เรื่องความสวยงามหรือระบบความบันเทิงในรถยนต์เท่านั้น แต่ยังมีคนหัวใสนำเอาเรื่องราวของวงการรถยนต์มาร้อยเรียงและทำออกมาเป็นพิพิธภัณฑ์ให้คนรุ่นหลังได้สืบสานทั้งทางวิทยาศาสตร์และศิลปะ ดังที่เราจะได้เห็นจากพิพิธภัณฑ์ Henry Ford นับจากบรรทัดนี้

ในตลาดประเทศไทย ถ้าไม่นับ 5 แบรนด์รถยนต์ชื่อดังจากญี่ปุ่นแล้ว Ford ถือได้ว่าเป็นแบรนด์รถยนต์จากอเมริกาที่ทำยอดขายได้สูงสุด และทำได้เป็นอันดับ6เมื่อนับทุกแบรนด์รวมกันในประเทศไทย ในแต่ละปีมียอดขายประมาณ 50,000-60,000 คัน โดยรถยนต์รุ่นยอดนิยมในบ้านเราจาก Ford เห็นจะเป็น Ford Ranger กระบะพันธุ์แกร่ง

ส่วนในระดับโลก Ford นับว่าเป็นหนึ่งใน3บริษัทยักษ์ใหญ่ที่สุด แห่งอุตสาหกรรมรถยนต์ในอเมริกา ที่มีพนักงานร่วม200,000 คนทั่วโลกและทำรายได้ 4.5 ล้านล้านบาทต่อปีด้วยผลการดำเนินงานทียาวนานตั้งแต่ปี 1903 โดยนาย Henry Ford เมื่อ100กว่าปีมาแล้ว จนกระทั่งมีการสร้างพิพิธภัณฑ์เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ก่อตั้งในชื่อเดียวกันคือ Henry Ford Museum

Ford Model T

รถคันแรกที่จะขาดไม่ได้เลยในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้คือ Ford Model T ที่ตั้งอยู่ชัดเจนที่บริเวณทางเข้าของพิพิธภัณฑ์ นับได้ว่าเป็นต้นแบบของรถยนต์ที่ทำให้ Ford มีชื่อเสียงมาจนทุกวันนี้ เพราะว่าการผลิตรถยนต์คันนี้ใช้วิธีการผลิตแบบ Assembly Line ที่มีระบบบการประกอบรถยนต์ที่เป็นแบบแผนมากขึ้น ซึ่งเปลี่ยนจากการเอาชิ้นส่วนต่างๆมาประกอบด้วยมือ (ไม่ได้เป็นไลน์การผลิต) และก็ขายดิบขายดีสร้างรายได้และชื่อเสียงให้แก่ Henry Ford เป็นอย่างมากในสมัยนั้น โดยขุมกำลังที่ใช้คือเครื่องยนต์ 4สูบ ขนาด2,900ซีซี ให้กำลัง 20แรงม้า ทำความเร็วได้สูงสุด 72กิโลเมตรต่อชั่วโมง

Ford Model T ที่มีการแยกส่วนให้เห็นด้านในด้วย

SS-100-X

เดินข้ามห้องโถงมาจะเป็นรถยนต์หรูที่เป็นหนึ่งในความทรงจำของชาวอเมริกันและของคนทั่วโลก เพราะมันคือรถลีมูซีนคันที่ประธานธิบดี John F. Kennedy ถูกลอบสังหารในช่วงเดือนพฤศจิกายน 1963 ชื่อที่ถูกเรียกกันคุ้นหูคือ SS-100-X รถคันนี้มันคือ Lincoln ที่สร้างโดย Ford มีราคาราว 250,000 บาทในตอนนั้น (เทียบค่าเงินก็คงประมาณ2ล้านบาทในปัจจุบัน) เหลือเชื่อที่เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นแล้ว รถคันนี้ถูกนำมาทำความสะอาดและใช้ต่อไปโดยการเสริมเหล็กมากขึ้นที่หลังคา ประธานธิบดีอีกหลายคนที่ได้ใช้รถคันนี้ต่อก็อย่างเช่นประธานาธิบดี Lyndon B. Johnson, ประธานาธิบดีRichard Nixon เป็นต้น ก่อนจะปลดประจำการในปี 1977 ขุมกำลังของรถยนต์คันนี้คือเครื่องยนต์8สูบที่ปริมาตรกระบอกสูบถึง 7,000 ซีซี มีกำลัง 500 แรงม้า

