5 ข้อเสียทำให้รถมีซันรูฟ อาจไม่ใช่คำตอบสำหรับคุณ

ประสบการณ์ซื้อขายรถยนต์ | 16 ธ.ค 2560
แชร์ 37

ปฎิเสธไม่ได้ที่ใครๆ ก็ต่างถวิลหาความงดงามของรถที่เพิ่มขึ้นจากหลังคากระจก ซันรูฟ มูนรูฟ ไม่เพียงแค่เรื่องการใช้งานแต่มันยิ่งเพิ่มความหรูหรา ดูแพง Luxury ให้กับตัวรถของคุณมากยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นรถแพง Luxury Car อย่าง Benz E Class หรือซิตี้คาร์ราคามิตรภาพอย่าง MG3 แค่มีหลังคาเปิดได้เพิ่มเข้ามา รถมีซันรูฟก็เป็นเหมือนเครื่องหมายการค้าของความพิเศษที่เหนือกว่ารถคันอื่น

5 ข้อเสียทำให้รถมีซันรูฟ อาจไม่ใช่คำตอบสำหรับคุณ

5 ข้อเสียทำให้รถที่มีหลังคาซันรูฟ อาจไม่ใช่คำตอบสำหรับคุณ
 

เมื่อเหรียญยังมีสองด้าน นอกจากความหรูหราพิเศษที่อุปกรณ์ชิ้นนี้มอบให้ ข้อเสียที่หลายๆ คนอาจคิดไม่ถึงเกี่ยวกับอุปกรณชิ้นนี้ก็มีอยู่ด้วยเช่นกัน รถมีซันรูฟอาจมองเป็นความพิเศษที่เหนือกว่า แต่ก็อาจเป็นอุปกรณ์ชิ้นใหญ่บนรถที่ทำให้คุณเสียเงินเพิ่มโดยใช้เหตุก็เป็นได้ แล้วข้อเสียของหลังคาแก้ว หลังคากระจก ซันรูฟ มูนรูฟนั้นมีอะไรบ้าง ไปดูกัน

 

ดูเพิ่มเติม

>> ‘ซันรูฟ’ มีดีอยู่ 4 ข้อที่หลายคนไม่เคยรู้
>> ไม่ได้มีดีแค่ที่ความเท่ ! 5 ประโยชน์จากซันรูฟ ที่หลายคนอาจมองข้าม

 

1.ทำให้ในรถร้อนขึ้น

 

ชัดเจนที่สุดคือเรื่องความร้อนจากภายนอกของอากาศเมืองไทย ไม่ใช่เรื่องอภิรมณ์นักถ้าคุณเดินอยู่กลางถนน แดดจ้าๆ ตอนบ่ายๆ ความร้อนของอากาศภายนอกสามารถทำให้เนื้อสุกได้ไม่ยาก รถมีซันรูฟทำให้ความร้อนเข้าสู่ภายในห้องโดยสารได้ง่ายกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถที่เป็นหลักคา panoramic sunroof กระจกแผ่นใหญ่มาแทนที่ หลังคาปกติที่ช่วยป้องกันความร้อนจากแสงแดด กลายมาเป็นเหมือนแค่แผ่นกรองกระจกแสงน้อยๆ แต่ไม่สามารถปกป้องคุณได้จากความร้อนของดวงอาทิตย์ในเมืองไทย ที่เฉลี่ยนอุณหภูมิอยู่ที่ 33-40 องศาฯ ในเวลากลางวันที่ร้อนที่สุด นี้ยังไม่รวมถึงความร้อนอื่นๆ ที่มาจากไอเสียของรถยนต์จำนวนมากบนถนน แล้วลองนึกภาพตามว่าในรถคุณแค่กระจกแผ่น บุภายใน ม่านบางๆ มากั้น จะร้อนมากแค่ไหน แอร์ของรถคุณก็ต้องทำงานหนักเพื่อปรับอุณหภูมิในห้องโดยสาร ส่งผลไปจนถึงเรื่องความสิ้นเปลืองของเชื้อเพลิงต่อเนื่อง

 

ทั้งเรื่องแสงและความร้อนอาจทำให้ซันรูฟไม่ค่อยเหมาะกับเมืองไทยเท่าไร

ทั้งเรื่องแสงและความร้อนอาจทำให้ซันรูฟไม่ค่อยเหมาะกับเมืองไทยเท่าไร

2. พื้นที่ Headroom น้อยลง

 

