บทความสำหรับใครที่กำลังสนใจในครอสโอเวอร์ตัวนี้ Toyota C-HR 2019 และเกิดบางคำถามขึ้นในใจที่ยังหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้ พาให้ลังเลในการตัดสินใจซื้อรถรุ่นนี้ แน่นอนว่ามันอาจไม่ใช่เรื่องง่ายนักสำหรับบางคนกับรถราคาเริ่มต้นเหยียบล้านบาท มันก็ต้องมีการคิดให้ถี่ถ้วนมากขึ้นหน่อย
7 คำถามพร้อมคำตอบที่คุณต้องการของ Toyota C-HR 2019
หนึ่งคำกล่าวที่ว่า “Bad decisions, make great stories. การตัดสินใจที่ผิดพลาด มักทำให้เกิดเรื่องเล่าที่ยิ่งใหญ่เสมอ” แต่กับเรื่องการเลือกซื้อรถที่ราคาแตะล้านแบบนี้ เรื่องเล่าที่ยิ่งใหญ่คงต้องวางไว้ก่อน และมาใส่ในรายละเอียดการเลือกซื้อเพื่อให้ได้รถที่ตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุดดีกว่า ไม่ต้องห่วง ! วันนี้ Chobrod.com ได้นำ 7 คำถามเกี่ยวกับการซื้อรถรุ่นนี้พร้อมคำตอบที่น่าจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น.. ว่าจะซื้อรถรุ่นนี้ดีหรือเปล่า ตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้มาน้อยแค่ไหนในแง่ของการใช้งาน เพื่อที่ Toyota C-HR 2019 คันนี้ เมื่อสุดท้ายแล้วคุณได้มาเป็นเจ้าของในบทสรุป จะยังคงเป็นรถที่ทำให้คุณประทับใจได้เหมือนตอนก่อนที่ซื้อ ไม่ทำให้คุณผิดหวังและคุณก็ภาคภูมิกับตัวเองได้ว่า “ตัดสินใจไม่ผิดจริง ๆ ที่ซื้อรถคันนี้” ไปดูกันเลยดีกว่าว่าจะมีอะไรบ้าง
เทคโนโลยียุคต่อไปของ Toyota ถูกนำมาใช้กับรถรุ่นนี้
1. ซื้อรถราคาเท่านี้ เล่นซื้อเก๋งซีดานจะดีกว่าไหม ?
Toyota C-HR กับความเป็นรถครอสโอเวอร์ดีไซน์เฉียบที่น่าจะโดนใจหลาย ๆ คน แต่สำหรับบางคนก็อาจไม่ประทับใจในรูปทรงของรถแบบนี้นัก โดยเฉพาะพี่น้องชาวไทยที่อาจติดภาพว่ารถดีเก๋งคุณภาพ ฟีเจอร์แน่น อ๊อฟชั่นหนักนั้นจะต้องมาในรูปแบบรถซีดานสี่ประตูเท่านั้น อย่าง Toyota Altis หรือ Toyota Camry ชื่อรุ่นที่คุ้นชินกันมาอย่างยาวนาน
อยู่ที่ว่าคุณชอบรถสไตล์ไหนมากกว่า แต่ถ้าพูดถึงฟีเจอร์ล้ำ ๆ C-HR คันนี้มีครบ !
แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว ! กับรูปลักษณ์ที่เป็นแบบ SUV ขนาดกระทัดรัดอย่าง Toyota C-HR คันนี้ สิ่งที่ทางค่ายให้มากับตัวรถนั้นหลาย ๆ จุด หลาย ๆ ฟังก์ชั่น ถือว่าอยู่ในระดับท็อปของค่ายเลยทีเดียว อาทิเช่นระบบความปลอดภัย ไปจนถึงเครื่องยนต์ที่ให้มาเป็นแบบไฮบริดอีกทางเลือก ดังนั้นถ้าคุณจะถามว่า “ราคาเท่านี้ไปซื้อเก๋งซีดานจะดีกว่าไหม ?” ก็จะต้องย้อนถามคุณกลับไปว่าแล้วจริง ๆ คุณชอบรถแบบไหน ? เพราะสมัยนี้มันไม่เสมอไปแล้วที่ “ของดี” ในตัวรถจะต้องใส่ไว้ให้แต่กับรถเก๋งซีดานสี่ประตู เก๋งสปอร์ตครอสโอเวอร์อย่าง Toyota C-HR คันนี้ ก็ให้ได้ไม่ต่าง ๆ แถมสิ่งที่ได้นอกเหนือจากที่คุณไม่ต้องขับเก๋งซีดานแบบเดิม ๆ แล้ว นั่นก็คือความเฉียบของดีไซน์ทั้งภายนอกและภายใน ที่ถือว่าเจนจัดที่สุดในย่านความถี่ Toyota รุ่นหนึ่งของที่มีขายในเมืองไทยตอนนี้เลยก็ว่าได้
ดูเพิ่มเติม
>> ปัจจัยภายนอกมีผล Toyota มองตลาดรถไทย ขายได้สูงสุด 1 ล้านคัน
>> Toyota C-HR MY2019 ใหม่ ! รุ่นอัพเกรดปรับอุปกรณ์ คาดเตรียมเปิดตัวในไทยแล้ว
โดยราคาของ Toyota C-HR 2019 มีให้เลือกทั้งหมด 4 รุ่นย่อยดังต่อไปนี้
*ราคาตรวจสอบเมื่อ 01/2019
2. เป็นรถสำหรับครอบครัวดีไหม ?
