รถไร้คนขับ หรือ รถยนต์อัตโนมัติ คืออะไร แล้วเทคโนโลยีนี้ช่วยช่วยอะไรเราได้บ้าง มาดูระดับของการขับอัตโนมัติ ที่จะช่วยคุณให้สบายและปลอดภัย มากกว่าการเบรก เร่ง และเลี้ยว ไม่เกิน 10 ปีข้างหน้า อาจจะเห็นรถไม่มีพวงมาลัยด้วยซ้ำ ไปดูกันว่าจะล้ำแค่ไหน
ความสะดวกสบายและความปลอดภัยในการเดินทาง คือสิ่งที่ทุกคนต้องการตั้งแต่โลกนี้มีรถยนต์ จนมาถึงปัจจุบันนี้ รถยนต์ไร้คนขับ หรือรถยนต์อัตโนมัติ คือการรวมความต้องการทั้ง 2 สิ่งของคนขับรถเข้าด้วยกันได้ดีในขั้นสุด ที่บอกว่าขั้นสุดนี้ เพราะว่าระบบนี้มีถึง 5 ขั้นด้วยกัน ซึ่งคอมพิวเตอร์จะเข้ามาขับแทนที่มนุษย์เรื่อย ๆ แล้วมันจะทำได้มากกว่ามนุษย์ในขั้นสูงสุดด้วยซ้ำไป แล้วมันจะเป็นจริงได้หรือไม่ ไปชมการทำงานในแต่ละขั้นกันครับ
รถยนต์อัตโนมัติ มีไว้เพื่อความสะดวกสะบายและปลอดภัย
รถไร้คนขับระดับที่ 1 เป็นขั้นพื้นฐานที่สุด โดยคอมพิวเตอร์ใช้กล้อง หรือเรดาร์ ในการตรวจจับวัตถุ หรือเส้นขอบทาง เพื่อประมวลผลว่าเป็นอันตรายหรือไม่ แล้วก็ตัดสินใจส่งสัญญาณเตือนให้เท่านั้น ส่วนคนขับยังเป็นผู้ควบคุมพวงมาลัยและแป้นเหยียบทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันในรถหลายรุ่นมีใช้แล้วอย่างแพร่หลาย เช่น เซ็นเซอร์ถอยหลัง ระบบเตือนจุดบอด ระบบเตือนรถออกนอกเลน
เซ็นเซอร์ถอยหลัง สิ่งจำเป็นในยุคนี้
รถไร้คนขับระดับที่ 2 ใช้คอมพิวเตอร์ในรถคำนวนระยะห่างของรถอื่น และสามารถเร่งความเร็วและเบรกเองได้โดยอัตโนมัติ แถมยังช่วยหักพวงมาลัยเบี่ยงได้อีก เรียกว่าตัดสินใจแทนมนุษย์ไปเลย แต่คนขับยังต้องเอามือจับพวงมาลัยอยู่ และยังทำงานร่วมกับระดับ 1 ที่มีเสียงเตือนเหมือนเดิม โดยระบบขับอัตโนมัติระดับ 2 มีใช้แล้วในรถรุ่นกลาง เช่น ระบบป้องกันการชนด้านหน้า ระบบครูสคอนโทรลแบบแปรผัน ระบบจอดเข้าซองอัตโนมัติ ฯลฯ
รถยนต์ระดับ 2 สามารถตัดสินใจหักหลบได้ด้วยตัวเอง
รถไร้คนขับระดับที่ 3 นี้คือระดับสูงสุดในปี 2019 ปัจจุบันนี้ โดยจะเป็นระดับที่ รถจะทำหน้าที่ขับแทนมนุษย์ทุกอย่าง คนขับปล่อยมือจากพวงมาลัยได้เลย แค่นั่งมองทางและกดปุ่มสั่งการเท่านั้น แต่ยังทำได้ในการขับทางไกลในสภาพการจราจรปกติ ไม่สามารถขับได้ในสภาพถนนพลุกพล่าน เช่น ขับผ่านสี่แยกวัดใจ หรือเจอทางก่อสร้าง โดยระบบนี้เริ่มมีใช้แล้วในรถหรูสุดแพงอย่างเช่น Audi A8 2019 ที่สามารถวิ่งมาหาเจ้าของรถได้เลย หรืออย่าง Tesla Model S ซึ่งใส่ระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติ จนสามารถปล่อยมือได้แล้ว
Audi ทำรถระดับ 3 ที่สามารถปล่อยมือจากพวงมาลัยได้แล้ว
ดูเพิ่มเติม
>> ไขข้อสงสัยรถญี่ปุ่นน่าใช้กว่ารถยุโรป จริงๆหรอ ?
