ต้องรู้! ขั้นตอนการจัดไฟแนนซ์รถมือสอง
ขั้นตอนการจัดไฟแนนซ์รถมือสอง เอกสารที่ต้องเตรียม, ดอกเบี้ย, และระยะเวลาดำเนินการกี่วัน
หลายคนที่กำลังพิจารณาซื้อรถมือสองย่อมมีข้อสงสัยมากมาย โดยเฉพาะเรื่องการจัดไฟแนนซ์รถมือสอง ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการดำเนินการ อัตราดอกเบี้ย รวมถึงเอกสารที่ต้องเตรียม และระยะเวลาที่ใช้ วันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลเพื่อตอบทุกคำถามเหล่านี้ มาดูกันเลย
ขั้นตอนการจัดไฟแนนซ์รถมือสอง
เอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับการจัดไฟแนนซ์รถมือสอง
เอกสารพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการขอสินเชื่อรถมือสองประกอบด้วย สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาบัตรประชาชน และรายการเดินบัญชีธนาคาร (Bank Statement) ย้อนหลัง 6 เดือนล่าสุด เอกสารเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ นอกจากนี้ ยังมีเอกสารเพิ่มเติมที่จำเป็นตามลักษณะอาชีพของผู้ขอสินเชื่อในปัจจุบัน เช่น หนังสือรับรองเงินเดือนหรือหนังสือรับรองรายได้ สลิปเงินเดือน ใบสั่งซื้อ/ใบสั่งขายสินค้า และเอกสารอื่นๆ ที่แสดงถึงแหล่งที่มาของรายได้
เอกสารที่ใช้ประกอบในการโอนกรรมสิทธิรถยนต์เข้าไฟแนนซ์
- ใบคำขอโอนรถยนต์: ผู้ถือกรรมสิทธิ์รถยนต์ลงนามในช่องผู้โอน
- เล่มทะเบียนรถยนต์ (ตัวจริง)
- สำเนาบัตรประชาชนของผู้ถือกรรมสิทธิ์รถยนต์
- หนังสือรับรองวัตถุประสงค์จากสถาบันการเงินที่ให้สินเชื่อรถยนต์
- หนังสือรับรองการชำระเงินจากสถาบันการเงินให้แก่เจ้าของกรรมสิทธิ์เดิม
- สำเนาบัตรประชาชนของผู้มีอำนาจลงนามและผู้รับมอบอำนาจ (พร้อมลงนามรับรองสำเนาถูกต้อง)
- หนังสือมอบอำนาจจากทั้งผู้โอนและผู้รับโอน
ขั้นตอนการจัดไฟแนนซ์รถมือสอง
ขั้นตอนการขอสินเชื่อรถมือสองโดยทั่วไปมีดังนี้:
- ขั้นตอนที่ 1: ส่งเอกสารเพื่อประเมินความเป็นไปได้เบื้องต้น
- ขั้นตอนที่ 2: เจ้าหน้าที่นัดหมายเพื่อเซ็นสัญญาไฟแนนซ์รถมือสอง และรอผลการอนุมัติ (โดยทั่วไป 1-3 วัน)
- ขั้นตอนที่ 3: นัดหมายเพื่อรับเล่มทะเบียนรถยนต์
- ขั้นตอนที่ 4: ดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ และรับเงิน
วิธีการจัดไฟแนนซ์รถมือสองให้ได้วงเงินสูง ดอกเบี้ยต่ำ
วิธีการจัดไฟแนนซ์รถมือสองให้ได้วงเงินสูง
- ยี่ห้อรถ: จุดเริ่มต้นสำคัญคือการเลือกซื้อรถมือสองที่เป็นที่นิยมในตลาด (รถตลาด) เพราะรถที่ไม่เป็นที่นิยมอาจทำให้ได้วงเงินสินเชื่อต่ำกว่า ในขณะที่รถตลาดมักได้วงเงิน 85 – 100%
- เปรียบเทียบวงเงิน: ค้นหาและเปรียบเทียบยอดจัดไฟแนนซ์รถมือสองจากหลายธนาคาร (อย่างน้อย 3 แห่ง) เพื่อค้นหาที่ที่ให้วงเงินสูงสุดสำหรับรถรุ่นนั้น