มาที่คำถามต่อมา เมื่อรถคันนี้มาในรูปแบบ B-SUV ลงท้ายด้วยคำว่า SUV แบบนี้ ก็อาจพาหลายคนเข้าใจว่า Toyota C-HR จะออกรถมาเพื่อเป็นรถครอบครัวได้แน่ ๆ แต่ความจริงแล้วนั้น เราอยากให้คุณพิจารณาเงื่อนไขเพิ่มเติมอีกหน่อย กับคำว่า “ครอบครัว” ที่คุณว่าอยู่นั้น มีจำนวนกี่คน ?
แค่มองก็รู้สึกอึดอัดแล้ว ถ้าจะนั่งครบ 5 ตำแหน่งการนั่งโดยสาร
จึงไม่เหมาะสำหรับครอบครัวใหญ่เท่าไร
เพราะถ้าจะซื้อรุ่นนี้มาเป็นรถครอบครัวสัก 3-4 คนที่นั่งประจำ พ่อ-แม่-ลูก สุขสันต์ในวันสุดสัปดาห์ ขับเที่ยวต่างจังหวัดแบบสบาย ๆ ข้อนี้ได้ ! แต่ถ้าคำว่าเป็นรถครอบครัวแบบ “ยกบ้าน” เพิ่มมาอีกแค่หนึ่งเป็นมากกว่า 4 คนที่ต้องนั่งประจำ เราไม่แนะนำรถรุ่นนี้เด็ดขาด เพราะสิ่งหนึ่งที่คุณต้องรู้ไว้เลยเกี่ยวกับรถคันนี้ก็คือ เรื่องของภายในห้องโดยสารที่แม้จะออกแบบมาได้สวย “กระชากใจ” มากก็ตาม แต่เรื่องของ “ปริมาตรภายใน” พื้นที่ของการนั่งโดยสารนั้นไม่ได้นั่งสบายทุกตำแหน่ง แค่นั่งครบ 5 เบาะก็รู้สึกอึดอัดได้แล้ว ยิ่งเฉพาะกับส่วนของเบาะหลังที่พื้นที่ Headroom (ด้านบน) ค่อนข้างน้อย ซึ่งนั่นอาจจะทำให้คนที่ตัวสูง ๆ หน่อยที่ได้นั่ง รู้สึกอึดอัดได้เมื่อนั่งโดยสารนาน ๆ ไม่เชื่อลองพาเพื่อนพาญาตไปลองนั่งดู
3. รถรุ่นใหม่ก็ปลอดภัยเหมือน ๆ กันหมดหรือเปล่า ซื้อรุ่นอื่นก็ได้มั้ง ?
เรื่องความปลอดภัยในรถป้ายแดงสมัยนี้ถือว่าไม่ธรรมดา ขนาดแค่อีโคคาร์ราคาไม่แรงนักยังได้มากับถุงลมคู่หรือม่านถุงลมเลยอย่าง Toyota Yaris ทั้งสองเวอร์ชั่น แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ Toyota C-HR คันนี้ “แตกต่าง” เหนือชั้นขึ้นไปอีกระดับเทียบชั้นรุ่นใหญ่อย่าง Toyota Camry ได้ก็คือ ในเรื่องของระบบความปลอดภัย Active Safty ที่ทางค่ายให้มาภายใต้แพคเกจ Toyota Safty Sense กับความปลอดภัย 4 ระบบเด่นหลัก ๆ ที่ให้มา ดังต่อไปนี้
ความปลอดภัยล้ำสุดกับเทคโนโลยีกล้องและเรดาห์ช่วยทำให้ฉลาดยิ่งขึ้น
และความปลอดภัยอื่น ๆ อีกมากมาย ชนิดที่ไล่เลี่ยได้กับตัวสูงสุดของค่ายอย่าง Toyota Camry ตัวล่าสุด เพราะฉะนั้นถ้าจะให้บอกว่าในเรื่องความปลอดภัยของ C-HR “ไม่พิเศษ” ก็เหมือนรถใหม่ทั่ว ๆ ไปคงไม่ได้ เพราะรถคันนี้ให้มาระดับที่เรียกได้ว่าขั้นสุดแล้วสำหรับรถยุคนี้
4. เลือกรุ่นย่อยไหนดี ?
