ถ้าไม่อยากพลาด!! ต้องเช็คให้ดีก่อนซื้อรถกระบะมือสองราคาถูก!

ซื้อรถกระบะมือสองทังทีต้องดูอะไรบ้าง

รถกระบะ หรือที่คุ้นเคยกันในชื่อ “รถปิคอัพ” ถือเป็นรถที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศไทย โดยเฉพาะในด้านการใช้ประโยชน์เพื่อการพาณิชย์ นอกจากนี้รถกระบะมือสองยังได้รับความนิยมมากที่สุดในกลุ่มรถยนต์เช่นเดียวกัน แล้วในการเลือกซื้อรถกระบะมือสอง มีอะไรบ้างที่เป็นปัจจัยในการเลือกซื้อกระบะมือสองที่ให้คุณภาพตรงใจ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ และคุ้มค่าที่เลือกซื้อมากที่สุด

รถกระบะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทด้วยกัน โดยรุ่นที่มีจำหน่ายในประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นรถกระบะขนาดกลาง

ประเภทของรถกระบะ

• รถกระบะขนาดเล็ก - เป็นรถกระบะที่มีขนาดเล็ก ใช้พื้นฐานเดียวกับรถเก๋ง ปรับปรุงด้านหลังเป็นกระบะสำหรับวางของ มักใช้ในธุรกิจขนาดเล็กและกลาง รถกระบะขนาดเล็กมาก
• รถกระบะขนาดกลาง – ถือเป็นรถกระบะที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน มีน้ำหนักอยู่ประมาณ 1-1.5 ตันโดยประมาณ หลายรุ่น เป็นที่นิยมและขายดีมาก นิยมใช้ในทุกวงการ และทุกสาขาอาชีพ เช่น อีซูซุ ดี-แม็กซ์, เชฟโรเลต โคโลราโด, นิสสัน นาวารา, มิตซูบิชิ ไทรทัน, โตโยต้า ไฮลักซ์ "วีโก้ แชมป์", มาสด้า บีที-50, ฟอร์ด เรนเจอร์ และทาทา ซีนอน เป็นต้น
• รถกระบะขนาดใหญ่ - สำหรับรถกระบะในกลุ่มนี้ ในประเทศไทยนั้นมีการนำเข้ามาขาย แต่มีเป็นจำนวนน้อย และเป็นการนำเข้ามาจากสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก เพราะทางอเมริกาถือเป็นเจ้าตลาดรถประเภทนี้ รถกระบะมีขนาดใหญ่มาก เล็กกว่ารถบรรทุกเพียงนิดเดียว

นอกจากนี้ประเภทของห้องโดยสารยังแบ่งออกเป็น 3 ประเภทเช่นกัน

ประเภทห้องโดยสาร

ไม่เพียงแค่แบ่งประเภทเท่านั้น แต่รถกระบะก็ยังมีการแบ่งรุ่นย่อยจากประเภทห้องโดยสารออกไปอีก ได้แก่

• Standard Cab หรือ Single Cab หรือ S-Cab คือ กระบะตอนเดียว นั่งได้สูงสุด 3 คนในที่นั่งตอนหน้า ไม่มี Cab เสริม
• Extended CAB หรือ X-Cab คือ รุ่น 2 ประตู มี Cab เสริม โดยแบ่งออกเป็น 2 รุ่นคือ

• Super Cab คือ รถกระบะแบบมี Cab ที่ไม่มีประตูเปิดแบบตู้กับข้าว
• Open Cab คือ รถกระบะแบบมี Cab ที่เป็นประตูแบบตู้กับข้าว

• Double Cab หรือ Crew Cab หรือ C-Cab คือ รถกระบะแบบ 2 ตอนรุ่น 4 ประตู

โดยประเภทของรถกระบะที่จะเลือกซื้อนั้นขึ้นอยู่กับความจำเป็น และลักษณะของการใช้งาน หากต้องการเน้นขนของในจำนวนมากควรเลือกเป็น Single Cab หรือ Standard Cab เป็นหลัก ในขณะที่บ้านเรามีจำหน่ายแค่เพียงรถกระบะขนาดกลางเท่านั้น จึงช่วยลดการตัดสินใจไปได้เรื่องหนึ่ง

นอกเหนือจากคุณสมบัตืที่ต้องการแล้ว ยังต้องคำนึงถึงงบประมาณที่จะไม่ก่อหนี้สินที่จัดการยากในอนาคต

ดูเพิ่มเติม
>> เปรียบเทียบอัตราสิ้นเปลือง 9 รถกระบะที่ขายในไทย 2019
​>> รถกระบะตัวท็อป! จากค่ายยอดนิยมในไทยประจำปี 2019​ 
 

