เป็นที่น่าจับตามองกันทั่วทั้งโลกสำหรับรถพลังงานไฟฟ้า ที่เป็นกระแสแรงเอามาก ๆ นอกจากนี้รถอเนกประสงค์ SUV นั้นพอจับมาติดมอเตอร์ไฟฟ้า โดยค่ายรถใหญ่ ๆ เข้าไปทำให้การพลังกำลังนั้นเพิ่มเป็นมหาศาลอีกด้วย เรามาดูกันดีกว่าว่า Suv พลังไฟฟ้าตอนนี้ค่ายใหญ่ ๆ เค้าไปถึงไหนกันแล้ว บอกเลยว่างานนี้หนุ่ม ๆ ต้องชอบแน่ ๆ
ถ้าจะพูดถึงเทคโนโลยีของด้านยานยนต์ที่เป็นกระแสแรงในชั่วโมงนี้ คงหนีไม่พ้นกับรถพลังงานไฟฟ้านะครับ เพราะแต่ละค่ายนั้นมีการแข่งขันและพัฒนาอย่างไม่หยุด แต่ละค่ายใหญ่ออกหมัดเด็ดโชว์ศักยภาพ ให้โลกได้รับรู้กับแบบไม่หยุดเลยนะครับ สำหรับวันนี้ Chobrod.com จะขอพาทุกท่านมาชม ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ที่มีผลงานเกี่ยวกับรถพลังงานไฟฟ้ามาฝากเพื่อน ๆ นะครับ
Tesla Model X
Tesla Model X SUV ระดับ Hi-Performanc
ประตูแบบพิเศษ Falcon Wing
ภายในออกให้ล้ำยุค พร้อมระบบอำนวยความสะดวกแบบครบครัน
ภายในห้องโดยสารแบบ 7 ที่นั่ง มีความกว้างขวาง นั่งสบาย
สำหรับค่ายรถพลังงานไฟฟ้าที่ไม่มีใครไม่รู้จักในขณะนี้ ที่เพิ่งเปิดตัวในงาน Motor Show 2018 ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่ามีผู้ให้ความสนจนกับรถไฟฟ้า กำลังสูงคันนี้ ด้วยดีไซน์ที่บอกว่าโครตจะล้ำยุค ในรูปแบบของรถอเนกประสงค์ ด้วยภายนอกที่เป็นประตูแบบปีกนก “Falcon wing” เหมือนกับถอดแบบมาจากในหนัก “Back to the future” กันมาเลยทีเดียว แต่ยังใช้พื้นที่การเปิดประตูน้อยกว่ารถรุ่นเก๋าอย่าง Delorean อีกด้วย เรื่องความปลอดภัยไม่ต้องห่วงได้รับคะแนนการปลอดภัยระดับ 5 ดาวจาก NHTSA ซึ่งทำให้เจ้า Tesla Model X คันนี้กลายเป็นรถ SUV คันแรกที่ได้รับคะแนนความปลอดภัย 5 ดาวในทุกการทดสอบอุบัติเหตุ ในส่วนของตัวท็อปที่จัดว่าแรงสุดนั้น สามารถวิ่งในระยะทางได้ถึง 289 ไมล์ ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 155 ไมล์หรือ ราว ๆ 250 กม./ชม. อัตราการเร่ง 0-100 เพียงแค่ 3.5 วินาที ส่วนราคาค่าตัวจะอยู่ราว ๆอยู่ที่ 6.7 – 11.3 ล้านบาท
Mercedes-Benz EQC
อาจจะดูคล้ายกับ Glc ซักหน่อย แต่หน้าตานั้นมีสไตล์ความเป็นรถพลังงานไฟฟ้า
การดีไซน์ที่ลงตัวตั้งแต่ด้านหน้าจนด้านหลัง
ภายในหรูหรา ตัดไปดูสีแดง และแฝงไปด้วยความสปอร์ต
Mercedes-Benz EQC สามารถขับขี่ได้ในระยะทาง 450 กิโลเมตร ต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง
*สนใจซื้อรถ Mercedes-Benz มือสอง ราคาสวยๆ กดดูที่นี่ได้นะครับ
ยักษ์ใหญ่จากฝังเยอรมันนี จะขอมาลงเล่นในตลาดรถไฟฟ้าอีกหนึ่งค่าย โดยการออกรุ่น Mercedes-Benz EQC มาก็เพื่อจะฟัดกับ Audi e-tron และ Tesla Model X เลยก็ว่าได้ ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าจำนวน 2 ตัว ที่ให้กำลังรวมสูงสุด 407 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 765 นิวตัน-เมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 5.1 วินาที ความเร็วสูงสุดถูกจำกัดไว้ที่ 180 กม./ชม. มาพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 80 กิโลวัตต์ชั่วโมง ช่วยให้ขับขี่ได้เป็นระยะทางประมาณ 450 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC ใหม่ของยุโรป ระบบชาร์จของ EQC เป็นแบบระบายความร้อนด้วยน้ำ (Water-cooled Onboard Charger - OBC) ขนาด 7.4 กิโลวัตต์ เหมาะสำหรับการชาร์จที่บ้านหรือสถานีบริการชาร์จทั่วไป หรือชาร์จผ่าน Mercedes-Benz Wallbox ที่เพิ่มกำลังไฟสูงสุดเป็น 110 กิโลวัตต์ ช่วยให้สามารถชาร์จไฟจนถึงระดับ 80 เปอร์เซ็นต์ ได้ในระยะเวลาประมาณ 40 นาที ส่วนของภายนอกอาจจะมีความคล้ายกับรุ่น GLC ซักหน่อย แต่ด้านหน้าและด้านท้ายนั้นมีความล้ำยุคสมัยในสไตล์รถ EV
Audi e-Tron
Audi e-Tron การชาร์จไฟเพียง 30 นาที สามารถวิ่งในระยะทาง 240 กม.
