ถึงคิวของ Mazda 3 รุ่นปี 2022 ที่เปิดตัวรุ่นใหม่ ก่อนหน้านี้จัดมาทั้ง Mazda CX3, Mazda CX30 และ Mazda 2 เปิดสีตัวถังใหม่ บรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ พร้อมกับการปรับออปชั่น มี 3 รุ่นย่อยเหมือนเดิม 2.0 C, 2.0 S และ 2.0 SP โดยยังจำหน่ายในราคาเดิม
Mazda 3 รุ่นปี 2022 รุ่น C/C Sports
Mazda 3 รุ่นปี 2022 รุ่น 2.0 C/C Sports
อ่านเพิ่มเติม - Mazda CX-30 ปี 2022 ราคาเริ่ม 989,000 บาท ให้ออปชั่นแน่นขึ้น พร้อมสีใหม่
Mazda 3 รุ่นปี 2022 รุ่น S/S Sports
Mazda 3 รุ่นปี 2022 รุ่น 2.0 S/S Sports
Mazda 3 รุ่นปี 2022 รุ่น 2.0 SP/SP Sports
สีภายนอกเทรนด์ใหม่ บรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ ที่ก่อนหน้านี้ได้เปิดตัวใน Mazda CX3, Mazda CX30 และ Mazda 2 ซึ่ง Mazda 3 รุ่นปี 2022 ได้เพิ่มหลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า ที่ในคลาสนี้จะเป็นรุ่นเดียวที่มี
ภายในห้องโดยสาร สปอร์ตหรูมีระดับ รายละเอียดเสมือนงานทำมือ (Hand-Crafted Design) ทั้งการออกแบบและการคัดสรรวัสดุ ออปชั่นเด่นคือ เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ 2 ตำแหน่ง รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto หน้าจอสี Center Display ขนาด 8.8 นิ้ว ที่ควบคุมด้วยปุ่มควบคุม Center Commander แผงหน้าปัดและมาตรวัดดิจิตอล แบบ TFT LCD พร้อมจอแสดงผลแบบสี MID
เครื่องยนต์เดิม สกายแอคทีฟเบนซิน SKYACTIV-G 2.0 กำลังสูงถึง 165 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 213 นิวตัน-เมตร รองรับน้ำมันได้ถึง E85 ให้การประหยัดน้ำมันสูงสุด 15.9 กม./ลิตร ส่งกำลังด้วย SKYACTIV-DRIVE เกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟ 6 สปีด ที่มีแมนนวลโหมด Activematic
การขับขี่บน Mazda 3 รุ่นปี 2022 ก็สบายขึ้นด้วยระบบ G-Vectoring Control Plus (GVC Plus) ที่ช่วยควบคุมรถให้ง่ายขึ้นเวลาเข้าโค้ง
พร้อมกันนี้ New Mazda3 ดอกเบี้ย 1.99% และฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี พร้อมส่งมอบรถใหม่ให้ทันที
นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า
ปัจจุบันตลาดรถยนต์นั่งระดับ C segment มีผู้เล่นหลักในตลาดเพียง 3 แบรนด์ มียอดขายรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 2-3 หมื่นคันต่อปี ในขณะที่มาสด้ามียอดขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3 พันคันต่อปี ครองส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 10% หรือเฉลี่ยประมาณ 3 ร้อยคันต่อเดือน โดยเฉพาะรุ่นฟาสท์แบค 5 ประตู ที่มาสด้ายังคงครองความเป็นเจ้าตลาดมาตลอดกาล นับตั้งแต่เจเนอเรชั่นแรกจนถึงปัจจุบัน การปรับโฉมเพิ่มอุปกรณ์มาตรฐานตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมากขึ้น เพิ่มระบบความปลอดภัยมากขึ้น และคัดสรรเฉพาะวัสดุคุณภาพสูง ผนวกกับเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร ที่ประหยัดน้ำมันถึง 15.9 กิโลเมตรต่อลิตร จะส่งผลให้ Mazd3 ยังคงความสปอร์ตพรีเมี่ยมเหนือกว่ารถทุกรุ่น และคาดว่ายอดขายจะเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าปัจจุบัน