ดูเพิ่มเติม
>> 
หายสงสัยกันได้เเล้วนะ กับความแตกต่างของ Ford Ranger กับ Ford Ranger Raptor
>> ศาลพิพากษาสั่ง Ford จ่ายชดเชยความเสียหายรวมกว่า 23 ล้านจากการผลิตรถยนต์ชำรุดบกพร่อง
 

SS-100-X รถหรูของประธานาธิบดีหลายคนในสหรัฐอเมริกา

Bugatti Type 41

แม้จะได้ชื่อว่เป็น Henry Ford Museum แต่ก็ประหลาดมากที่ไม่ได้มีแต่รถยนต์ Ford เท่านั้น แบรนด์ที่ไม่ใช่Fordก็มาอยู่ที่นี่ได้ อย่างที่เห็นจากภาพด้านล่างนี้คือ Bugatti Type 41 ปี1931 ที่ใหกำลังถึง 300 แรงม้าจากเครื่องยนต์ทั้งหมด8สูบ และมีเพียงแค่6คันในโลก สิ่งที่น่าสนใจอีกเรื่องหนึ่งที่แสดงอยู่ใกล้ๆกันก็คือ ป้ายที่มีข้อมูลบอกว่าจะต้องมีเงินเดือนเท่าไหร่และใช้เวลาเก็บเงินนานแค่ไหนถึงจะได้เป็นเจ้าของรถยนต์คันนี้ ซึ่งในตอนนั้นรถยนต์ออกขายมีมูลค่าถึง 1,500,000 บาท เงินจำนวนนี้เมื่อเกือบร้อยปีก่อนก็ถือว่ามากโขอยู่ และต้องใช้เวลาเก็บเงินจากเงินเดือนตัวเองราวๆ31ปีถึงจะซื้อรถคันนี้ได้ (เมื่อคำนวณจากเวลาในตอนนั้น)

Bugatti Type 41 ที่ขึ้นชื่อเรื่องราคามาตั้งแต่โบราณกาล

Ford Mark IV

รถคันนี้เป็นรถแข่งที่ได้รับรางวัลจากการแข่งขันในรายการ 24 Hours of Le Mans ซึ่งเป็นการแข่งขันที่ทดสอบความแข็งแกร่งของรถยนต์ นักแข่งที่เป็นตำนานของวงการการแข่งรถก็คือ Anthony Joseph Foyt และ Dan Gurney ผู้ที่ฉลองชัยชนะของการแข่งขันด้วยการเขย่าขวดแชมเปญให้กลายเป็นฟองสเปรย์เป็นคนแรกของโลก และก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการฉลองชัยการแข่งรถด้วยการเขย่าขวดแชมเปญจนถึงปัจจุบัน  รถยนต์ Ford Mark IV เป็นรถเครื่องยนต์8สูบ ปริมาตร6,980ซีซี และมีกำลังถึง 530แรงม้าที่ 6,200รอบต่อนาที ทำความเร็วได้สูงสุด 330กิโลเมตรต่อชั่วโมง

รถยนต์ Ford Mark IV ในพิพิธภัณฑ์

รถยนต์ Ford Mark IV ในพิพิธภัณฑ์

Dan Gurney ในปี 1970

Dan Gurney ในปี 1970

1986 Ford Taurus

หนึ่งในรถยนต์ที่เป็นตำนานอีกรุ่นหนึ่งของ Ford และนี่คือรุ่นแรกในบรรดาทั้งหมด 6รุ่นของ Ford Taurus เป็นรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้า และทำรายได้ให้กับบริษัท Ford เป็นกอบเป็นกำ แค่โมเดลแรกโมเดลเดียวมีการใช้งานในโฉมนี้นานถึง6ปี และในแต่ละปีก็ขายได้เฉลี่ย300,00 คันตั้งแต่ปี 1986-1991 รวมจำนวนที่ขายไปทั้งสิ้น 2,030,791 คัน ช่วยให้บริษัทรอดพ้นวิกฤตทางการเงินมาได้  ขุมกำลังของมันคือเครื่องยนต์ขนาด 2,498 ซีซี ที่ให้กำลัง 88แรงม้า ทำความเร็วสูงสุดได้ 172 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