ภายนอกดีไซน์ออกมาได้หล่อเอาการในแบบฉบับของ AUDI
ไฟท้ายคาดยาวทำให้ด้านท้ายดูกว้างขวางมากขึ้น
ภายในหรูหรา พร้อมเทคโนโลยีอย่างจัดเต็ม
อีกหนึ่งรถพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ใน Segment Suv นะครับ ด้วยความเนี๊ยบที่เป็นสไตล์ของค่าย Audi แล้วไม่ต้องห่วงเรื่องงานดีไซน์ทั้งภายนอก ภายใน ทำออกมาได้อย่างดูดีและเนียนตามาก ๆ และหมัดเด่นของ Audi e-Tron นั้นอยู่ที่ราคา ที่เปิดมาสู่คู่แข่งจากฝั่งเมกาอย่าง Tesla Model X อย่างอยู่หมัดเพราะว่าราคานั้นต่ำกว่าอยู่พอควรเลยครับซึ่งขนาดของ Audi e-Tron คันนี้จะอยู่ก้ำกึ่งระหว่าง Q7 และ Q5 ด้วยมิติตัวถังยาว 4,900 มม. กว้าง 1,938 มม. สูง 1,663 มม. ฐานล้อ 2,923 มม. ส่วนทางด้านสมรรถนะ Audi e-tron 2018 ที่ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ไว้ที่เพลาหน้า-หลัง เพื่อขับเคลื่อนล้อทั้ง 4 และวางแบตเตอรี่ความจุ 95 kWh ไว้ใต้พื้นรถ นอกจากจะให้บุคลิกการขับขี่ที่เป็นสปอร์ตจากจุดศูนย์ถ่วงที่อยู่ต่ำมากแล้ว ยังสามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลาไม่เกิน 6 วินาที ขณะที่ความเร็วสูงสุด Audi e-tron 2018 ทำได้ 200 กม./ชม. อีกทั้งยังวิ่งได้ไกล 240 กม. ด้วยระยะการชาร์จไฟเพียง 30 นาที (จาก 0-80 เปอร์เซ็นต์ ด้วยที่ชาร์จไฟกระแสตรง 150 kW หรือ High Speed Charger) แต่ระยะทางไกลสูงสุดนั้นทาง Audi ยังไม่ได้แจ้งไว้ และที่ Audi ภูมิใจนำเสนอคือระบบชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ได้เมื่อถอนคันเร่งทำงานประสานกับระบบเบรกแบบใหม่ (electrohydraulic brake control system) ไม่ต้องใช้แม่ปั๊มเบรก เป็นรุ่นแรกของโลกอีกด้วย
ดูเพิ่มเติม
>> Audi พร้อมติดตั้งระบบชาร์จ e-tron ให้บริการแล้ว
>> BMW ไทยชี้เครื่องยนต์สันดาปอิ่มตัวแล้ว อนาคตคือ “รถยนต์ไฟฟ้า”
BMW iX3
ภาพสเก็ตก่อนจะทำการสร้าง BMW iX3
Concept BMW iX3 รถพลังงานไฟฟ้า เตรียมออกสู่ตลาดในปี 2020
การดีไซน์ภายนอกนั้นต่อยอดจาก X3
ควิกชาร์จเจอร์ขนาด 150 กิโลวัตต์ ซึ่งสามารชาร์จแบตเตอรี่ของ iX3 ให้เต็มได้ภายใน 30 นาที
ภายในนั้นอาจจะคล้ายกับ BMW X3
จากที่ BMW นั้นได้ประกาศมาแล้วว่าจะขอเป็นผู้นำตลาดรถไฟฟ้าอีกด้วย ซึ่งก่อนหน้าหน้านี้ BMW ได้ปล่อยรถยนต์ที่เป็น Plugin Hybrid ออกมา แต่ในส่วนของรถไฟฟ้า 100% จะมี BMW iX3 คันนี้นี่แหละครับซึ่งจะถูกในประเทศจีน และปล่อยออกมาสู่ตลาดอีกทีในปี 2020 นุ่น ถือว่าช้ากว่าใครเพื่อนเลย มาดูในส่วนของขุมพลัง ของ iX3 ใช้ระบบส่งกำลังแบบไฟฟ้าซึ่งให้กำลัง 270 แรงม้าผ่านแบตเตอรี่ขนาด 70 กิโลวัตต์ SUV คันนี้สามารถวิิ่งได้ถึง 400 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้งผ่าน Worldwide Harmonized Light-Vehicle Test Procedure(WLTP) เมื่อชาร์จไฟผ่านควิกชาร์จเจอร์ขนาด 150 กิโลวัตต์ ซึ่งสามารชาร์จแบตเตอรี่ของ iX3 ให้เต็มได้ภายใน 30 นาที สำหรับรูปลักษณ์ที่ BMW iX3 ได้ปล่อยออกมาให้โลกได้เห็นนั้น อาจจะดูเก่า เหมือนรุ่น X3 บ้าน ๆ ทั่วไปบ้าง แต่เราต้องรอดูตัวจริงก่อนนะครับว่าจะได้รับการแก้ไขให้ล้ำกว่านี้หรือไม่ เพราะทางด้านภาพรวมแล้วคู่แข่งนั้นทำการดีไซน์ออกมาได้สวยกว่าเยอะเลย
