8 พฤษภาคม 2025 รายงาน J.D. Power 2025 Thailand Initial Quality StudySM (IQS) พบผู้ใช้รถยนต์ในไทยรายงานปัญหาคุณภาพรถเพิ่มขึ้นในปีนี้ 89% เทียบกับ 81% ในปี 2566 โดยระบบอินโฟเทนเมนท์มีอัตราการพบปัญหาสูงสุด ชี้ให้เห็นความจำเป็นในการปรับปรุงคุณภาพรถยนต์ พร้อมเผยข้อมูลรถยนต์ 10 รุ่นในแต่ละกลุ่มที่ได้คะแนนเานคุณภาพสูงสุด
จากการเติบโตอย่างรวดเร็วของรถยนต์พลังงานใหม่ในประเทศไทย การศึกษานี้จึงได้รับการปรับปรุงใหม่ให้ครอบคลุมถึงรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (BEVs) และปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานรถยนต์พลังงานไฟฟ้า เจ้าของรถยนต์พลังงานใหม่ (NEVs) และเจ้าของรถยนต์ทั่วไป (เครื่องยนต์สันดาปภายในหรือไฮบริด) รายงานปัญหาคุณภาพในระดับใกล้เคียงกัน โดยเจ้าของรถยนต์พลังงานใหม่ (NEVs) รายงาน 179 ปัญหาต่อรถ 100 คัน (PP100)
ส่วนเจ้าของรถทั่วไปมีระดับปัญหาที่ 177 ( PP100 ) เจ้าของรถยนต์พลังงานใหม่ (NEVs) พบปัญหามากกว่าในหมวดระบบปรับอากาศและอินโฟเทนเมนท์ ขณะที่เจ้าของรถทั่วไปพบปัญหามากกว่าที่เบาะนั่ง, ตัวถังภายนอกรถยนต์ และภายในห้องโดยสาร คะแนน PP100 ที่ต่ำกว่าบ่งชี้ถึงปัญหาที่น้อยกว่า หรืออีกนัยหนึ่งคือระดับคุณภาพรถที่สูงกว่า
นายไชยวัฒน์ เกษาพร ผู้จัดการโครงการอาวุโสและหัวหน้านักวิเคราะห์จาก Differential ประเทศไทย กล่าวว่า
“เจ้าของรถรุ่นใหม่มักเชื่อมต่อกับอุปกรณ์มือถืออย่างใกล้ชิดและถือเป็นส่วนสำคัญของชีวิตประจำวัน ดังนั้น พวกเขาจึงคาดหวังการเชื่อมต่อที่ไร้รอยต่อเมื่อขึ้นและลงจากรถ อย่างไรก็ตาม ระบบอินโฟเทนเมนท์ที่นำเสนอในรถยนต์รุ่นปัจจุบันยังคงเผชิญกับความท้าทาย เนื่องจากผู้ใช้มักประสบปัญหาการเชื่อมต่อบลูทูธ, ช่องจ่ายไฟ/ชาร์จไฟสำหรับอุปกรณ์พกพาไม่เพียงพอ, ความเร็วในการชาร์จช้า และหน้าจอสัมผัสที่ไม่ตอบสนอง”
รุ่นรถที่ได้อันดับสูงสุดในด้านคุณภาพตามรายงานของ J.D. Power 2025 Thailand Initial Quality StudySM (IQS) ฉบับที่ 1
การศึกษานี้จัดทำร่วมกับ ดิฟเฟอเรนเชียล โดยวัดปัญหาที่พบใน 10 ประเภทปัญหาคุณภาพสำหรับรถเครื่องยนต์สันดาปภาพใน (ICE), ไฮบริด (HEV, PHEV) และ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (BEV) โดยมีประเภทของปัญหาคุณภาพดังนี้: ระบบปรับอากาศ, ระบบช่วยขับ, ประสบการณ์ในการขับขี่, ภายนอกรถ, เครื่องยนต์/มอเตอร์และระบบส่งกำลัง, ฟีเจอร์/ปุ่มควบคุม/หน้าจอ, อินโฟเทนเมนท์, ภายในรถ และเบาะนั่ง สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (BEV) จะมีหมวดแบตเตอรี่และการชาร์จเพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งหมวด
ผลการศึกษาคุณภาพรถยนต์ใหม่ในประเทศไทยปี 2568 (J.D. Power 2025 Thailand IQS) — ฉบับที่ 1 นี้ อ้างอิงจากการตอบแบบสอบถามของเจ้าของรถใหม่จำนวน 4,721 ราย ซึ่งซื้อรถระหว่างเดือนมิถุนายน 2567 ถึงมกราคม 2568 โดยทำการสำรวจภาคสนามระหว่างเดือนธันวาคม 2567 ถึงกุมภาพันธ์ 2568 ใน 22 เมืองใหญ่ทั่วประเทศ ครอบคลุมรถยนต์ 55 รุ่นจาก 14 แบรนด์ โดยจัดอันดับจากจำนวนปัญหาต่อรถยนต์ 100 คัน (PP100) ซึ่งคะแนนน้อยแสดงถึงคุณภาพที่ดีกว่า สำหรับ ผลการศึกษาคุณภาพรถยนต์ใหม่ในประเทศไทยปี 2568 (J.D. Power 2025 Thailand IQS) — ฉบับที่ 2 จะเผยแพร่ในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้
นายอัตสึชิ คาวาฮาชิ ผู้อำนวยการอาวุโสของ เจ.ดี. พาวเวอร์ ประเทศญี่ปุ่นกล่าวว่า
“การวัดคุณภาพของรถยนต์ใหม่ในประเทศไทยเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทั้งผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่ครอบครองส่วนแบ่งการตลาดเดิมและผู้เล่นหน้าใหม่ในกลุ่ม NEV ซึ่งนำไปสู่การปรับปรุงคุณภาพ เพื่อเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าและเสริมสร้างชื่อเสียงของแบรนด์”
“ด้วยการใช้ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้เพื่อปรับปรุงคุณภาพอย่างทันท่วงที จะช่วยให้ผู้ผลิตยานยนต์สามารถสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ที่แข็งแกร่ง เพิ่มมูลค่าขายต่อ ลดต้นทุนการรับประกัน และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดรถยนต์ของไทยได้”
ตลาดรถมือสอง มีรถมากมายให้เลือกในราคาที่ถูกใจ