6 รถไฟฟ้าที่ดีที่สุดประจำปี 2018

6 รถไฟฟ้าที่ดีที่สุดประจำปี 2018

อย่าชะล่าใจไป ! ว่าแม้เมืองไทยเพิ่งจะแค่เริ่ม “แตะก้าว” เข้ามาสู่ในเรื่องนี้ ที่เริ่มมีการออกมาขายในรถประเภทไฮบริดมากขึ้นตลอดช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา แต่โลกโดยรอบเขาก้าวกระโดดไปไกลแล้ว ด้วยการใช้รถขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้าอย่างแพร่หลาย  มาตามโลกให้ทันกันดีกว่า เผื่อวันหนึ่งในอีกไม่นาน คุณตื่นขึ้นมาได้เห็นรถไฟฟ้า EV วิ่งอยู่เต็มท้องถนนเมืองไทยอาจเป็นภาพที่คุณได้เห็นจนชินตา และต้องบอกว่า ณ เวลานี้ เป็นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านอย่างแท้จริงของนวัตกรรมยานพาหนะแห่งมนุษยชาติ  คุณเคยสงสัยมั้ย ? ว่าช่วงเวลาเมื่อร้อยกว่าปีที่มนุษย์ได้รู้จักกับรถยนต์คันแรกเป็นอย่างไร ช่วงเวลาก็ไม่น่าจะต่างกันมากนัก 

และนี่คือ 6 รถไฟฟ้าที่ดีที่สุดประจำปี 2018 ที่เปิดตัวในตลาดรถ จากการจัดอันดับของสื่อต่างประเทศ Digitaltrends  :ซึ่งเรา Chobrod นำมาฝากกับคุณ ไปดูกันเลยว่าจะมีรุ่นอะไรบ้าง.. 
 

1. Tesla Model 3
“รถไฟฟ้าที่ดีที่สุด”
ราคา : 49,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 1,604,800 บาท (ราคายังไม่รวมภาษีนำเข้า)

Tesla Model 3

เพราะมันคือรถไฟฟ้าที่ดีที่สุดจากค่ายผู้ผลิตรถไฟฟ้าที่ดีที่สุดในโลกอย่าง Tesla ความสมบูรณ์แบบง่าย ๆ ที่เหมือนเป็นเครื่อง “ไทม์แมชชีน” พร้อมจะพาคุณท่องไปสู่อนาคตเพียงแค่ขึ้นไปนั่งอยู่ที่หลังพวงมาลัย ความเรียบง่ายจากรูปแบบตัวรถที่มาในแบบซีดาน ถูกแฝงไว้ด้วยดีไซน์ล้ำลึกเพื่อก้าวไปสู่อนาคต ทั้งมีสไตล์ หรูหรา และล้ำกว่า พร้อมวิ่งได้ถึง 500 กิโลเมตรต่อการชาร์ตไฟเต็มเพียงครั้ง แต่กระนั้นก็คงไม่เด่นเท่าในเรื่องของความสะดวกสบายและความปลอดภัยที่รถคันนี้มีให้ไปจนถึงระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ (Semi-Autonomous) ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่แสดงถึงความเป็นรถแห่งอนาคตได้อย่างชัดเจนที่สุด 
 

2. Chevrolet Bolt EV
“รถไฟฟ้าที่วิ่งได้ไกลกว่า”
ราคา : 37,495 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 1,228,000 บาท (ราคายังไม่รวมภาษีนำเข้า)

Chevrolet Bolt EV

สำหรับผู้ใช้รถคนไหนที่ต้องการก้าวผ่านในเรื่องความกังวลเกี่ยวระยะทางที่รถไฟฟ้าสักคันสามารถวิ่งไปได้ Bolt EV คันนี้จะช่วยตอบโจทย์ความต้องการของคุณ เมื่อเหตุผลหลักของการเลือกรถพลังงานทางเลือก EV คือเรื่องความคุ้มค่าที่วิ่งได้ไกลยิ่งกว่าเป็นสำคัญ และจะยิ่งดีที่ราคารถไม่แพงเกินไปด้วย Bolt EV กับราคาตัวรถที่ไม่สูงนักแต่สามารถพาคุณวิ่งไปได้ไกลกว่าถึง 360 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้ง ประหยัดกว่าเป็นหมื่นเหรียญเมื่อเทียบกับ Tesla Model 3 แต่วิ่งได้ไกลพอกัน ทำให้ Chevrolet Bolt EV ก็น่าจะเป็นคำตอบให้สำหรับใครที่หวังจะได้ในเรื่องความคุ้มค่าที่พร้อมพ่วงด้วยความเป็นรถ EV 
 