การตั้งงบประมาณที่เหมาะสม

เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงอันดับต่อมาเมื่อจะซื้อรถกระบะมือสอง เพราะรถกระบะทั้ง 3 ประเภทที่กล่าวมาข้างต้นนั้นมีราคาที่หลากหลายตั้งแต่หลักแสนต้นๆ ไปจนถึงหลักล้านเลยทีเดียว แต่อย่าเพิ่งตกใจไป เพราะด้วยความเป็นรถกระบะมือสองทำให้ราคาตกลงมาที่หลักหมื่นปลายๆ ไปจนถึงหลักแสนเท่านั้น ฉะนั้นนอกจากความชอบ สมรรถนะ และสภาพของรถแล้ว งบประมาณก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เราสามารถกำหนดขอบเขตรุ่นของรถที่จะซื้อได้ และ “งบประมาณ” นี้จะเป็นตัวกำหนด และควบคุมไม่ให้มีค่าใช้จ่ายที่เกินตัว เพราะอาจมีผลต่อภาระการผ่อนชำระ โดยเฉพาะสำหรับใครที่ต้องซื้อผ่านไฟแนนซ์ ฉะนั้นต้องมีการวางแผนให้รอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อรถ และควรแบ่งค่าใช้จ่ายสำหรับการซ่อมบำรุงเผื่อไว้ด้วย

สำหรับปัญหาที่จะตามมาในอนาคตก็คือในเรื่องของอะไหล่ และเครื่องยนต์ที่เสื่อมสภาพตามวัน และเวลา

หากเลือกแหล่งซื้อ และซ่อมที่ดีได้ ก็ย่อมทำให้รถมือสองเครื่องแรงไม่ต่างจากรถใหม่ป้ายแดงเลย
 

ปัญหาที่ตามมาจากการซื้อรถกระบะมือสองราคาถูก

เมื่อเป็นรถกระบะมือสองราคาถูกหากไม่เป็นรถสำหรับการขนส่งเชิงพาณิชย์แล้ว ก็คือเป็นรถกระบะที่มีอายุค่อนข้างมาก และแน่นอนว่าสาเหตุแรกไม่น่ากลัวเท่าสาเหตุที่สอง เพราะรถที่มีอายุค่อนข้างมากรถก็มักจะมีปัญหามากตามไปด้วย สำหรับการซ่อมบำรุงก็ขึ้นอยู่กับว่าสภาพภายในเครื่องมีอาการแย่มากหรือน้อยเพียงไร และต้องซ่อมบำรุงแบบใด เพราะหากเป็นอาการเล็กน้อยที่แค่เปลี่ยนอะไหล่ก็เสียค่าใช้จ่ายเบาหน่อย เนื่องจากอะไหล่สามารถหาซื้อได้ทั้งอะไหล่แท้ อะไหล่เทียม หรืออะไหล่เซียงกงมือสองให้เลือกได้อย่างหลากหลาย และครบครัน ขณะเดียวกันหากต้องยกเครื่องใหม่ทั้งหมด ก็เรียกได้ว่าเสียเงินไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามหากรู้แหล่งซ่อมที่ถูก และดีแล้ว จะทำให้การมีรถกระบะมือสองราคาถูกสักคันที่มีคุณภาพดีไม่ต่างจากรถป้ายแดงมือหนึ่งเลยทีเดียว

Isuzu D-Max (รุ่นปี 2000-2017) ราคาเริ่มต้น 164,000 - 399,000 บาท

Toyota Hilux Vigo (รุ่นปี 2005-2016) ราคาเริ่มต้น 269,000 - 400,000 บาท

Mitsubishi Triton (รุ่นปี 2010-2016) ราคาเริ่มต้น 339,000 - 399,000 บาท​

โดยรถกระบะมือสองที่ Chobrod จะมาแนะนำวันนี้เป็นรถประเภท Double Cab ที่ให้ครบทั้งไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต และการทำงานได้ โดยมีทั้งหมด 5 รุ่นด้วยกัน คือ

1. ราคารถมือสอง Isuzu D-Max (รุ่นปี 2000-2017) ราคาเริ่มต้น 164,000 -399,000 บาท

2. ราคารถมือสองToyota Hilux Vigo (รุ่นปี 2005-2016) ราคาเริ่มต้น 269,000 -400,000 บาท

3. ราคารถมือสอง Mitsubishi Triton (รุ่นปี 2010-2016) ราคาเริ่มต้น 339,000 -399,000 บาท

4. ราคารถมือสอง Nissan Navara (รุ่นปี 2007-2016) ราคาเริ่มต้น 245,000 -399,000 บาท

5. ราคารถมือสอง Toyota Hilux Revo (รุ่นปี 2013-2018) ราคาเริ่มต้น 150,000 -400,000 บาท

Nissan Navara (รุ่นปี 2007-2016) ราคาเริ่มต้น 245,000 - 399,000 บาท

Toyota Hilux Revo (รุ่นปี 2013-2018) ราคาเริ่มต้น 150,000 -400,000 บาท

ดูเพิ่มเติม
>> มือใหม่ต้องรู้สัญญาณที่บ่งบอกว่าระบบเกียร์เริ่มมีปัญหา
>> 5 รถบรรทุกขนาดเล็กที่คล่องแคล่วและคงทน

รถกระบะ 4 ประตู หรือ Double Cab แม้ว่าจะเป็น รถกระบะ แต่ในด้านสมรรถนะ เทคโนโลยี ความสะดวกสบาย และความปลอดภัยก็ถือว่าดีเยี่ยมไม่แพ้กับรถเก๋งแน่นอน และสำหรับการเลือกซื้อรถกระบะมือสองก็หวังว่าเพื่อนๆ จะหยิบเรื่องราวที่ Chobrod นำมาฝากวันนี้ไปใช้นะคะ เช่นเคยค่ะสามารถติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับรถดีๆ ได้ที่ Chobrod.com เช่นเคยนะคะ

ติดตามข่าวสารรถยนต์ เชิญที่นี่