Five Fact : BMW i8 กับ 5 สุนทรียความสปอร์ตแห่งยนตกรรมยุคหน้า

ประสบการณ์ซื้อขายรถยนต์ | 18 ก.ย 2561
แชร์ 1

BMW i8 กับรถที่หลายคนอาจจะเคยผ่านตามาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่ายหรือคันจริงที่พอมีวิ่งให้เห็นในบ้านเรากันไม่น้อย จะมีอะไรบ้างที่รถรุ่นนี้น่าสนใจเป็นพิเศษ สุนทรียภาพของยนตกรรมกึ่งอิเล็คทริคยุคหน้าที่แฝงเชื้อความสปอร์ตจาก BMW ไว้เต็มลำกับราคาขายแตะ 13 ล้านบาทไทย (09/2018) รถคันนี้มีอะไรที่คุณต้องไม่พลาด ไปดูกันได้เลยกับ Chobrod Five Fact ในสัปดาห์นี้

BMW i8 Roadster 2018
 

Five Fact : BMW i8 กับ 5 สุนทรียความสปอร์ตแห่งยนตกรรมยุคหน้า

Five Fact : BMW i8 กับ 5 สุนทรียความสปอร์ตแห่งยนตกรรมยุคหน้า 

BMW i8 ประกาศศักดาให้โลกได้รู้จักเป็นครั้งแรกเวอร์ชั่นขายจริงเมื่อปี 2013 ภายในงาน Frankfurt International Motor Show ประเทศเยอรมนี พร้อมโฉมใหม่เพิ่มมาในแบบ Roadster เปิดหลังคาเมื่อปลายปี 2017 (เปิดตัวในไทยเมื่อไม่นาน)  ภายใต้ดีไซน์ภายนอกสปอร์ตลงตัวที่สุดในเรื่องหลักพลศาตร์แอโร่ไดนามิก วิสัยทัศน์ในการขับขี่ที่ดีและเรื่องความแรงที่แม้จะไม่ใช้เครื่องยนต์อันทรงพลัง V8, V16 อย่างซูเปอร์คาร์ทั้งหลาย แต่ภายใต้เครื่องยนต์แบบไฮบริดนี้ก็สามารถมอบความมั่นใจให้กับคุณได้ ถ้าจะวัดกับรถคันไหนหลังไฟเขียวสว่างขึ้น และนี่คือ 5 เรื่องที่น่าสนใจของรถคันนี้ BMW i8 ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน

ดูเพิ่มเติม
>> 
พาชมทีเซอร์ BMW X3M และ X4M 2019 ใหม่ 460 แรงม้า
>> BMW ส่ง i8 2019 สองรุ่นเปิดตัวงาน LA

BMW i8 Roadster 2018 เปิดตัวในไทยไปแล้วกับราคาเกือบ 13 ล้านบาท

BMW i8 Roadster 2018 เปิดตัวในไทยไปแล้วกับราคาเกือบ 13 ล้านบาท

1.เป็นรุ่นเครื่องยนต์ “วางขวาง” รุ่นแรกจาก BMW
หลายคนมักจะคุ้นเคยกับเสน่ห์ของความเป็นค่ายรถเครื่องยนต์วางแนวยาว ขับหลังของ BMW แต่รู้หรือไม่ว่า i8 คันนี้ถือเป็นรถรุ่นแรกของ BMW ที่มาในรูปแบบการวางตำแหน่งเครื่องยนต์ “แนวขวาง” ซึ่งเป็นเครื่องแบบ 3 สูบขนาดกะทัดรัด 1.5L พร้อมพิษสงจากเทอร์โบ พละกำลังไม่ธรรมดากับม้ากว่า 231 ตัว มากขึ้นจากรุ่นเปิดตัวช่วงแรกที่ให้มา 228 ตัว กับน้ำหนักตัวรถเพียง 1,567 กิโลกรัม จึงทำให้รถคันนี้ใช่ว่าจะดูล้ำอนาคตแค่เพียงอย่างเดียวแต่เรื่องความแรงก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน กับเวลาเพียง 4.5 วินาทีกับอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 
และความเร็วสูงสุด i8 คันนี้สามารถทำได้ถึง 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 

i8 เป็นรถรุ่นแรกของ BMW ที่วางเครื่อง “แนวขวาง”

i8 เป็นรถรุ่นแรกของ BMW ที่วางเครื่อง “แนวขวาง”