ทั้งนี้ มาสด้าต้องขอขอบคุณลูกค้าชาวไทยที่ให้การตอบรับอย่างดียิ่ง จากการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ลงสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะ CX-3 ตามด้วย Mazda2 และล่าสุดคือ CX-30 ที่มาพร้อมกับสีใหม่ บรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ ซึ่งกว่า 30% ของยอดจองทั้งหมด กลายเป็นสีที่ถูกใจลูกค้ามากที่สุด รองลงมาคือ สีเทา โพลีเมทัล เกรย์ และสีแดง โซล เรด คริสตัล ซึ่งทั้ง 3 สี ที่มาสด้าผลิตขึ้นมาถือเป็นการบุกเบิกเพื่อสร้างเทรนด์ใหม่ให้กับลูกค้าในประเทศไทย และมีเฉพาะในรถยนต์มาสด้าเท่านั้น
สำหรับ Mazda3 ถือเป็นยนตรกรรมเจเนอเรชั่นใหม่ที่เป็นดั่งต้นแบบของความสง่างาม ซึ่งเปิดตัวและวางจำหน่ายในประเทศไทยมาแล้วทั้งหมด 4 เจเนอเรชั่น โดยเจเนอเรชั่นแรก วางจำหน่ายระหว่างปี 2547-2554 มียอดขายสะสมกว่า 30,000 คัน ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนภาพลักษณ์มาสด้าอย่างสิ้นเชิง ตามด้วยเจเนอเรชั่นที่ 2 วางจำหน่ายระหว่างปี 2554-2557 มียอดขายสะสมกว่า 15,000 คัน ตามด้วยเจเนอเรชั่นที่ 3 ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ เริ่มวางจำหน่ายระหว่างปี 2557-2563 มียอดขายสะสมกว่า 32,000 คัน และเจเนอเรชั่นล่าสุด ที่วางจำหน่ายมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2562 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างงดงามด้วยยอดขายสะสมกว่า 8,000 คัน ซึ่งทำให้ปัจจุบันมีรถยนต์ Mazda3 อยู่ภายใต้การครอบครองของลูกค้าในประเทศไทยแล้วกว่า 85,000 คัน และอยู่ในการครอบครองของลูกค้าทั่วโลกรวมแล้วกว่า 6.9 ล้านคัน
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า
การแนะนำรถยนต์นั่ง New Mazda3 ในครั้งนี้ มาพร้อมคอนเซ็ปต์ใหม่ “AWAKENING YOUR SOUL” เป็นยนตรกรรมสปอร์ตพรีเมี่ยมใหม่ ที่ปลุกสัญชาตญาณความสปอร์ตในแบบคุณให้มีชีวิต เติมเต็มเอกลักษณ์ที่โดดเด่นในแบบที่ไม่ซ้ำใคร ด้วยดีไซน์ที่สะกดสายตาในทุกมุมมอง ดีไซน์ภายนอกที่ยังคงความสง่างาม สปอร์ตพรีเมี่ยม ภายใต้แนวคิด Kodo: Soul of Motion ที่ถูกพัฒนาขึ้นไปอีกระดับ ด้วยการลดทอนรายละเอียดที่ไม่จำเป็นลง แต่คงไว้ซึ่งความเรียบหรู ทรงพลัง ดุจการเติมจิตวิญญาณให้ยนตรกรรมมีชีวิต ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากสุนทรียศาสตร์แบบญี่ปุ่น ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Less is More” ที่เน้นความเรียบง่ายแต่งดงาม ในรุ่นฟาสท์แบค 5 ประตู ยังคงแบบอย่างการดีไซน์อันมีเอกลักษณ์เสมือนงานศิลปะชิ้นเอก โดดเด่นด้วยความสปอร์ตในทุกรายละเอียด เน้นความเรียบง่ายแต่ทรงพลัง ในขณะที่รุ่นซีดาน 4 ประตู ให้ความหรูหรา ปราดเปรียวอย่างมีสไตล์ แต่ยังคงไว้ซึ่งความภูมิฐานสง่างามในทุกรายละเอียด พร้อมสะกดทุกสายตาให้เหลียวมอง
ตลาดรถมือสอง มีรถมากมายให้เลือกในราคาที่ถูกใจ