การที่รถมีซันรูพแค่เปิดหลังคาให้ลมเข้าจะช่วยลดความอึดอัดในห้องโดยสารได้ แต่ถ้าไม่ได้เปิดหลังออกละ?  พื้นที่ของห้องโดยสารส่วน Headroom จะถูกตัดออกไปเหลือน้อยลงเพื่อให้พื้นที่กับอุปกรณ์ กลไกมอเตอร์ต่างๆ จนทำให้พื้นที่ส่วนบนน้อยลง เพดานของรถต่ำลง ไม่น่าแปลกใจที่คนตัวสูงจะบ่นอุบเมื่อนั่งรถยนต์ที่มีซันรูฟว่าหัวจะติดเพดาน เพราะบางครั้งพื้นที่ที่เสียไปเพื่อวางอุปกรณ์ของซันรูฟอาจมากถึง 2 นิ้วเลยทีเดียว
 

วิธีการแก้ปัญหาสำหรับผู้โดยสารตัวสูงอาจต้องเอนเบาะลงเพื่อไม่ให้หัวชนเพดาน แต่สำหรับผู้ขับขี่อาจเกิดปัญหาต่อมาเพราะเมื่อเอนเบาะลงไปก็ยิ่งทำให้ระยะพวงมาลัยอยู่ไกลออกไปอีก สรีระในการขับขี่เสียไปหมด กลายเป็นปัญหาต่อเนื่องจากแค่พื้นที่ Headroom น้อยลงเพราะรถมีซันรูฟแท้ๆ
 

3. รถหนักขึ้นกว่าร้อยกิโล

 

ระบบกลไกของซันรูฟยังเพิ่มน้ำหนักให้กับตัวรถ ไม่ว่าจะเป็นทั้งมอเตอร์ไฟฟ้า กระจกขนาดใหญ่ของ panoramic sunroof อาจจะดูสวนทางความต้องการของผู้ผลิตที่พยายามออกแบบรถให้เบาลง เพื่อช่วยประหยัดเชื้อเพลิงให้เดินทางไปได้ไกลกว่า แต่ถ้าคุณเลือกรถมีซันรูฟก็เหมือนกับว่าสิ่งที่นักพัฒนาต่างพยายามที่จะให้รถทั้งตัวถังและเครื่องยนต์เบาลงกลับต้องมาหนักขึ้นเพราะระบบซันรูฟ

 

อุปกรณ์ต่างๆ ของระบบซันรูฟทำให้รถมีน้ำหนักมากขึ้น

อุปกรณ์ต่างๆ ของระบบซันรูฟทำให้รถมีน้ำหนักมากขึ้น
 

โดยเฉพาะรถในรุ่นที่ใช้หลังคาแบบ panoramic sunroof ที่ต้องเพิ่มความแข็งแรงให้กับตัวกระจก ทดแทนด้วยความหนานั่นหมายถึงน้ำหนักกว่า 100 กิโลกรัมที่ติดอยู่บนหลังคารถวิ่งไปกับคุณซึ่งหนักกว่าแผงโลหะทั้งเหล็กและอลูมิเนียมที่ทำหน้าที่เป็นหลังคาของรถไม่มีซันรูฟ นี่ยังไม่รวมเหล็กเสริมความแข็งแรงให้กับหลังคากระจก มอเตอร์ไฟฟ้าและช่องระบายน้ำ ลองคิดดูว่าทั้งระบบของซันรูฟตัวรถจะต้องรับน้ำหนักเพิ่มขึ้นกว่าปกติเท่าไร ก็เหมือนกับคุณมีฝรั่งตัวใหญ่หนัก 100 กิโลนั่งไปกับคุณตลอดทุกเส้นทางน่าจะเห็นภาพง่ายขึ้น
 

4. โครงสร้างรถไม่สมบูรณ์

 

