19 กรกฎาคม 2024 มินิ ประเทศไทย เปิดตัว Mini Cooper SE เจเนอเรชั่นที่ 5 ใหม่ J01 ราคา 1,699,000 บาท มอเตอร์กำลัง 218 แรงม้า เร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 6.7 วินาที แบตฯ 54.2 kWh เคลมระยะทางสูงสุด 402 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP
MINI Cooper SE (J01) ปี 2024 ราคาจำหน่าย
กำหนดรับมอบรถภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2567
MINI Cooper SE (J01) ปี 2024 มีให้เลือก 6 สี
มินิ ประเทศไทย เข้าสู่ยุคแห่งยานยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบลุยเปิดตัว MINI เจเนอเรชันที่ 5 ด้วย MINI Cooper SE (J01) และ MINI Contryman SE (U25) ในระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า 100% เป็นครั้งแรก
อ่านเพิ่มเติม - Mini Cooper SE ปี 2024 (J01) เปิดรับจองออนไลน์ ก่อนเปิดตัว 19 กรกฎาคม
MINI Cooper SE (J01) ปี 2024 เจเนอเรชันที่ 5 นี้ นำดีไซน์ดั้งเดิมของความเป็นมินิ มาผสมผสานเข้านวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า 100% การขับขี่ในรูปแบบ Electrified Go-Kart ตัวถังของมินิเจเนอเรชั่นใหม่ได้รับการออกแบบมาสำหรับระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าโดยเฉพาะ ออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตรเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
ยังคงรักษาองค์ประกอบอันเป็นเอกลักษณ์ของมินิเอาไว้ ส่วนหน้ารถที่สั้น, ฐานล้อยาว และล้อขนาดใหญ่ มือจับประตูที่กลมกลืนกับพื้นผิวของตัวรถ ซุ้มล้อและขอบด้านข้างรถที่เสมอกับผิวตัวถังรอบคัน ซึ่งเป็นไปตามแบบฉบับของมินิรุ่นคลาสสิก ทำให้รถดูมีขนาดใหญ่ขึ้น
ด้านหน้าของรถไฟหน้าทรงกลมอีกหนึ่งเอกลักษณ์ประจำตัว เพิ่มโหมดไฟซิกเนเจอร์ที่มีให้เลือก 3 รูปแบบ ได้แก่ Classic, Favoured และ JCW กระจังหน้าทรงแปดเหลี่ยมโฉมใหม่กรอบสีเงิน Vibrant Silver
ความมินิมอลในงานออกแบบเห็นได้จากด้านข้างตัวถังที่ไม่มีแถบสีดำ ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศเพียง 0.28 ด้านท้ายสวยสะอาดตา มีสัดส่วนและเส้นสายของตัวรถ คาดกลางด้วยแถบสีดำแนวนอนบริเวณกึ่งกลางฝากระโปรงท้าย
ห้องโดยสารเรียบง่าย แผงหน้าปัด, แผงประตูและฝาปิดช่องเก็บของต่าง ๆผลิตจากเส้นใยโพลีเอสเตอร์รีไซเคิล 90%
เบาะนั่งสไตล์สปอร์ตยังคงความหรูหราและนุ่มสบายเช่นเคยด้วย Vescin สีน้ำเงิน Nightshade ซึ่งเป็นวัสดุหนังสังเคราะห์แบบใหม่ของมินิ งานตกแต่งด้วยอะลูมิเนียมทำมาจากอะลูมิเนียมรีไซเคิล
ชุดแต่ง Favoured Trim ในดีไซน์ทูโทน ส่วนพื้นผิวหน้าแผงคอนโซลหุ้มด้วยผ้าถักลายตารางแบบทูโทน กล่องเก็บของที่บุด้วยผ้าถักจากวัสดุพิเศษ พร้อมสายผ้าสำหรับใช้ช่วยเปิด
จอแสดงผล OLED ทรงกลมความละเอียดสูงเป็นครั้งแรกของวงการยานยนต์ สะท้อนตัวตนของมินิเวอร์ชั่นต้นตำรับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1959 คือหน้าจอ MINI Interaction Unit ทรงกลมขนาดใหญ่
โดยส่วนบนของหน้าจอจะเป็นพื้นที่แสดงข้อมูลสำคัญของตัวรถ เช่น ความเร็วรถและสถานะแบตเตอรี่ ในขณะที่ส่วนที่เหลือของจอแสดงผลทรงกลมยังสามารถปรับเปลี่ยนให้แสดงข้อมูลการนำทาง เพลงและความบันเทิงอื่น ๆ รวมถึงฟีเจอร์ด้านการเชื่อมต่อต่าง ๆ ระบบ Head-up Display ก็ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นข้อมูลสำคัญของตัวรถได้โดยไม่ต้องละสายตาจากท้องถนนอีกด้วย
หน้าจอ MINI Interaction Unit ในโหมดการใช้งาน MINI Experience ปรับแต่งได้ 7 โหมดที่มีคุณสมบัติแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็น
3 โหมดหลักนี้ และอีก 4 โหมดย่อย MINI Interaction Uni
ด้านล่างของหน้าจอ MINI Interaction Unit ซึ่งติดตั้งอยู่บนคอนโซลด้านหน้า ผู้ขับจะได้พบกับแผงควบคุม Toggle Bar ดีไซน์ใหม่ อีกหนึ่งองค์ประกอบที่หวนคืนมาจากมินิรุ่นคลาสสิก
ระบบผู้ช่วยของรถ MINI Intelligent Personal Assistant ที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในไทย พร้อมตอบสนองทุกคำสั่ง เพียงออกเสียงเรียกว่า “Hey MINI!”