Mitsubishi e-Evolution
กระจกด้านหน้านั้นมีความลาดเป็นพิเศษ เพื่อการมองที่ชัดเจนและกว้างมากยิ่งขึ้น
ไฟท้ายยังมีกลิ่นอายของความสปอร์ตจาก EVOLUTION
ภายในสุดล้ำ ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ในยานอวกาศ
รอลุ้นโฉมจริงกันว่าจะออกมาล้ำเหมือน Concept ไหม
*สนใจซื้อรถ BMW X3 มือสองราคาสวยๆ กดดูที่นี่ได้นะครับ
*สนใจซื้อรถ Mitsubishi มือสองราคาสวยๆ กดดูที่นี่ได้นะครับ
มาทางฝั่งเอเชียกันบ้างนะครับ สำหรับค่ายรถแดนปลาดิบ Mitsubishi ที่ได้ปิดตำนานรถเก๋งขับ 4 ที่ได้รับความนิยมแก่วัยโจ๋ขาซิ่ง อย่าง Evolution X กันไปแล้ว แต่ไม่ต้องเสียใจกันไปนะครับ Evolution ได้กลายพันธุ์มาเป็นรถพลังงานไฟฟ้า ที่มีชื่อว่า Mitsubishi e-Evolution ซึ่งตำนานบทใหม่ของ Evolution จะเป็น รถเอเนกประสงค์ ทรงสปอร์ต Suv Coupe และยังคงดำรงเอกลักษณ์ระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อเหมือนเคย โดยเคยเปิดให้ชม Concept ไว้ที่งาน Tokyo Motor Show ตั้งแต่เมื่อปี 2017 นอกจากนั้น e-Evolution Concept ยังถูกติดตั้งระบบปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) ที่มาพร้อมเซ็นเซอร์จำนวนหลายตัวในการอ่านข้อมูลสภาพถนนและจราจร พร้อมแจ้งไปยังผู้ขับขี่เพื่อให้สามารถควบคุมรถได้ง่ายและปลอดภัยยิ่งขึ้น ต่อด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง ให้กำลังมากกว่าเครื่องยนต์สันดาปทั่วไป ติดตั้งแบตเตอรี่ไว้บริเวณใต้พื้นกลางตัวรถ เพื่อลดจุดศูนย์ถ่วงและเพิ่มประสิทธิภาพในการกระจายน้ำหนักขณะเข้าโค้ง มอเตอร์ไฟฟ้าถูกติดตั้งจำนวนทั้งหมด 3 ลูก แบ่งเป็นมอเตอร์ขับเคลื่อนล้อคู่หน้าจำนวน 1 ลูก และล้อคู่หลังอีกจำนวน 2 ลูก พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Super All-Wheel Control (S-AWC) เพื่อการเข้าโค้งที่แม่นยำและเกาะถนน ติดตั้งระบบเบรกแบบคาลิปเปอร์ไฟฟ้าที่ตอบสนองได้ดีกว่าเบรกแบบไฮโดรลิคทั่วไปอีกด้วย
สถานีน้ำมันต่าง ๆ ทั่วโลกเตรียมให้บริการชาร์จไฟแล้ว
เป็นยังไงกันบ้างครับสำหรับรถ SUV พลังงานไฟฟ้าของค่ายยักษ์ใหญ่ มีใครชอบตัวไหนเป็นพิเศษไหมครับ ? แต่สำหรับผมแอบเอาใจเชียร์รถจากฝั่งเอเชียอยู่นะครับ ว่าจะทำออกมาได้ แรง และ ซิ่งสู่ค่ายฝั่ง เมกา หรือ ยูโรปได้หรือเปล่า เรื่องราวรถพลังงานไฟฟ้ายังไม่จบเพียงเท่านี้นะครับ เพื่อน ๆ สามารถติดตามข่าวสารต่าง ๆได้ใน Chobrod.com ได้เลยนะครับ
ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดี เชิญเข้าดูที่ตลาดรถตรงนี้