หนึ่งในซิตี้คาร์ที่ทำตลาดในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน เป็นเจ็นที่ 4 แล้วสำหรับ Honda City ในโฉมปัจจุบัน ว่าด้วยความเป็นรถซีดานในคลาส B-Segment ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง พร้อมกับเสียงยอมรับจากผู้ใช้งานมากมาย Five Fact ในสัปดาห์นี้ Chobord จะพาคุณไปดู 5 สิ่งที่น่าสนใจเล็กๆ ใน Honda City 2018 รุ่นปัจจุบัน โฉม GM6
Honda City กับ 5 สิ่งที่น่าสนใจ ที่คุณอาจยังไม่รู้
Honda City ชื่อรถที่คุ้นหู เห็นก็คุ้นตาในประเภทรถซีดาน 4 ประตู หนึ่งโมเดลที่ถือว่าเป็นรุ่นบุกเบิกตลาดรถขนาด B-Segment ในประเทศ ที่โดดเด่นในเรื่องการใช้งานที่ความคล่องตัว เหมาะสำหรับขับขี่ใช้งานในเมือง แต่ขับทางไกลก็ไม่หวั่น ขึ้นเขาลงดอยกับเครื่องยนต์ขนาด 1500 ก็เอาอยู่ ครบองค์ประกอบรอบด้านในการใช้งาน กับราคาที่เอื้อมถึงได้ไม่ยากสำหรับการเป็นรถคันแรกของครอบครัว ว่าด้วยโมเดลปัจจุบันในโฉมไมเนอร์เชนจ์ล่าสุดเมื่อช่วงต้นปี 2017 ยิ่งตอกย้ำความสำเร็จของ Honda City ด้วยยอดขายอันดับหนึ่งในคลาส B-Segment และยังติด 10 อันดับรุ่นรถขายที่ของไทยในปี 2017 อีกด้วย
Chobrod Five Fact สัปดาห์นี้กับ 5 สิ่งที่น่าสนใจ ทำให้ Honda City คุ้มค่า โดดเด่นกว่ามีอะไรบ้างไปดูกันได้เลย
ดูเพิ่มเติม
>> สรุปรวมข่าวรถยนต์เด่นประจำสัปดาห์ วันที่ 16 มิ.ย.-22 มิ.ย. 2018
>> รวมความเห็นจากผู้ใช้จริง Honda City อะไรดี ตรงไหนน่าบ่นไปดูกัน
1.Honda City ขายดีกว่า Vios แล้ว
แม้ Honda City จะถือเป็นรุ่นแรกๆ ที่บุกเบิกของตลาดคลาสรถในประเภทนี้ แต่แน่นอนว่ายักษ์ใหญ่อย่าง Toyota ก็มี Vios ทำตลาดออกมาแข่งคู่กัน โดบสองรุ่นนี้ถือว่าเป็นคู่รักคู่แค้นในตลาดขายแข่งคู่กันมาเลยก็ว่าได้ และที่ผ่านมา Toyota Vios มักจะทำยอดขายได้เหนือกว่า Honda City ไม่มากก็น้อยในแต่ละปี แต่สองปีที่ผ่านมา 2016, 2017 ดูเหมือนว่า Toyota Vios
จะแรงตกและการยอมรับใน Honda City จากผู้ใช้มีมากขึ้นก็ตามแต่ โดย City ขายดีแซง Vios ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้สามารถพูดได้เต็มปากว่า ตอนนี้ Honda City มียอดขายเหนือกว่า Toyota Vios แล้ว และใครที่บอกว่าความนิยมของ Vios มีมากกว่า City ความคิดนั้นก็คงใช้ไม่ได้อีกต่อไปแล้วด้วยเช่นกัน
ยอดขายรวมของปี 2014-2017 ระหว่าง Honda City เทียบกับ Toyota Vios
ปี 2014 (คัน): City(44,444), Vios(47,800)
ปี 2015 (คัน): City(33,165), Vios(35,539)
ปี 2016 (คัน): City(26,463), Vios(21,810)
ปี 2017 (คัน): City(34,955), Vios(19,198)
คู่รักคู่แข่งในตลาดตอนนี้
2.สัมผัสของภายในห้องโดยสารที่ให้ความรู้สึกดีกว่า
ถ้าลองมองในเรื่องของสัมผัสจากวัสดุภายใน และรายละเอียดของงานประกอบ Honda City คือหนึ่งคันที่ตอบโจทย์ได้ดีในข้อนี้ ตัดไปซึ่งในเรื่องดีไซน์เพราะความชอบแต่ละคนที่แตกต่างกันออกไป ข้อสังเกตคือเมื่อลองนั่งที่ภายในของ Honda City โฉม GM6 เทียบกับ MG ZS รุ่นรถที่กำลังมาแรง และราคาใกล้เคียงกัน รู้สึกชัดเจนว่าวัสดุที่ใช้ของอุปกรณ์ต่างๆ ภายใน รวมไปถึงงานประกอบของ Honda City เหนือกว่า ให้สัมผัสในการใช้งานที่ดีกว่า อันแสดงให้เห็นถึงประสบการณ์ คุณภาพงานประกอบ และการเลือกใช้วัสดุที่ดีกว่าของ Honda ส่วนถ้าเทียบกับคู่แข่งอย่าง Toyota Vios ให้ความรู้สึกไม่ต่างกันมากนัก พอฟัดพอเหวี่ยง แต่เชื่อเถอะว่าเรื่องนี้ก็มีความสำคัญไม่น้อย ที่อยากให้ผู้ซื้อรถทุกคนเก็บไว้พิจารณา ลองเทียบลองเปรียบลองลูบคำ ที่ภายในของรถที่คุณกำลังพิจารณาอยู่ในทุกรุ่นที่เป็นตัวเลือก ซึ่งอาจจะช่วยให้คำตอบของคุณว่าจะซื้อรุ่นไหนชัดเจนมากขึ้นก็เป็นได้
