เป็นประเทศเพื่อนบ้านกันมาเนิ่นนาน เติบโตทางสังคมและเศรษฐกิจมาด้วยกัน แต่วันนี้เขาสามารถทำรถยนต์ไร้คนขับให้เป็นรูปเป็นร่างได้แล้ว เรียกได้ว่าแซงหน้าประเทศไทยไปเลย ประเทศเพื่อนบ้านนั้นคือ "มาเลเซีย"
ไม่กี่ปีหลังมานี้ เรื่อง Autonomous Driving เป็นที่สนใจมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ยิ่งการมาของรถยนต์ Tesla ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจมากขึ้น และทำให้ใครหลายๆคนคาดหวังถึงสังคมของรถยนต์ไร้คนขับว่าจะเป็นจริงได้ในเร็ววัน ในประเทศที่พัฒนาแล้วก็มีการวางโครงสร้างพื้นฐานของถนนหนทางต่างๆให้สามารถรองรับกับรถยนต์ไร้คนขับได้มากที่สุด และสิ่งที่สำคัญที่สุดที่แทบจะคาดไม่ได้ก็คือนโยบายของรัฐบาลในประเทศต่างๆที่จะออกมารองรับรถยนต์ไร้คนขับมากน้อยเพียงใด
สำหรับประเทศที่กำลังพัฒนา บางประเทศเรื่องรถยนต์ไร้คนขับยังคงเป็นเหมือนหมอกและควันที่ยังมิอาจจับต้องได้ ในประเทศไทยเองก็คงต้องใช้เวลาอีกสักพักใหญ่เพราะการจะทำให้สังคมไทยเป็นรถยนต์ไร้คนขับได้ยังคงต้องฝ่าไปอีกหลายด้าน แล้วในประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ๆเราเป็นอย่างไรกันบ้าง
ฝ่ายรัฐบาลและภาคเอกชนต่างๆในประเทศมาเลเซียเริ่มกันเตรียมความพร้อมสำหรับรถยนต์ไร้คนขับกันแล้ว โดยโฟกัสไปที่เทคโนโลยีต่างๆที่จำเป็นในการทำให้สังคมเป็นรถยนต์ไร้คนขับได้ และมีนโยบายที่ชัดเจนมากขึ้นแล้วว่าจะพยายามพัฒนาและวิจัยให้ทุกอย่างพร้อมภายในปี 2025
จะสำเร็จได้เกิดจากความร่วมมือ
จากประกาศจากทางกระทรวงการค้าระหว่างประเทศและอุตสาหกรรมของมาเลเซีย (Ministry of International Trade and Industry : MITI) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการวางนโยบายเกี่ยวกับเรื่องนี้และมีวิสัยทัศน์ว่าเทคโนโลยีทั้งทางด้านรถยนต์ไร้คนขับและ Connected Car จะเปลี่ยนวิถีการเดินทางของประชาชนในประเทศอย่างแน่นอน โดยทั่วไปแล้วในหลายๆประเทศการผลักดันรถยนต์ไร้คนขับจะมีรัฐบาลเป็นตัวเร่งที่สำคัญ แต่สำหรับประเทศมาเลเซียเพื่อให้ขับเคลื่อนไปได้เร็วยิ่งขึ้น รัฐบาลจึงร่วมมือกับสถานบันการศึกษาเพื่อเตรียมความพร้อมด้านเทคโนโลยีให้ดียิ่งขึ้น เพราะหากเรื่องนี้สำเร็จได้จริงเมื่อไรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจก็จะเติบโตไปด้วย สถาบันการศึกษาหลักที่มีการวิจัยและพัฒนาระบบรถยนต์ไร้คนขับที่มีชื่อเสียงคือ University of Technology Malaysia (UTM) โดยกำลังพัฒนารถยนต์ต้นแบบร่วมกับบริษัท Moovita ที่มีประสบการณ์ด้านการพัฒนาถยนต์ไร้คนขับ ต้องยอมรับเลยว่าแนวคิดของเขาเหล่านั้นไม่ธรรมดาและเป็นบวกมาก เพราะมีแรงทะเยอทยานและการวางแผนที่เป็นรูปธรรมเพื่อให้การร่วมมือกันของการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับในสิงคโปร์เป็นไปได้อย่างราบรื่น