กับตัวเลือกรุ่นย่อย 4 ระดับ 2 รูปแบบขับเคลื่อนยนต์ของ C-HR คันนี้ ที่มีทั้งแบบเครื่องยนต์เพียว ๆ เบนซินขนาด 1.8L และเครื่องยนต์ไฮบริดขนาด 1.8L ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า สิ่งที่คุณต้องรู้ตัวเองก่อนตัดสินใจว่าจะเลือกรุ่นย่อยไหนนั่นก็คือ ตัวคุณเองพร้อมแล้วหรือยังที่จะ “ก้าวไปก่อนใคร” เพื่อไปใช้รถยนต์กึ่งไฟฟ้าไฮบริดที่นอกจากจะช่วยโลกในเรื่องมลพิษให้น้อยลงแล้ว แถมให้อีกในเรื่องของความประหยัดน้ำมันที่มากกว่า ถ้ายังลังเลในคำตอบข้อนี้ ยังมีห่วงในเรื่องของการใช้งานหรือบำรุงรักษาอยู่ คำตอบที่ได้เราแนะนำว่าให้คุณเลือกรุ่นย่อย 1.8 Entry หรือรุ่น 1.8 MID ที่เป็นรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์แบบเพียว ๆ ราคาเกินล้านมาแค่นิด ๆ ดีกว่า ซึ่งจะไปช่วยตอบโจทย์ได้อีกข้อ สำหรับใครที่กั้นงบของรถใหม่คันนี้ไว้ที่ล้านบาทได้อีกด้วย
5. หรือจะเลือกเวอร์ชั่นไฮบริด ดีหรือเปล่า ?
แต่ถ้าเรื่องงบประมาณในการซื้อ Toyota C-HR คันนี้ยืดหยุ่นได้ และถึงเวลาแล้วที่จะก้าวทันโลกสักหน่อยด้วยการไปใช้รถกึ่งไฟฟ้าไฮบริด ต้องบอกเลยว่า Toyota C-HR คันนี้เหมาะมาก ๆ ที่จะมาเป็นรถยนต์ไฮบริดคันแรกของหลาย ๆ ครอบครัว แค่ชื่อชั้นที่ไว้ใจได้แล้วในเรื่องของความเป็นรถจาก Toyota การใช้งานหรือค่าซ่อมบำรุงไม่น่าจะทำให้ปวดหัวมากนัก เมื่อเทียบกับการจะไปเลือกใช้รถไฮบริดจากยุโรปหรือจากค่ายอื่น ๆ ยังไง Toyota C-HR ในรุ่นไฮบริดทั้ง 1.8 Hybrid MID และ 1.8 Hybrid ก็ถือเป็นรถไฮบริดที่น่าลองที่สุดรุ่นหนึ่งตอนนี้ในตลาดรถบ้านเราอยู่ดี
Toyota C-HR เหมาะมาก ! ที่จะมาเป็นรถไฮบริดคันแรกของคุณ
6. รับประกันแค่ไหน ?