3. Nissan LEAF
“รถไฟฟ้าที่ราคาประหยัดที่สุด”
ราคา : 29,990 เหรียญสหรัฐฯ ขายในประเทศไทยราคา 1.99 ล้านบาท

Nissan LEAF

มาถึงเมืองไทยแล้วสำหรับ Nissan LEAF แต่เพราะผ่านหลายด่านภาษีหน่อย จึงทำให้ Nissan LEAF คันนี้ “ราคาล้น” จนสูงกว่ารถระดับหรูในเมืองไทยอย่าง Toyota Camry แต่ในต่างประเทศรถรุ่นนี้ถือเป็นรุ่นที่เหมาะมากสำหรับใครที่อยากจะเริ่มสัมผัสกับนิยามแห่งรถ EV มลพิษเป็นศูนย์เป็นคันแรก เพราะมีราคาแปลเป็นเงินไทยเพียง “แตะล้าน” เท่านั้น (ประมาณ 982,200 บาท) อีกทั้งยังพร้อมสรรพด้วยเทคโนโลยีต่าง ๆ มากมาย ภายใต้รูปแบบตัวถังที่คนไทยคุ้นเคยกันดีในแบบ Hatchback ซึ่งในโฉมนี้ถือเป็นเจ็นที่สองแล้วของ LEAF ที่สร้างความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยราคาที่พอเหมาะพอเจาะกับระยะทางซึ่งวิ่งได้ไกลถึง 250 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้ง จึงไม่น่าแปลกว่าทำไมรถรุ่นนี้จึงขายดีเป็นเทน้ำเทท่าทั่วโลก (รวมทั้งในไทยด้วย ที่มีข่าวว่ายอดจองใช่ย่อยเลยทีเดียวภายในงาน Motor Expo 2018) 

ดูเพิ่มเติม
>> รีวิว Nissan Leaf 2018 รถพลังไฟฟ้า
>> เจาะละเอียด รถไฟฟ้า Nissan LEAF ทำไมถึงแพง ?
 

4. BMW i3
“รถไฟฟ้าที่หรูหราที่สุด”
ราคา : 44,450 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 1,455,000 บาท (ราคายังไม่รวมภาษีนำเข้า)

BMW i3

รถสำหรับคนเมืองที่เน้นเพื่อการใช้งานในที่แคบ ๆ กับขนาดรถกะทัดรัด ซอกแซกได้ดี ถอยจอดก็สะดวก อีกทั้งยังมาในแบบรถ EV อีก จะมีรถอะไรที่ตอบโจทย์การใช้งานได้ดีเท่ารุ่นนี้ BMW i3 ซึ่งแม้ดีไซน์ภายนอกจะดูเรียบร้อยเกินไปไม่ค่อยสมกับความเป็นรถจาก BMW สักเท่าไร แต่รถคันนี้ “ยัดมาเต็ม” กับเทคโนโลยีและความหรูหรามากมาย ทั้งตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์ ภายในประกอบผ่านด้วยวัสดุชั้นดีจากธรรมชาติที่เรียกว่า Kenaf Fiber ทั้งรักษ์โลกทั้งดูแพง วิ่งได้ไกลเป็นระยะทาง 290 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้ง ไม่มากไม่น้อยแต่ที่มากคือความหรูหราจนถูกยกให้เป็นรถไฟฟ้าที่หรูดูแพงที่สุดประจำปี 2018 นั่นเอง 
 

5. Tesla Model S P100D
“รถไฟฟ้าที่ Perfomance ดีที่สุด” 
ราคา : 136,500 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 4,470,515 บาท (ราคายังไม่รวมภาษีนำเข้า)