>> มุมมอง “รถญี่ปุ่น หรือ อเมริกัน” ครองใจคนไทย
รถไร้คนขับระดับที่ 4 รถจะสามารถขับอัตโนมัติในการจราจรหนาแน่นอย่างเมืองหลวง ด้วยการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างรถกับรถคันอื่น ๆ รถจะคำนวนให้คุณและพาคุณไปยังที่หมายอย่างปลอดภัย แต่ใช้ได้เฉพาะพื้นที่หรือเส้นทางที่มีการบันทึกใว้เท่านั้น ส่วนคนขับไม่ต้องควบคุมอะไรเลย สามารถละสายตาไปอ่านหนังสือ หรืองีบหลับชั่วคราวก็ยังได้ โดยรถไร้คนขับระดับนี้ คาดว่าจะวางขายในบางประเทศภายในปี 2022 โดยตอนนี้มีการทดลองในหลายค่าย เช่น Uber นำรถยนต์ขับกึ่งอัตโนมัติมาดัดแปลงเพิ่มความสามารถเป็นระดับ 4 และออกทดลองวิ่งแล้ว
ระดับ 4 รถไร้คนขับจาก Uber ออกทดลองวิ่งแล้ว
รถไร้คนขับระดับที่ 5 จะสามารถขับเคลื่อนอัตโนมัติไปยังสถานที่ต่าง ๆ ตามจุดหมายที่คุณกำหนด รถจะทำการคำนวนเส้นทางและสื่อสารกับรถคันอื่น ๆ แบบไร้สาย คนขับรถจะไม่มี จึงไม่มีพวงมาลัย คันเร่ง และเบรก เหลือเพียงปุ่มหยุดฉุกเฉิน ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะมีใช้ไม่เกิน 10 ปีนี้ โดยตอนนี้มีหลายค่ายที่แข่งกันทำ เช่น Google ก็ทำรถของตัวเองออกมาวิ่งเก็บข้อมูล หรืออย่าง Volvo ก็มีรถบรรทุกแบบไร้คนขับ 100% ออกมาทดลองวิ่งในเส้นทางแล้ว
รถยนต์ขับอัตโนมัติระดับ 5 จากกูเกิ้ล
Volvo Vera รถบรรทุกไร้คนขับ ออกทดลองวิ่งจริงแล้ว
โลกสมัยใหม่ก้าวไปเร็วมาก จากเมื่อ 10 ปีที่แล้วเราเพิ่งจะตื่นเต้นกันรถที่ส่งเสียงเตือนได้ในระดับ 1 จนมาถึงตอนนี้ก้าวมาถึงระดับ 3 แล้ว ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องโอเวอร์อะไร ที่จะบอกว่า รถยนต์อาจไร้พวงมาลัยในอีก 10 ปีข้างหน้า ส่วนจะมีเทคโนโลยีอะไรใหม่ ๆ เพิ่มเติมนั้น ก็ติดตามกันต่อได้ในเว็บ chobrod แล้วพบกันใหม่ครับ สวัสดี
ดูเพิ่มเติม
>> หวังเป็นหนึ่งในอาเซียน "สิงคโปร์" ขอร่วมวงผลิต "รถยนต์ไฟฟ้า"
>> นักวิเคราะห์คาดอีก 20 ปี "รถยนต์ไฟฟ้า" จะครองโลก
ติดตามข่าวสารรถยนต์ คลิกที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดี เชิญเข้าดูที่ตลาดรถตรงนี้