รถยนต์ Ford Taurus หนึ่งในตำนานของ Ford

รถยนต์ Ford Taurus หนึ่งในตำนานของ Ford

Rosa Parks Bus

เห็นชื่อแปลกๆแบบนี้ แต่ที่มานั้นช่างลึกซึ้ง ในวันที่ 1 ธันวาคม 1955 Rosa Parks ช่างเย็บผ้าผิวดำเพศหญิงอายุ 42ปี ขึ้นรถเมล์ในรัฐ Alabama สหรัฐอเมริกา และปฏิเสธการปฏิบัติตามคำสั่งของคนขับรถเมล์ที่บอกให้เธอสละที่นั่งให้กับชายผิวขาว ในสมัยนั้นการเหยียดผิวของชาวอเมริกันนั้นรุนแรงมากชนิดที่ว่าบนรถเมล์ก็ยังมีการแบ่งแยกที่นั่งระหว่างคนผิวขาวกับคนผิวดำ ให้คนผิวขาวขึ้นประตูหน้าและให้คนผิวดำขึ้นประตูหลัง Rosa นั่งอยู่บริเวณที่นั่งของคนผิวดำก็ดูเหมือนไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่เรื่องมันมาเกิดตรงที่ว่าที่นั่งของคนผิวขาวเต็ม เมื่อผู้โดยสารที่เป็นคนผิวขาวขึ้นมาจึงไม่มีที่นั่ง คนขับได้บอกให้ Rosa สละที่นั่งของเธอกับชายผิวขาว แต่เธอกลับปฏิเสธ กลายเป็นว่า Rosa ถูกจับข้อหาที่ว่าไม่ปฏิบัติตามการแบ่งแยกสีผิว ด้วยการกระทำของ Rosa ในครั้งนั้นเป็นดั่งประกายไฟเล็กๆที่ทำให้การต่อสู้ทางสังคมของคนผิวขาวและคนผิวดำเกิดขึ้นอย่างจริงจัง และนำมาซึ่งเสรีภาพของคนผิวดำที่จะไม่ถูกกดขี่อีกต่อไป (ก็ขนาดประธานาธิบดียังเป็นคนผิวดำได้แล้ว) ถ้าเหตุการณ์วันนั้นไม่เกิดขึ้นหรือหากคนที่ถูกขอให้สละที่นั่งไม่ใช่ Rosa เรื่องราวก็คงไม่ออกมาในรูปแบบนี้

รถบัส Rosa Parks  ที่เป็นยานพาหนะเริ่มต้นของเสรีภาพชาวผิวดำ

Rosa Parks ผู้ไม่ยอมให้คนผิวขาวมากดขี่

เพื่อนๆชาว Chobrod คงพอเห็นภาพเบื้องหลังเรื่องราวที่หยิบยกรถยนต์มาทำเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ทำให้ชาวอเมริกันได้นึกถึงเรื่องราวต่างๆที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ในประเทศของเขาได้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องของอารมณ์มากกว่าสมรรถนะของเครื่องยนต์ แต่ก็เพราะมีเรื่องอารมณ์มาเกี่ยวข้องนี่ล่ะ ทำให้มนุษย์มีความเป็นมนุษย์ได้อย่างทุกวันนี้และก็ทำให้พิพิธภัณฑ์ต่างๆทั่วโลกเป็นดั่งคลังข้อมูลเรื่องราวต่างๆของมนุษยชาติสืบต่อไป

ดูเพิ่มเติม
>> 
เจ๋งสุดๆ ....Ford Ranger Raptor กลายเป็นรถกู้ภัยในสนามแข่ง Supercars Champinship
>> ชาวเน็ตว่าไงเมื่อเห็น Ford Ranger Raptor ถูกทดสอบความแกร่ง ??!

ติดตามข่าวสารรถยนต์ เชิญที่นี่  
ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดีและน่าเชื่อถือ เชิญที่นี่

แท็ก Rosa Parks bus