ขับเคลื่อนด้วยระบบปฏิบัติการ MINI Operating System 9 แพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ที่พัฒนาด้วยมือของทีมงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป บนพื้นฐานของ Android Open Source Project (AOSP)
ขุมกำลังมอเตอร์ไฟฟ้า 160 กิโลวัตต์ / 218 แรงม้า และแรงบิด 330 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 6.7 วินาที
แบตเตอรี่แรงดันสูง 54.2 kWh เคลมระยะทางสูงสุด 402 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP รองรับการชาร์จไฟแบบ AC สูงสุด 11 กิโลวัตต์ ชาร์จไฟแบบ DC ทำได้สูงสุดที่ 95 กิโลวัตต์ จาก 10% ถึง 80% ในเวลาเพียงไม่ถึง 30 นาที
ช่วงล่างปรับแต่งมาเพื่อการควบคุมที่คล่องตัว ด้วยจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ ฐานล้อที่ยาวขึ้นและขยับไปชิดมุมรถทั้ง 4 ด้าน (Short overhang) ทำให้มีความคล่องตัวมากขึ้น คงไว้ซึ่งสไตล์การขับขี่แบบโกคาร์ทไว้ได้อย่างครบถ้วน การบังคับเลี้ยวที่แม่นยำ
ระบบช่วยเหลือการขับขี่ จอดรถอัตโนมัติอย่าง Parking Assistant และแพ็คเกจ Driving Assistant ซึ่งสามารถเลือกอัปเกรดเป็น Driving Assistant Plus ที่มาพร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control) โดยให้เลือกสมัครได้ในแบบ 1 เดือน 1 ปี 3 ปี หรือตลอดอายุการใช้งาน และฟีเจอร์กุญแจรถดิจิทัล MINI Digital Key Plus
คุณประภัสรา อร่ามวงศ์สมุทร ผู้อำนวยการ มินิ ประเทศไทย กล่าวว่า
“หลังจากที่แฟน ๆ รอคอยกันมาพักใหญ่ วันนี้เราตื่นเต้นมากที่ได้นำรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของมินิกลับมาทำตลาดในประเทศไทยอีกครั้ง ซึ่งรุ่นก่อนหน้าก็ได้รับเสียงตอบรับอย่างดีจากลูกค้าในไทยจนขายหมดไปเมื่อปี 2566 ในครั้งนี้ มินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ ได้กลับมาอีกครั้งในเจเนอเรชันที่ 5 และจะมาปฏิวัติวงการยานยนต์ไฟฟ้าของไทยด้วยดีไซน์มินิมอลสุดล้ำ ฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบรับยุคดิจิทัล และสมรรถนะการขับขี่ที่ยังคงความสนุก เร้าใจด้วยสไตล์การขับขี่แบบโกคาร์ทอันเป็นเอกลักษณ์ของมินิเอาไว้อย่างครบถ้วน
รถยนต์เจเนอเรชันใหม่ของมินิทุกรุ่น นับเป็นการผสมผสานงานออกแบบและความสนุกในการขับขี่อันเป็นเอกลักษณ์ของมินิ เพื่อมอบประสบการณ์อันยอดเยี่ยมและยั่งยืนให้กับทั้งแฟน ๆ ที่ติดตามมินิมาอย่างยาวนาน รวมถึงลูกค้าใหม่ที่ต้องการจะก้าวเข้าสู่โลกของมินิเป็นครั้งแรก ซึ่งมินิเจเนอเรชันใหม่ยังไม่ละทิ้งคาแรกเตอร์ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของแบรนด์พร้อมทั้งยังส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยม ทำให้สามารถเชื่อมต่อกับตัวรถ ผ่านทางนวัตกรรมดิจิทัลต่าง ๆ มากมายให้แก่ผู้ขับขี่ทั้งขณะที่ใช้งานในตัวรถ และเมื่อต้องการสื่อสารกับตัวรถขณะอยู่นอกห้องโดยสารอีกด้วย”
ตลาดรถมือสอง มีรถมากมายให้เลือกในราคาที่ถูกใจ