จะซื้อรถป้ายแดงรู้เรื่องการรับประกันตัวรถไว้สักหน่อยก็ดี ซึ่งในเรื่องนี้ต่างค่ายก็ต่างเงื่อนไขการดูแลรับประกัน และสำหรับ Toyota C-HR 2019 นั้น เงื่อนไขการรับประกันที่ให้มาก็คือ การรับประกันตัวรถพร้อมทั้งระบบ ไฮบริด (สำหรับรุ่นไฮบริด) Toyota ให้ฟรีค่าแรงในการเช็คระยะ แบ่งเป็นฟรีค่าแรง 11 ระยะ ตั้งแต่ 1,000 – 100,000 กิโลเมตร พร้อมรับประกันคุณภาพรถใหม่ Warranty ถึง 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร
สนใจรุ่นไฮบริดมั่นใจได้มากกว่ากับการรับประกันระบบยาว ๆ เพิ่มความคุ้มค่าให้แก่คุณ
ส่วนในรุ่นที่เป็นเครื่องยนต์แบบไฮบริดนั้นก็มั่นใจได้มากขึ้นกับเงื่อนไขการรับประกัน ระบบไฮบริดให้นานถึง 5 ปี โดยไม่มีการจำกัดระยะทาง อีกทั้งในเรื่องของแบตเตอรี่ที่หลายคนอาจเป็นกังวล ทาง Toyota ยังรับประกันในส่วนของแบตเตอรี่ไฮบริดให้นานถึง 10 ปี แบบไม่จำกัดระยะทางให้อีกด้วย ช่วยให้ใครที่สนใจซื้อในรุ่นไฮบริดก็มั่นใจได้อีกขั้นว่าจะยังมีคนคอยช่วยดูแลรถไปอีกยาว ๆ
7. ตัวเลือกอื่น ๆ ของรถสไตล์นี้ มีรุ่นไหนบ้าง ?
แต่ถ้าคุณกำลัง “ลังเล” ไม่แน่ใจ หรือกำลังมองหาทางเลือกอื่นอยู่ในรถสไตล์เดียวกัน จะมีตัวเลือกไหนบ้างที่คุณควรนำไปเปรียบเทียบซื้อในท้ายที่สุด แน่นอนรุ่นแรกจะต้องเป็น Honda HR-V ที่ทำออกมาได้ดีไม่แพ้กันและความนิยมก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนกว่า Toyota C-HR แต่ประการใดเลย ดีเลิศถึงขนาดเป็นเจ้าตลาดเดิมของรถประเภทนี้ด้วยซ้ำ และเป็นคู่แข่งอันดับหนึ่งของ Toyota C-HR คันนี้มากที่สุด
คู่แข่งหรือคู่เปรียบเทียบเลือกในตลาดรถกลุ่มนี้มีไม่น้อย ถ้า C-HR ยังไม่ใช่ที่สุด
ลองดูรุ่นอื่น ๆ ประกอบไปด้วยก็ดี
ส่วนอีกทางเลือกที่สปอร์ตเร้าใจไม่แพ้กันก็คือ Mazda CX-3 ที่ให้มาดีในเรื่องฟีเจอร์ต่าง ๆ ครบกว่า แถมยังแรงเร้าใจไปอีกขั้นไปเครื่องยนต์ขนาด 2.0L หรือจะเน้นประหยัดไปกับเครื่องยนต์ดีเซลก็มีให้เลือกด้วยไม่เหมือนใคร ส่วนถ้าเน้นประหยัดงบประมาณลงหน่อย แต่ยังอยากได้ในรถสไตล์นี้อีกทางเลือกที่น่าสนใจอย่าง MG ZS ก็มีที่ราคาตัวรถน่าคบหามาก เรื่องรายละเอียดของงานประกอบอาจดีไม่สู้เท่า แต่อุปกรณ์ความล้ำที่ให้มาก็ถือว่าไม่ขี้เหร่ พอไปวัดไปวาได้ และอีกรุ่นที่เราอยากให้คุณเก็บไว้พิจารณาก็คือ Subaru XV ที่ชื่อชั้นของแบรนด์แม้จะดูไม่ดีได้เทียบเท่า Toyota C-HR แต่เรื่องของคุณภาพตัวรถนี่ถือว่าใช้ได้เลย ลองนำไปเลือกเปรียบเทียบพิจารณากันดูในแต่ละรุ่น
แล้วทั้งหมดนี้คือที่เรานำมาฝากกัน กับคำตอบในเรื่องต่าง ๆ สำหรับการตัดสินใจเลือกซื้อ ซึ่งหวังว่าคำตอบในแต่ละข้อที่เรานำเสนอมานี้ น่าจะช่วยให้คำตอบในบริบทสุดท้ายว่าจะซื้อรถ Toyota C-HR 2019 คันนี้หรือไมของคุณ “ชัดเจนยิ่งขึ้น !” แล้วอย่าลืมแชร์คำตอบของคุณกับเรา Chobrod.com สักหน่อยด้วยละว่าเป็นยังไง เราอยากรู้ ! ที่ Comment ด้านล่างนี้ได้เลย
ดูเพิ่มเติม
>> 10 รถแห่งปี 2018 ในตลาดเมืองไทย
>> มาดูกันดีกว่าว่า "รถยนต์ของเรานั้น มีส่วนในการสร้างมลพิษ จริงหรอ" ???
ติดตามข่าวสารรถยนต์ เชิญที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดี เชิญเข้าดูที่ตลาดรถตรงนี้