วิเคราะห์สถานการณ์ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยปี 2567

ตลาดรถยนต์ในประเทศ | 6 ม.ค 2568
แชร์ 0

ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยได้เผชิญกับความท้าทายอย่างมากในปี 2567 ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ การแข่งขันที่เข้มข้น หรือการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภค

ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยได้เผชิญกับความท้าทายอย่างมากในปี 2567 เนื่องจากปริมาณการซื้อขายรถยนต์ใหม่และมือสองมีแนวโน้มที่จะลดลงอย่างรวดเร็ว สาเหตุหลักมาจากสภาพเศรษฐกิจที่ซบเซาและมาตรการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อจากสถาบันการเงิน คาดว่ามียอดขายรถยนต์ใหม่ประมาณ 560,000 คัน ซึ่งลดลงถึง 28% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2566 ในขณะที่ยอดขายรถยนต์มือสองในตลาด B2C  (Business To Consumer) คาดว่าจะลดลงประมาณ 5% จากปี 2566 ทำให้เป็นการลดลงที่มีความรุนแรงที่สุดในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา

ความสนใจรถยนต์มือสองลดลงต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปี


ความผันผวนของจำนวนการค้นหาคำหลักที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์มือสองบน Google
(ข้อมูลมาจากคำค้นหารถยนต์มือสองทั่วไปจำนวน 26,722 คำ)

ในปี 2566 ความต้องการรถยนต์มือสองลดลงอย่างต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเวลา 12 เดือน  เมื่อเข้าสู่ไตรมาสแรกของปี 2567 มีการค้นหาเนื้อหาเกี่ยวกับรถมือสองเริ่มเพิ่มขึ้นอีกครั้ง โดยเฉพาะในเดือนมกราคม 2567 ซึ่งมีจำนวนการค้นหามากกว่า 4.8 ล้านครั้ง แต่ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป ความสนใจในรถยนต์มือสองค่อยๆ ลดลง จนถึงสิ้นปี 2567 นั่นเป็นผลมาจากการเข้มงวดของนโยบายสินเชื่อจากสถาบันการเงินทำให้ผู้ซื้อมีความยากลำบากในการเข้าถึงแหล่งเงินกู้ ผู้บริโภคจึงหันมาใช้เงินสดมากขึ้น ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบ 30%
ในปี 2567 รถมือสองที่ได้รับความนิยมในการค้นหายังคงเป็นรถกระบะ โดย Isuzu D-Max ยังคงอยู่ในอันดับแรกด้วยการค้นหาประมาณ 530,000 ครั้ง รถซีดาน D-class มือสองทั้ง Toyota Camry และ Honda Accord มีการค้นหา 385,094 และ 219,166 ครั้งตามลำดับ

10 รุ่นรถที่มีการค้นหามากที่สุดใน Chobrod.com ปี 2567
10 รุ่นรถที่มีการค้นหามากที่สุดใน Chobrod.com ปี 2567

ราคาของรถยนต์มือสองลดลงในทุกกลุ่ม


ดัชนีราคารถยนต์มือสอง (รถยนต์ที่ผลิตตั้งแต่ปี 2557-2566 ดัชนีราคาเท่ากับ 100 ในไตรมาสแรกของปี 2566)

ดัชนีราคารถยนต์มือสอง

(รถยนต์ที่ผลิตตั้งแต่ปี 2557-2566 ดัชนีราคาเท่ากับ 100 ในไตรมาสแรกของปี 2566)

ในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 ราคาขายเฉลี่ยของรถยนต์มือสองยังคงมีแนวโน้มลดลง แต่การลดลงนี้ช้าลงเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงครึ่งแรกของปี 2567 เนื่องจากราคารถยนต์อยู่ในระดับต่ำแล้ว ภายในระยะเวลา 2 ปี ราคาของรถยนต์มือสองลดลงถึง 21%
ปี 2566 ตลาดรถยนต์ทุกเซ็กเมนต์เผชิญแรงกดดันด้านราคาอย่างหนัก ส่งผลให้ระดับราคาโดยรวมลดลง รถยนต์ที่ผลิตในช่วงปี 2556-2566 เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน พบว่าราคาเฉลี่ยของรถยนต์เก๋งลดลง 20.3% รถยนต์เอสยูวีลดลง 12.4% รถแฮทช์แบ็กลดลง 12% และรถปิคอัพลดลง 7.7%

ราคาขายเฉลี่ยของรถยนต์มือสอง (รถยนต์ที่ผลิตตั้งแต่ปี 2556 - 2566)
ราคาขายเฉลี่ยของรถยนต์มือสอง
(รถยนต์ที่ผลิตตั้งแต่ปี 2556 - 2566)

ความท้าทายปี 2568

บริษัท สหการประมูล จำกัด (AUCT) ประเมินว่าปี 2568 ราคาตลาดรถยนต์มือสองจะปรับสูงขึ้นร้อยละ 10-15 อันเนื่องมาจากปริมาณรถยนต์มือสองคุณภาพสูงมีจำกัด คาดการณ์ปริมาณรถยนต์มือสองที่จะเข้าสู่กระบวนการประมูลในปี 2568 อยู่ที่ประมาณ 250,000 คัน ลดลงจากปี 2567 ส่วนปริมาณการซื้อขายรถยนต์มือสองในตลาด B2C คาดว่าจะทรงตัวใกล้เคียงกับปี 2567 ประมาณ 300,000 คัน
ในเดือนตุลาคม ปี 2567 คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยแก้ไขปัญหาด้านเครดิตสำหรับบุคคลและองค์กรที่มีการกู้ยืม การปรับลดครั้งนี้คาดว่าจะทำให้ต้นทุนในการกู้ยืมลดลง และกระตุ้นการบริโภคส่วนบุคคลในปีหน้า
ท่ามกลางกระแสรถยนต์จีนราคาประหยัดที่เข้ามาในตลาดมากขึ้น ผู้บริโภคมีทางเลือกในการซื้อรถมากมายขึ้นเรื่อย ๆ นักธุรกิจด้านรถยนต์มือสองจำเป็นต้องพิจารณาปริมาณการรับสินค้าและแหล่งที่มาของสินค้าเพื่อให้แน่ใจว่ามีการหมุนเวียนได้เร็วและมีสภาพคล่องทางการเงิน นอกจากนี้ การส่งเสริมการขายผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้นักธุรกิจเพิ่มยอดขายและสูงสุดผลกำไร

ตลาดรถมือสอง มีรถมากมายให้เลือกในราคาที่ถูกใจ