- เอกสารครบถ้วน: เตรียมเอกสารให้ถูกต้องและครบถ้วน เนื่องจากเอกสารที่ใช้ในการขอสินเชื่อและประวัติเครดิตบูโรมีผลต่อการพิจารณา หากเอกสารแสดงรายได้ที่ชัดเจน อาจช่วยให้ได้วงเงินที่ต้องการ
วิธีการจัดไฟแนนซ์รถยนต์มือสองให้ได้ดอกเบี้ยต่ำ
- เปรียบเทียบดอกเบี้ย: เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยของแต่ละธนาคารอย่างน้อย 3 แห่ง เพื่อหาอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำที่สุด
- จ่ายค่างวดแรกทันที: การชำระค่างวดแรกทันทีที่ออกรถ (โดยธนาคารจะหักจากหน้าเช็ค) อาจได้รับส่วนลดดอกเบี้ยประมาณ 0.25 – 0.5% (ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละธนาคาร)
- ระยะเวลาผ่อนสั้นลง: การเลือกระยะเวลาผ่อนที่สั้นลง จะช่วยลดอัตราดอกเบี้ย ตัวอย่างเช่น:
- ผ่อน 48 งวด: ดอกเบี้ย 2.79%
- ผ่อน 60 งวด: ดอกเบี้ย 2.99%
- ผ่อน 72 งวด: ดอกเบี้ย 3.89%
วิธีการจัดไฟแนนซ์รถมือสองให้ผ่านในครั้งเดียว
การขอสินเชื่อรถมือสองให้ผ่านไม่ใช่เรื่องง่าย ต่อไปนี้เป็นคำแนะนำเพื่อเตรียมความพร้อม:
- ประวัติเครดิต: ประวัติการขอสินเชื่อที่ไม่ดี (เช่น การผิดนัดชำระ) อาจเป็นอุปสรรคสำคัญ หากต้องการให้การอนุมัติเป็นไปอย่างราบรื่น ควรมีประวัติการชำระที่ดี
- ภาระหนี้สิน: ควรมีภาระหนี้สินรวมไม่เกิน 60-70% ของรายได้ เพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับการอนุมัติ
- อาชีพ: ทุกอาชีพสามารถขอสินเชื่อได้ หากมีสลิปเงินเดือนย้อนหลังอย่างน้อย 6 เดือน จะช่วยให้การอนุมัติง่ายขึ้น หากไม่มีสลิปเงินเดือน สามารถใช้รายการเดินบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6-10 เดือนเพื่อแสดงความเคลื่อนไหวทางการเงินได้
- ข้อมูลส่วนบุคคล: การให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกต้องแก่บริษัทไฟแนนซ์ (เช่น ข้อมูลที่ทำงาน, ข้อมูลส่วนตัว, ที่อยู่) จะช่วยให้การอนุมัติง่ายขึ้น
- รถยนต์:
- กรณีจัดไฟแนนซ์รถ หรือ รถแลกเงิน: ควรเตรียมพร้อมเรื่องการโอนเล่มทะเบียนรถเป็นชื่อผู้ขอสินเชื่อ
- กรณีซื้อขายรถ: เตรียมเอกสารเกี่ยวกับตัวรถ, ผู้ขาย, และผู้ซื้อให้ครบถ้วน
- กรณีย้ายไฟแนนซ์: ศึกษาเงื่อนไขของบริษัทที่จะย้ายไป (เช่น ระยะเวลาผ่อนที่สามารถย้ายได้) และเตรียมเอกสารให้พร้อม
ขั้นตอนการจัดไฟแนนซ์รถมือสองที่กล่าวมาเป็นเพียงส่วนหนึ่งของข้อมูล การอนุมัติสินเชื่อขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละบริษัทไฟแนนซ์ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่สนใจเรื่องการจัดไฟแนนซ์รถมือสอง
อ่านเพิ่มเติม