สัมผัสที่ดีกว่าของภายใน City
และทั้งนี้ทั้งนั้นต้องบอกไว้ก่อนว่า ความรู้สึกของเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนบุคคล บางคนอาจจะบอกว่าไม่เห็นต่างกัน อันนี้ก็ไม่ว่ากัน แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน
3. แรงม้าเยอะที่สุดในคลาส
ด้วยเทคโนโลยีความล้ำของเครื่องยนต์ i-VTEC 1.5L ที่ผสานความนุ่มนวลด้วยระบบเกียร์ CVT พร้อมระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift) 7 Speed และระบบช่วยการขับขี่ให้ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น Eco Assist พร้อมรองรับพลังงานทางเลือกเชื้อเพลิง E85 สิริรวมรีดแรงม้าออกมาได้กว่า 117 ตัว ซึ่งถือว่ามากที่สุดเมื่อลองเทียบกับรถในคลาสเดียวกัน มั่นใจได้ในอัตราเร่ง ว่าเรื่องความแรงของ Honda City นี้ไม่เป็นสองรองใครในรถคลาส B-Segment อย่างแน่นอน
เรื่องความอึดและทนทานก็ไม่เป็นสองรองใครด้วยเช่นกันกับเครื่องยนต์รหัส L15
เปรียบเทียบแรงม้าของรถในกลุ่ม B-Segment ในปัจจุบัน (2018)
Honda City : 117 แรงม้า
MG3 : 112 แรงม้า
Ford Fiesta (รุ่นเครื่องยนต์ 1.5L) 109 แรงม้า
Toyota Vios : 108 แรงม้า
Mazda2 (รุ่นเครื่องยนต์ 1.5L) : 105 แรงม้า
4.ระบบความปลอดภัยที่เหนือกว่าด้วยม่านถุงลม
เมื่อมองแต่ละรุ่นในตลาด ดูเหมือนว่าความคุ้มค่าของ Honda City ที่หยิบยื่นให้กับลูกค้าจะมีให้มากที่สุด โดยเฉพาะเรื่องของความปลอดภัยจากจำนวนถุงลมนิรภัย ที่ไม่ได้ให้มาแค่สองคู่หน้าเท่านั้น ม่านถุงลมนิรภัยและถุงลมนิรภัยด้านข้างคู่หน้าอัจฉริยะคือความแตกต่าง ทั้งที่ความจริงแล้วรถที่ไซส์เครื่องยนต์ 1.5L นั้นควรจะมีให้เป็นอย่างยิ่ง เพราะเครื่องยนต์พอไหว พอเหมาะที่จะใช้เดินทางไกล ขับเที่ยวต่างจังหวัดในวันหยุด อย่างน้อยกับถุงลมที่มากกว่าก็จะยิ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเพราะ Honda City เจ้าเดียวที่มองเห็นความสำคัญ ในจุดนี้หรือเปล่า จึงทำให้เป็นรุ่นเดียวของคลาสที่มีระบบความปลอดภัยจากถุงลมอัดมาแน่นให้เต็มคัน
ม่านถุงลม และถุงลมด้านข้างคู่หน้า คือจุดที่เหนือกว่าคู่แข่งในเรื่องความปลอดภัยของ City
5. Honda City ให้ลำโพงมาเยอะที่สุด
อีกหนึ่งจุดเด่นที่หลายคนอาจจะไม่รู้นั่นคือ เรื่องของจำนวนลำโพงภายในห้องโดยสารของ Honda City นั้น มีมากกว่าเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ ในคลาส B-Segment ที่จำนวน 8 ตัว ขนาดรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง MG3 ไมเนอร์เชนจ์ที่เพิ่งเปิดตัวไป หรือคู่แข่งสำคัญเจ้าใหม่ในตลาดอย่าง Mazda2 ยังให้มาน้อยกว่า อยู่ที่ 6 ตัว ส่วนทางฝั่ง Toyota Vios มีให้มาเพียงแค่ 4 ตัวเท่านั้น
ใน City จัดลำโพงมาให้เต็มไม่แพ้ถุงลมถึง 8 ตำแหน่ง
และนี่คือ Five Fact ของ Honda City 2018 ล่าสุด ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน จะเห็นว่าในราคาที่ใกล้กัน Honda City ดูเหมือนจะให้มาคุ้มค่ากว่า และนี่คือเหตุผลสำคัญว่าทำไม รถรุ่นนี้จึงเป็นที่นิยม มีให้เห็นกันมากบนท้องถนนเมืองไทย แล้วในพิกัดเครื่องยนต์ 1.5L ซีดาน คลาส B-Segment รุ่นไหนคือรุ่นที่คุณชื่นชอบมากที่สุด และเพราะอะไร อย่าลืมบอกกับเรา Chobrod กันหน่อยที่คอมเม้นท์ด้านล่างนี้ได้เลย
ดูเพิ่มเติม
>> มาแล้ว! กับทีเซอร์อย่างเป็นทางการแรกในไทย All New Mitsubishi Xpander 2018
>> Honda City 2019 ปังไหม!!! ต้องฟังคอมเม้นท์