Moovita เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับในมาเลเซีย
รถไร้คนขับสามารถเลี้ยวเองได้ในถนนมาเลเซีย
รถยนต์ไร้คนขับที่พัฒนาโดยMoovita สามารถรับรู้สัญญาณไฟเขียวไฟแดงได้
Moovita พัฒนารถยนต์ให้มีเซนเซอร์ต่างๆเพื่อให้รถแล่นได้อย่างดีที่สุด
ความมุ่งหมายของมาเลเซียต่ออุตสาหกรรมรถยนต์
มาเลเซียมีวิสัยทัศน์ในการที่จะผลักดันตัวเองให้เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยมุมมองบนอุตสาหกรรมยุค4.0 หรือที่เรียกเป็นตัวย่อว่า (4IR: Fourth Industrial Revolution) 4IR นี้เองที่จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการผลักดันประเทศจากประเทศกำลังพัฒนาให้เป็นประเทศที่พัฒนาแล้วด้วยการทำ “Disruptive Effect” (ปรากฏการณ์ที่สิ่งใหม่ๆมาทดแทนสิ่งเก่าทำให้สิ่งเก่าค่อยๆหายไปจากสังคม เช่น email มาแทนที่โทรลข) ตัวเร่งปฏิกิริยาหนึ่งที่สำคัญสำหรับการเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วในยุคอุตสาหกรรม4.0คือ รถยนต์ไร้คนขับ ที่มีการพัฒนาจากหน่วยงานต่างๆที่กล่าวมาแล้วข้างต้น เฟสแรกมีกาเริ่มต้นกันมาตั้งแต่ 2012 ซึ่งเน้นการพัฒนาระบบช่วยเหลือการขับขี่ Advanced Driver Assistance System (ADAS) เพราะระบบเหล่านี้นับเป็นอุปกรณ์สำคัญของรถยนต์ไร้คนขับ และตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมา ก็ยกระดับไปอีกด้วยการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับแบบเต็มตัว
เพิ่มเติม
รถยนต์ที่นำมาเป็นต้นแบบรถยนต์ไร้คนขับ
การพัฒนาระบบรถยนต์ไร้คนขับให้ง่ายและค่าใช้จ่ายไม่สูงไม่ได้เป็นการสร้างรถยนต์ขึ้นมาใหม่ทั้งหมด แต่เป็นการนำรถธรรมดาที่มีอยู่มาเสริมทัพด้วยอุปกรณ์ต่างๆที่จำเป็นลงไป ในประเทศมาเลเซียนั้น ความร่วมมือของมหาวิทยาลัย UTM และบริษัท Moovita ใช้รถยนต์ Proton Exora รถยนต์นั่งส่วนบุคคลแบบ7ที่นั่งมาเป็นรถยนต์ต้นแบบ ติดตั้งอุปกรณ์ที่จำเป็นต่างๆทั้งด้านการตรวจจับสิ่งรอบข้าง การใช้ระบบนำทาง การใช้แผนที่ รวมไปถึงการควบคุมความเร็วและบังคับรถยนต์โดยปราศจากการควบคุมผู้ขับขี่ หลังจากพัฒนาอยู่ร่วมครึ่งปี ก็ได้ออกโลดแล่นในมาเซียเป็นการทดสอบด้วยระบบขับขี่อัตโนมัติระดับ5 ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนแบบไร้คนขับเต็มรูปแบบ และสถานที่ที่นำมาเป็นถนนในการทดสอบรถยนต์ไร้คนขับก็คือเมือง Cyberjaya เป็นเมืองๆหนึ่งทางตอนใต้ของกัวลาลัมเปอร์ที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยเสมือนเมืองแห่งโลกไซเบอร์ที่รวมเอาเทคโนโลยีต่างๆเข้าไว้ด้วยกันทั้งมัลติมีเดีย ศูนย์การค้นคว้าวิจัย มหาวิทยาลัยและสำนักงานต่างๆของบริษัทข้ามชาติ หรือเรียกง่ายๆว่าเป็น ซิลิคอนวัลเลย์แห่งประเทศมาเลเซีย การทดสอบในครั้งนี้สร้างความภาคภูมิใจให้แก่วงการรถยนต์มาเลเซียเป็นอย่างมากเมื่อต้นปี 2018 ที่ผ่านมา