2. กับมอเตอร์ไฟฟ้าถึง 2 ตัว   
อย่าเพิ่งเข้าใจผิดว่า BMW i8 จะเป็นรถสปอร์ตพลังเครื่องยนต์ “พันห้าน่ารัก” เพียงอย่างเดียวเสียเมื่อไร เพราะมันมากับขุมกำลัง “มอเตอร์ไฟฟ้า” แบบ Plug-in Hybrid  (Synchronous electric motor) 2 ตัว ซึ่งให้กำลังกว่า 131 แรงม้า มาถูกประจำการไว้ที่ด้านหน้าตัวรถ สำหรับใช้ขับเคลื่อนล้อหน้า ส่วนอีกตัวไว้ด้านหลังไว้สำหรับปั่นไฟเข้าแบตฯ เบ็ดเสร็จรวมแล้วทำให้ i8 คันนี้มีแรงม้ากว่า 362 ตัวกับแรงบิดสูงกว่า 570 Nm 

i8 มากับมอเตอร์สองตัว หนึ่งตัวใช้ขับเคลื่อนล้อหน้า อีกตัวสำหรับไว้ปั่นไฟ

i8 มากับมอเตอร์สองตัว หนึ่งตัวใช้ขับเคลื่อนล้อหน้า อีกตัวสำหรับไว้ปั่นไฟ

ซึ่งในเรื่องระบบส่งกำลังจะทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 6 Speed สำหรับในด้านเครื่องยนต์ และกับมอเตอร์ไฟฟ้านั้นจะส่งกำลังผ่านเกียร์ไฟฟ้าอัตโนมัติ 2 Stage เป็นแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ด้านหน้าและหลังมีต้นกำเนิดของกำลังแตกต่างกัน ล้อหน้าหมุนไปด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ส่วนล้อหลังได้กำลังขับมาจากเครื่องยนต์ 

*** หากคุณกำลังมองหารถ ขาย BMW I8 2020 มือสอง มาไว้ใช้สักคัน ลองเข้ามาชมได้ที่ตลาดรถ Chobrod.com

3. รองรับ BMW i Wallbox 
คืออุปกรณ์ที่ช่วยในเรื่องของการชาร์จไฟสำหรับ BMW i8 คันนี้ ผ่านกำลังชาร์จ 3.7 kWh แบบ 16A/230V สามารถชาร์จไฟจาก 0-80% ได้ในเวลาไม่ถึงสองชั่วโมง ซึ่งเมื่อระดับไฟในแบตเตอรี่อยู่ในระดับที่เกิน 80% แล้ว ตัวระบบจะคำนวนให้ค่อย ๆ ปล่อยกระแสไฟ จนแบตฯ เต็ม 100% ใช้เวลาไม่ถึง 3 ชั่วโมงก็สามารถชาร์จเต็มได้ เร็วกว่าระบบชาร์จไฟบ้านแบบ 12A ที่สามารถชาร์จได้เช่นกันถึง 1 ชั่วโมง  โดย BMW i Wallbox ถูกสร้างมาเพื่อรองรับการชาร์จไฟสำหรับรถของ BMW หลาย ๆ รุ่นที่มีการนำระบบไฟฟ้าเข้ามาช่วยในการขับเคลื่อน 

รถที่มีระบบไฟฟ้าฟ้าเข้ามาช่วยในการขับเคลื่อนของ BMW ชาร์จเร็วขึ้นได้ด้วย i Wallbox

รถที่มีระบบไฟฟ้าฟ้าเข้ามาช่วยในการขับเคลื่อนของ BMW ชาร์จเร็วขึ้นได้ด้วย i Wallbox