เมื่อโครงสร้างตัวถังที่วิศวกรออกแบบมานั้น เขาไม่ได้คิดมากับรถที่มีซันรูฟ หรือหลังคาแก้ว หลังคากระจก การที่อุปกรณ์เหล่านั้นมาทดแทนส่วนโครงสร้างของหลังคาที่เคยเป็นเหล็กหรืออลูมิเนียม นั่นหมายถึงเป็นการลดความสมบูรณ์ของโครงสร้างตัวถังรถทั่วไปโดยใช้เหตุ รวมไปถึงระบบระบายน้ำที่อาจมีปัญหาอุดตันส่งผลต่อเนื่องให้น้ำซึมเข้าห้องโดยสาร แม้มันจะไม่ไหลหยดเหมือนบ้านรั่วแต่มันคือการสะสมความชื้นไว้ภายในตัวรถ อาจทำให้ตัวถังรถเป็นสนิมได้ง่ายกว่าปกติ
 

5. คุณได้ใช้มันบ่อยแค่ไหน?

 

เป็นคำถามที่คุณอาจจะลืมถามตัวเองก่อนที่จะซื้อรถมีซันรูฟ ว่าซื้อรถมีอุปกรณ์นี้มาแล้ว คุณจะได้ใช้งานมันบ่อยแค่ไหนกัน ตอนเช้าขับไปทำงานรถติดๆ ? หรือพาครอบครัวขับรถไปเที่ยวห้างเสาร์ อาทิตย์ตอนบ่ายแดงแรงๆ ? เก็บคำถามนี้ไว้ก่อน ไปเทียบรุ่นย่อยที่มีซันรูฟกับไม่มีซันรูฟดูว่าคุณต้องจ่ายเพิ่มมากแค่ไหน ถ้าอยากให้รถของคุณมีซันรูฟเพิ่มขึ้นมา

Honda HR-V

  • มีหลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา EL ราคา 1,099,000 บาท

  • ไม่มีซันรูฟ ราคา 1,050,000 บาท

Ford Everest

  • มีหลังคา Panoramic Moonroof ปรับไฟฟ้า 3.2L 4X4 Titanium+  1,749,000 บาท

  • ไม่มีซันรูฟ 3.2L 4X4 Titanium  1,599,000 บาท

MG3

  • มีซันรูฟ 1.5X Sunroof ราคา 559,000 บาท

  • ไม่มีซันรูฟ 1.5D ราคา 509,000 บาท

หลังคาแก้ว Panoramic Moonroof ของ Ford Everest

หลังคาแก้ว Panoramic Moonroof ของ Ford Everest
 

แม้ความแตกต่างของราคาจะไม่ได้หมายถึงอุปกรณ์ของ Sunroof เพียงอย่างเดียว ราคาที่เพิ่มมาอาจรวมถึงอุปกรณ์อย่างอื่นด้วย แต่หลักๆ ที่จ่ายเพิ่มคือคุณจ่ายให้กับอุปกรณ์ชิ้นนี้ ถ้าคุณต้องการรถหลังคาซันรูฟ คุณต้องเลือกรุ่นย่อยที่ Exclusive พิเศษขึ้น จ่ายเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 50,000 บาท เงินจำนวนนี้กับข้อเสียที่กล่าวมาเบื้องต้นคุ้มหรือไม่ที่คุณจะเลือกรถมีหลังคาซันรูฟ ที่เมื่อซื้อไปอาจจะได้ใช้งานจำนวนนับครั้งได้ด้วยซ้ำ เมื่อตัวรถวิ่งอยู่บนถนนร้อนๆ อย่างเมืองไทย
 

แต่ทั้งหมดทั้งมวล ถ้าใครงบถึงและชื่นชอบความรู้สึกพิเศษที่รถมีซันรูฟมอบให้จะก้าวก่ายไม่ให้ซื้อก็ไม่ควร เงินใครเงินเขา ซื้อรถที่มีซันรูฟ 2020 ก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร บางครั้งอารมณ์ก็อยู่เหนือเหตุผล การตัดสินใจซื้อรถก็เช่นกันถ้านับข้อดีข้อเสียไม่เอาอารมณ์หรือดีไซน์การออกแบบเลย ผู้ผลิตค่ายรถยนต์ก็คงมีอยู่แค่ไม่กี่เจ้าบนโลกแล้ว ว่าไหม?

ติดตาม ตลาดรถบ้าน ซื้อขายกันเอง ด้ที่นี่
ติดตามเรื่อง รีวิวรถยนต์ใหม่ ได้ที่นี่
ติดตามเรื่อง ราคารถยนต์ใหม่ๆได้ที่นี่