รถ กระบะ ที่ ประหยัด น้ำ มัน ที่สุด มีรุ่นไหนบ้างที่น่าใช้และ อัตรา สิ้น เปลือง น้ำ มัน รถ กระบะ ของแต่ละรุ่นแตกต่างกันแค่ไหน บทความนี้มีคำตอบ
หลายคนอาจจะทราบกันดีอยู่แล้ว และยังมีอีกหลายคนอาจยังไม่เคยรู้มาก่อนว่าประเภทรถที่สามารถทำยอดขายได้มากที่สุดในประเทศไทยนั้นคือ รถกระบะ ซึ่งในบ้านเราประกอบไปด้วยรถมากมายหลายรูปแบบ การตัดสินใจเลือกใช้รถของแต่ละคนขึ้นอยู่จุดประสงค์ต่อการใช้งานเป็นหลัก รวมไปถึงอาชีพเกษตรกรเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่ต้องใช้รถกระบะในการทำงาน และอาจไม่ได้หมายความว่าจะนำมาใช้งานแค่เพียงด้านเกษตรอย่างเดียวเท่านั้น เพราะยังนำมาต่อยอดเพื่อสร้างรายได้ให้กับตัวเองหลายทาง เช่น ขนส่งสินค้าทั่วไป หรือรถรับจ้าง ที่ในปัจจุบันนี้หลายบริษัทได้เลือกใช้รถกระบะเป็นยานพาหนะหลักในการขนส่งสินค้าเพราะมีจุดเด่นอยู่ที่ความคล่องตัวและสามารถบรรทุกของได้เยอะ
สำหรับใครที่กำลังมองหา รถ กระบะ ประหยัด น้ำมัน วันนี้เราได้รวบรวม รถ กระบะ ประหยัด น้ำ มัน ทั้งหมด 5 รุ่นที่ตั้งใจเลือกมาเป็นอย่างดี เพื่อเอาไว้ประกอบการตัดสินใจ เพราะในแต่ละรุ่นนอกจากจะโดดเด่นเรื่องของการประหยัดน้ำมันแล้ว ยังมาพร้อมกับดีไซน์และสมรรถนะอันทรงพลังอีกด้วย จะมีรุ่นไหนถูกใจกันบ้าง ตามไปดูพร้อมกันในบทความนี้เลย
เริ่มต้นกันที่รถกระบะรุ่นแรกกับ Isuzu D-Max V-Cross รุ่น 3.0 Ddi M 4-door AT รุ่นยอดนิยมขวัญใจคนไทยที่มาพร้อมสมรรถนะทรงพลังเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 3.0 ลิตร 2,999 ซีซี แบบ 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว DOHC เทอร์โบแปรผัน อินเตอร์คูลเลอร์ ให้พละกำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,600 รอบต่อนาที ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด อัตราการประหยัดน้ำมันเฉลี่ยที่ 7.2 ลิตร/100 กม.
Isuzu D-Max V-Cross รุ่น 3.0 Ddi M 4-door AT
ต่อมาเป็นรถกระบะตัวท็อปสุดจากโตโยต้ากับ Toyota Hilux Revo Rocco รุ่น Double Cab 4x4 2.8 AT อีกหนึ่งรุ่นรถกระบะที่ได้รับความนิยมจากคนไทยมาอย่างยาวนาน เนื่องด้วยความสวยงามของดีไซน์ที่มีการปรับโฉมมาโดยตลอด ตอบโจทย์คนไทยได้ทั้งการเกษตรและเชิงพาณิชย์ โดดเด่นด้วยสมรรถนะดีเยี่ยมกับเครื่องยนต์ขนาด 2.8 ลิตร 2,755 ซีซี 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว DOHC VN Turbo และ Intercooler ให้พละกำลังสูงสุด 204 แรงม้า ที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิดอยู่ที่ 500 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600 - 2,800 รอบต่อนาที ผสานเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ อัตราการประหยัดน้ำมันเฉลี่ยที่ 7.0 ลิตร/100 กม.
Toyota Hilux Revo Rocco รุ่น Double Cab 4x4 2.8 AT
มาดูรถกระบะตัวท็อปจากค่าย Mitsubishi กันบ้างกับรุ่น Double Cab 4WD ATHLETE AT ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ MIVEC ขนาด 2.4 ลิตร 2,442 ซีซี 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว เทอร์โบแปรผัน Intercooler ให้พละกำลังสูงสุด 181 แรงม้า ที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตัน-เมตร ที่ 2,500 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด อัตราการประหยัดน้ำมันเฉลี่ยที่ 7.6 ลิตร/100 กม.
Mitsubishi Triton รุ่น Double Cab 4WD ATHLETE AT
อีกหนึ่งรุ่นรถกระบะประหยัดน้ำมันที่มาแรงที่สุดกับ Mazda BT-50 รุ่น DBL 4x4 3.0 SP 6AT นอกจากดีไซน์ภายนอกจะโฉบเฉี่ยว ดุดัน และสวยงามแล้ว ยังมาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 3.0 ลิตร 2,999 ซีซี 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว VGS เทอร์โบและ Intercooler ให้พละกำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600 - 2,600 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด อัตราการประหยัดน้ำมันเฉลี่ยที่ 7.1 ลิตร/100 กม.
Mazda BT-50 รุ่น DBL 4x4 3.0 SP 6AT
ปิดท้ายกันด้วยรถกระบะสุดแกร่ง ดีไซน์สวย และสมรรถนะทรงพลังกับ Nissan Navara รุ่น DC PRO-4X 7AT มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.3 ลิตร 2,298 ซีซี 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว เทอร์โบคู่และ Intetcooler ให้พละกำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,750 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-2,500 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด อัตราการประหยัดน้ำมันเฉลี่ยที่ 7.8 ลิตร/100 กม.
Nissan Navara รุ่น DC PRO-4X 7AT
อย่างไรก็ตาม รถกระบะทั้งหมด 5 รุ่นที่เราได้แนะนำไปเหมาะสำหรับการใช้งานที่ครอบคลุมทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นต่อยอดธุรกิจ ขับใช้ในชีวิตประจำวัน หรือเดินทางท่องเที่ยว เพราะทั้งดีไซน์ที่สมบุกสมบันสามารถลุยได้ทุกเส้นทาง และที่สำคัญมีอัตราการประหยัดน้ำมันที่จะช่วยเซฟเงินในกระเป๋าของคุณได้เยอะเลยทีเดียว
ตลาดรถมือสอง มีรถมากมายให้เลือกในราคาที่ถูกใจ