4. “Gorilla Glass” กันเสียง..?
คำนี้น่าจะคุ้นหูกันบ้าง สำหรับคำว่า Gorilla Glass แต่วัสดุที่เป็นแก้วแข็งชนิดพิเศษนี้ หาได้มาช่วยทำให้ i8 คันงามห่างไกลจากริ้วรอยอะไรเหมือนฟิมล์กันลอยมือถือไม่ แต่ว่ามีข้อดีคือเข้ามาช่วยในเรื่องของการเก็บเสียงจากภายนอกหรือเสียงลมปะทะเวลารถวิ่ง เพื่อให้ภายในห้องโดยสารเงียบสนิทที่สุด อีกทั้งจากเรื่องความบางเพียง 0.7 mm. ในกระจก Gorilla Glass นี้ยังมีข้อดีในการช่วยลดน้ำหนักตัวรถให้กับ i8 ได้อีกด้วย 

พื้นที่หลังเบาะจะน้อยหน่อยสำหรับ i8 และใช้กระจกแบบ Gorilla Glass เพื่อช่วยในการเก็บเสี่ยง

พื้นที่หลังเบาะจะน้อยหน่อยสำหรับ i8 และใช้กระจกแบบ Gorilla Glass เพื่อช่วยในการเก็บเสี่ยง

5. ตัวถังคาร์บอนกับวิธีการผลิตแบบใหม่ 
กรรมวิธีในการทำตัวถังรถยนต์ที่เป็นคาร์บอนไฟเบอร์แบบเดิม ๆ ที่ใช้ผ้าคาร์บอนไฟเบอร์ “ตัดแปะ” ซึ่งเสียเวลาและต้นทุนในการผลิตสูง จะไม่ถูกนำมาใช้กับ i8 คันนี้เพราะทางต้นสังกัด BMW ได้นำวิธีใหม่ในการทำตัวถังแบบคาร์บอนไฟเบอร์ที่เร็วและประหยัดต้นทุนมากกว่าวิธีการ “อบแล้วแปะ” ด้วยมือแบบเดิม ๆ  ซึ่งผลที่ได้นั้นมีแตกต่างบ้างด้วยเช่นกัน ด้วยตัววัสดุจะมีลักษณะผิวด้านที่มากกว่าและลวดลายไม่ชัดเจนเหมือนกรรมวิธีคาร์บอนไฟเบอร์ทั่วไป แต่เรื่องประสิทธิภาพ ซึ่งคาร์บอนไฟเบอร์มีจุดเด่นในเรื่องของความแข็งแรงและน้ำหนักเบานั้น สามารถเทียบได้กับวิธีการทำแบบเดิม ๆ เลย 

บอดี้ตัวถังแบบคาร์บอนไฟเบอร์ที่ใช้แนวทางการผลิตต่างออกไปของ BMW i8

บอดี้ตัวถังแบบคาร์บอนไฟเบอร์ที่ใช้แนวทางการผลิตต่างออกไปของ BMW i8

ทั้งหมดนี้คือ Five Fact BMW i8 ประจำสัปดาห์นี้ พอจะทำให้คุณสนใจรถรุ่นนี้มากขึ้นบ้างหรือเปล่า อย่าลืมบอกกับเราหน่อยที่ Comment ด้านล่างนี้ แล้วสำหรับสัปดาห์หน้าจะเป็นรถรุ่นไหนที่ Chobrod.com จะพาคุณไปเจาะลึกกันอีก ต้องติดตาม ! ได้เลยที่นี่ 

ดูเพิ่มเติม
>> 
รวม 10 รุ่นของ BMW ที่ดีที่สุดตลอดกาล
>> BMW เผย Feature ใหม่กับผู้ช่วยส่วนตัวอัจฉริยะในรถของคุณ

ติดตามข่าวสารรถยนต์ เชิญที่นี่  
ติดตามราคารถยนต์ เชิญที่นี่