MG MAXUS 7 ปี 2024 เปิดราคา 1.769 ล้านบาท ยันพร้อมส่งรถปลายกรกฎาคม

ตลาดรถยนต์ในประเทศ | 14 มิ.ย 2567
แชร์ 0

14 มิถุนายน 2024 เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์ MG ในประเทศไทย เปิดราคาจำหน่าย MG MAXUS 7 รถ e-MPV พลังงานไฟฟ้า 100% แบบ 7 ที่นั่ง ราคา 1,769,000 บาท เริ่มส่งมอบรถได้ในปลายเดือนกรกฎาคม

MG MAXUS 7 ปี 2024

MG MAXUS 7 ปี 2024

MG MAXUS 7 ปี 2024

ราคาจำหน่าย MG MAXUS 7 ปี 2024

MG MAXUS 7 รุ่นย่อย X 90kWh ราคา 1,769,000 บาท

อ่านเพิ่มเติม - MG MAXUS 7 ปี 2024 MPV ไซส์กลางไฟฟ้า ขนาด 7 ที่นั่ง เคลมวิ่ง 480 กม. มีรถส่งมอบกรกฎาคม

MG MAXUS 7 ปี 2024 มีให้เลือก  4 สี

  • สีขาว (Pearl White) ภายในโทนสีดำและสีน้ำตาล
  • สีดำ (Black Knight) ภายในโทนสีดำและสีน้ำตาล
  • สีพิเศษ สีเขียว (Emerald Green) ภายในโทนสีขาว
  • สีพิเศษทูโทนเทาหลังคาดำ (Grey/Black) ภายในโทนสีขาว เพิ่ม 20,000 บาท

MG MAXUS 7 ปี 2024

MG MAXUS 7 ปี 2024

MG MAXUS 7 ปี 2024

MG MAXUS 7 ปี 2024

MG MAXUS 7 ปี 2024

รถตระกูล MG MAXUS รุ่นที่ 2 MG MAXUS 7 รถ e-MPV พลังงานไฟฟ้า 100% แบบ 7 ที่นั่ง  ดีไซน์ภายนอก กระจังหน้าแบบ Grille less Design

ประตูสไลด์ด้านข้างด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมที่เปิดประตูแบบเก็บซ่อนในตัวรถ (Hidden Door Handle) ฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า และหลังคาพาโนรามิกซันรูฟแบบ One Touch

MG MAXUS 7 ปี 2024

MG MAXUS 7 ปี 2024

MG MAXUS 7 ปี 2024

MG MAXUS 7 ปี 2024

MG MAXUS 7 ปี 2024

ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง ออกแบบเพื่อรองรับการใช้งานได้อย่างลงตัว ดีไซน์คอนโซลหน้าแบบ Double Layer พร้อมที่วางแก้ว และรองรับการชาร์จแบบไร้สาย (Wireless Charger) 

ด้วยเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อมระบบดันหลังไฟฟ้า เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง สามารถปรับระดับอุณหภูมิได้ตามความต้องการ สำหรับเบาะนั่งแถวที่สองเป็นแบบ Captain Seat ปรับแบบแมนนวล

MG MAXUS 7 ปี 2024

MG MAXUS 7 ปี 2024

MG MAXUS 7 ปี 2024

จอกลางแบบสัมผัสขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Android ช่องเชื่อมต่อ USB ให้เสียงรอบด้านด้วยลำโพงมากถึง 8 จุด

ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกโซนด้านหน้าและหลัง และระบบกรองอากาศ PM 2.5

ขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ให้กำลังสูงสุดที่ 245 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร แบตเตอรี่แบบลิเธี่ยมไอออน จัดวางแบบ Cell-To-Pack ขนาดความจุ 90 kWh ให้ระยะทางสูงสุด 570 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC  แบตเตอรี่มาตรฐานความปลอดภัย IP67 ช่วยในการป้องกันน้ำและฝุ่น

รองรับการชาร์จเร็วสูงสุดที่ 120 kWh โดยชาร์จไฟจาก 30% - 80% ใช้เวลาเพียง 30 นาที และการชาร์จแบบธรรมดา รองรับการชาร์จสูงสุดที่ 11 kWh โดยชาร์จไฟ จาก 5% -100% ในเวลาประมาณ 8 ชั่วโมงครึ่ง

มาพร้อมออปชั่น V2L จ่ายกระแสไฟฟ้าได้ 6.6 kW สามาถชาร์จรถอีวีคันอื่นได้ในเวลาเดียวกัน

มาตรฐาน ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM พร้อมระบบ ADAS รวมมากถึง 25 ระบบ ได้รับมาตรฐาน 5 ดาว ทั้ง Euro NCAP และ ANCAP

  • ระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย
  • ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake)
  • ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold)
  • ระบบป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
  • ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System)
  • ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control)
  • ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
  • ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
  • ระบบเปิด - ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam Control)
  • ระบบสัญญาณไฟแจ้งเดือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
  • ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
  • ระบบตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ DMS (Driver Monitor System)
  • ระบบช่วยเตือนการชน FCW และระบบช่วยเบรก AEB
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน และช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน ELK
  • (Emergency Lane Keeping Assist)
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
  • ระบบช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากมุมอับสายตา (BSD / RCTA / DOW)
  • ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light)
  • จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX ที่นั่งแถวที่ 2 และ 3
  • เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับ พร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัยกล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ
  • สัญญาณเตือนระยะด้านหน้า และหลัง

นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์

นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า

“เอ็มจี ได้เล็งเห็นถึงโอกาสผนวกกับความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้นในยุคปัจจุบัน เราจึงได้เพิ่ม “ตัวเลือกที่ลงตัว” อย่าง NEW MG MAXUS 7 เข้าสู่ตลาดอีวีไทย โดยได้เผยโฉมสู่สาธารณชนครั้งแรกในงานมอเตอร์โชว์ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และมีผู้ให้ความสนใจจองรถรุ่นนี้ล่วงหน้ากว่า 300 คัน

โดยเป้าหมายของรถรุ่นนี้ เอ็มจี ต้องการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้าครอบครัวยุคใหม่ได้อย่างครอบคลุม มากที่สุดกับครอบครัวที่มีสมาชิกหลากหลายเจนเนอเรชั่นเพื่อให้สามารถใช้เวลาร่วมกันได้อย่างมีคุณค่า ด้วยราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

เอ็มจี มีรถเตรียมส่งมอบ 1,500 คันภายในปีนี้ โดยเริ่มทยอย ส่งมอบในปลายเดือนกรกฎาคมนี้เป็นต้นไป ไม่เพียงเท่านั้น เอ็มจี ยังคงมุ่งมั่นสร้างความแข็งแกร่งให้ระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อรองรับการใช้งานรถอีวี ด้วยสถานี MG SUPER CHARGE STATION ซึ่งปัจจุบัน เปิดให้บริการแล้วกว่า 147 แห่งทั่วประเทศ รวมถึงขยายศูนย์บริการ 150 แห่งทั่วประเทศให้สามารถรองรับบริการรถยนต์ไฟฟ้าของลูกค้า เอ็มจี เพื่อให้คนไทยอุ่นใจในการใช้รถอีวีได้ในทุกพื้นที่

ตลาดรถมือสอง มีรถมากมายให้เลือกในราคาที่ถูกใจ