อาวดี้ ประเทศไทย กับกลยุทธ์ Electrify Model โดยรถยนต์กลุ่มพลังปลั๊กอินไฮบริด จะอยู่ภายใต้หัวข้อ TFSI e โดยเปิดตัว Audi A7 Sportback 55 TFSI e quattro กับตัวเลือก 2 รุ่นย่อย Audi A7 Sportback 55 TFSI e quattro S line ราคา 4,799,000 บาท และ Audi A7 Sportback 55 TFSI e quattro S line Black Edition ราคา 5,099,000 บาท
Audi A7 Sportback 55 TFSI e quattro เปิดตัวให้เลือก 2 รุ่นย่อย
Audi A7 Sportback 55 TFSI e quattro มีให้เลือก 6 สี
อ่านเพิ่มเติม - Audi Q8 e-tron 2023 ขุมพลังไฟฟ้าเคลม 530 กม. มี 2 ตัวถัง 4 รุ่นย่อย ราคาเริ่ม 4.699 ล้านบาท
Audi A7 Sportback 55 TFSI e quattro เป็นรถยนต์สไตล์ Gran Turismo 4 ประตู ระบบขับเคลื่อนปลั๊กอินไฮบริดทรงพลัง หนึ่งเดียวในเซกเมนต์ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ quattro ultra technology
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเทอร์โบชาร์จขนาด 2 ลิตร ให้กำลัง 265 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 143 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ทำงานร่วมกับระบบเกียร์ S tronic 7 จังหวะ
แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนสามารถเก็บพลังงานได้ถึง 17.9 กิโลวัตต์ / ชั่วโมง พร้อมระบบ Recuperation ที่สร้างพลังงานไฟฟ้ากลับคืนสู่แบตเตอรี่ขณะขับขี่
กำลังขับรวมได้สูงถึง 367 แรงม้า เคลมความเร็วจาก 0 - 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพียง 5.7 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในโหมดไฟฟ้าความเร็วสูงสุด 135 กิโลเมตร/ชั่วโมง เคลมวิ่งไฟฟ้า 69 กิโลเมตร/ชาร์จ มาตรฐาน WLTP
Audi A7 Sportback 55 TFSI e quattro ได้รับการออกแบบมาเพื่อ ขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้าได้อย่างเต็มที่ในทุก ๆ วัน การผสมผสานระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์สันดาป มอบประสบการณ์การขับขี่ที่คล่องตัวและสปอร์ตในคันเดียว ด้วยโหมดการขับขี่ที่แตกต่างกันทั้ง 4 โหมด รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดนี้จึงใช้งานง่ายและเหมาะกับทุกการใช้งานในชีวิตประจำวัน
ระบบชาร์จ หัวชาร์จแบบ Type 2 สำหรับใช้กับเครื่องชาร์จสาธารณะ พร้อมแท่นชาร์จ Compact Charger ที่ใช้สำหรับการชาร์จไฟบ้านและอุตสาหกรรมระบบจะมีการแสดงสถานะ LED เพื่อความปลอดภัย รองรับการชาร์จไฟได้สูงสุด 7.4 กิโลวัตต์ (kW) โดยจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง นอกจากนั้น สำหรับการชาร์จด้วยไฟบ้านขนาด 220 โวลต์ ก็สามารถชาร์จแบตเตอรี่เปล่าให้เต็มได้ภายในเวลาไม่เกิน 4 ชั่วโมง
สำหรับรุ่น S line Black Edition ได้ล้อลายใหม่ Audi Sport 5-double arm style ขนาด 20 นิ้ว พร้อมคาลิปเปอร์เบรกสีแดง ไฟหน้าแบบ HD Matrix LED พร้อมเอฟเฟกต์ไฟด้านหน้า-หลัง (Light staging) พร้อมไฟ Projector LED สัญลักษณ์ S ที่ประตูหน้า เบาะนั่งคู่หน้าหนัง Valcona แบบ Sports plus ตกแต่งด้วยลาย Diamond cut พร้อมสัญลักษณ์ S line พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบสปอร์ตท้ายตัด ตกแต่งด้วยหนัง Perforated พร้อมสัญลักษณ์ S line
ตกแต่งภายในด้วยลาย Dark Matte Brushed Aluminum หลังคาพาโนรามิคเลื่อนเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า แป้นเบรก แป้นคันเร่ง และที่พักเท้าตกแต่งด้วย Stainless steel ภายในรถนั้นไม่ได้มีแต่ความสวยหรู แต่ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ดีเยี่ยม เช่น ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ แยกอิสระ 4 โซน ช่อง USB-C สำหรับผู้โดยสารด้านหน้า 2 ตำแหน่ง และด้านหลัง 2 ตำแหน่ง ระบบเครื่่องเสียงระดับพรีเมียม Bang & Olufsen พร้อมระบบเสียง 3 มิติ และไฟเรืองแสงในห้องโดยสารมากถึง 30 สี (Contour/ambient lighting) ระบบช่วยปรับอุณหภูมิในห้องโดยสารก่อนเริ่มการขับขี่ (Stationary air conditioning)
ตลาดรถมือสอง มีรถมากมายให้เลือกในราคาที่ถูกใจ