Tesla Model S P100D

แรงกระชากใจแบบไม่ต้องพึ่งน้ำมันเลยสักหยด เกิดขึ้นแล้วกับรถคันนี้ที่จะทำให้คุณอะดรีนาลีนหลั่งได้เหมือนนั่งรถสปอร์ตกับความแรง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลาไม่ถึง 3 วิ ! โดยใช้เวลาเพียงแค่ 2.28 วินาทีเท่านั้น พร้อมกับเวลาควอเตอร์ไมล์อยู่ที่เพียง 10.5 วินาที แรงจนซูเปอร์คาร์หลาย ๆ รุ่น ทั้ง Ferrari LaFerrari,  Porsche 918 และ McLaren P1 ยังต้องอาย แต่แน่นอนกับความแรงระดับนี้ ก็ต้องแลกมาด้วยค่าตัวที่สูงกว่ารุ่นธรรมดาของ Model S ธรรมดาหลายเท่า แต่สิ่งหนึ่งที่บอกได้จากความแรงของ Tesla Model S P100D คันนี้ก็คือ รถ EV ถ้าจะทำให้แรงก็ทำได้ไม่แพ้รถที่ใช้เครื่องยนต์เหมือนกัน 
 

6. Jaguar I-Pace
“รถไฟฟ้าครอสโอเวอร์ / SUV ที่ดีที่สุด”
ราคา : 69,500 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 2,276,000 บาท (ราคายังไม่รวมภาษีนำเข้า)

Jaguar I-Pace

ถ้าสิ่งที่คุณต้องการคือรถ EV สักคัน และมันต้องเป็นรถครอสโอเวอร์ SUV ด้วยแล้วละก็ I-Pace คันนี้มันคือคำตอบ “ที่ใช่” ในทุกความต้องการของคุณ รถจากค่าย “โลโก้เสือกระโดด” Jaguar ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเริ่มลุยกับตลาดรถ EV กับเขาบ้าง จนการมาถึงของ Jaguar I-Pace คันนี้ที่ดีไซน์ออกมาได้สวยอยู่ระหว่างความเป็นรถครอสโอเวอร์กับสปอร์ตซีดาน ฉีกทุกข้อจำกัดการออกแบบ ภายในสะดวกสบายและไฮเทคด้วยฟีเจอร์ล้ำยุค ที่มาพร้อมความแรงที่ไว้ใจได้ด้วยเวลาเพียง 4.8 วินาทีในการทำความเร็ว 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำความเร็วสูงสุดทะลุ 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแบบสบาย ๆ พร้อมระยะทางที่วิ่งได้ไกลกว่า 377 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้ง 

และทั้งหมดนี้คือ 6 รถไฟฟ้า EV อันเป็นที่สุดแห่งปี 2018 จากการจัดอันดับของเว็บไซต์ Digitaltrends ซึ่งเรา Chobrod.com นำมาฝากกับคุณ คงต้องรอลุ้นกันต่อว่าจะเป็นรุ่นไหนที่มีโอกาสได้เข้ามาขายในไทยกันบ้างนอกจาก Nissan LEAF ซึ่งอีกไม่นานสำหรับเมืองไทยคาดว่าน่าจะมีตัวเลือกในรถประเภทนี้เข้ามาให้เลือกอีกมาก ยังไงรอติดตามกันต่อไปรับรองว่าไม่นานเกินรออย่างแน่นอน 

Chobrodขอฝากความรู้เกี่ยวกับรถยนต์ไว้เพียงเท่านี้เเละคราวหน้าเรื่องอะไรติดตามไปพร้อมกันเลยนะครับ

ดูเพิ่มเติม
>> ความเคลื่อนไหวตลาดรถยนต์ต่างประเทศปี 2018
>> ล้ำไปอีก!!! แบตเตอรี่ที่เหนือกว่ารถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบัน

ติดตามข่าวสารรถยนต์ เชิญที่นี่  
ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดี เชิญเข้าดูที่ตลาดรถตรงนี้