รถยนต์ Proton Exora ที่ใช้เป็นรถต้นแบบรถยนต์ไร้คนขับในมาเลเซีย
หน้าจอของการทดสอบในรถยนต์ Proton Exora
Cyberjaya ซิลิคอนวัลเลย์แห่งประเทศมาเลเซีย
พฤติกรรมการขับรถยนต์ของประเทศกำลังพัฒนา
สิ่งหนึ่งที่ยากสำหรับการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับในประเทศมาเลเซียก็คือ พฤติกรรมการขับรถโดยทั่วไปของประเทศมาเลเซีย ถ้าเป็นในประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างอเมริกาหรือญี่ปุ่น การจราจรและการขับรถส่วนใหญ่จะเป็นไปอย่างมีระเบียบแบบแผนด้วยกฎหมายที่ค่อนข้างเข้มงวดและมารยาทการขับขี่ของประชาชนในประเทศนั้นๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าการขับขี่ของคนมาเลเซียไม่มีมารยาท เพียงแต่พฤติกรรมอาจจะแตกต่างออกไป เช่น การจอดรถซ้อนคัน2-3แถว การตัดเข้าเลนอย่างกะทันหัน การขับรถโดยไม่ได้รักษาเลนของตัวเอง หรือแม้แต่การขับฝ่าไฟแดงก็มีให้เห็นในประเทศมาเลเซีย (ในไทยเองก็ไม่ต่างกันนัก) พฤติกรรมเหล่านี้แม้ไม่ได้เจอตลอดเวลาแต่ก็ถือเป็นปัจจัยที่ต้องนำมาขบคิดและใช้เป็นตัวแปรหนึ่งในการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับในมาเลเซีย
ตัวอย่างที่ชาวมาเลเซียยกมาให้เห็นถึงปัญหาของรถยนต์ไร้คนขับว่าหากมีคนเดินเท้าขวางทางรถยนต์จะตัดสินอย่างไร
คนไทยไม่ยอมแพ้
สมัยเครื่องบินถูกทำให้โดยสารได้ใหม่ๆมนุษย์ยังใช้เวลากันเป็นปีๆกว่าจะยอมเชื่อว่ามันปลอดภัยพอที่จะโดยสารได้ รถยนต์ไร้คนขับก็เช่นกัน จากสิ่งที่มาเลเซียเริ่มต้นกี่ยวกับรถยนต์ไร้คนขับ นับได้ว่าเขาไปไกลกว่าเรามากนัก ด้วยความร่วมมือจากหลายๆฝ่าย พวกเราชาวไทยก็คงต้องพยายามเช่นกันเพื่อไม่ให้แพ้ประเทศเพื่อนบ้าน ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องรถยนต์ไร้คนขับก็ได้ เรื่องอื่นใดก็ตามเกี่ยวกับรถยนต์ที่จะทำให้สังคมของเราน่าอยู่ขึ้น เราสามารถเริ่มต้นได้จากตัวเราเองและมันจะสานต่อไปยังระดับประเทศได้ในสักวันหนึ่ง
ด้วยสภาพการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับของประเทศมาเลเซียที่มีองค์กรด้านการศึกษาและรัฐบาลให้ความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานเกินรอ ประเทศมาเลเซียจะมีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้นเรื่อยๆนับจากนี้ทั้งในด้านเศรษฐกิจและด้านอุตสาหกรรมรถยนต์ พวกเราทุกคนก็มาร่วมมือกันนะครับเพื่อสังคมที่เจริญก้าวหน้าของเราต่อไป
เพิ่มเติม
ติดตามข่าวสารรถยนต์ เชิญที่นี่